5 - วันครบรอบของใคร
ผมเกิดมาไม่เคยได้ยินวิธีการรักษาแบบนี้มาก่อน มันคือรักษาโรคนอนไม่หลับแบบแปลกใหม่ที่ผมไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริง หมอวรพงศ์อธิบายให้ผมฟังว่า ความฝันก็เหมือนของส่วนตัวอย่างบัตรประชาชน บัตรเครดิต ความคิดในสมองถือว่าเป็นความลับขั้นสุดที่ใครไม่สามารถขโมยมันไปได้ ถ้าอยากให้รัดกุมที่สุด ผมอยากให้ตั้งรหัสผ่านความฝันเพื่อที่ใครก็ไม่สามารถเข้าไปดูมันได้ ผมฟังครั้งแรก ผมยังแปลกใจเลยว่าหมอกำลังล้างสมองผมหรือไม่ ลูกเล่นของพวกมิจฉาชีพมันพัฒนาไปไกลขนาดนี้แล้วเหรอ
“ศูนย์ หก...”
ผมบอกรหัสให้หมอวรพงศ์ไว้ก่อน ปกติความฝันของพิชชามันของส่วนตัวก็จริง แต่ในกรณีนี้ผมต้องได้เห็นมันเพราะผมอยากรู้ว่าใครกันที่อยู่ในฝันของพิชชา แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดมันมีที่มาและสาเหตุจากอะไร ถ้าหมอสามารถมองความฝันได้ ผมจะนั่งดูมันทั้งคืนและเก็บทุกหลักฐานเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพิชชามีที่มาอย่างไร ผมอาจจะเหนื่อยที่ต้องใช้สมองทำงานหนักไขปริศนาแต่แลกมาด้วยความคุ้ม
“งั้นดูนี่นะครับ”
หมอวรพงศ์ทำการเชื่อมสายยูเฮชบีต่อเข้าที่ห้วสมอง พิชชาเป็นมนุษย์ไม่ได้มีกระแสไฟฟ้าผลิตออกมาเองได้สักหน่อย ต่อสายทำเหมือนคอมพิวเตอร์ไปได้ ผมมองที่หน้าจอแผ่นเรียบเหนือเตียงนอนที่แฟนผมนอนอยู่ ภาพในจอปรากฏคลื่นขาดหายราวกับสัญญาณติดขัด เมื่อภาพกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ผมเห็นหน้าจอกรอกรหัสหกหลัก ผมกรอกตามรหัสที่ผมตั้งไว้มันพาหน้าจอมาที่ภาพเหตุการณ์หนึ่ง สิ่งที่ผมเห็นคือภาพยนตร์หรือภาพในความคิดของพิชชา
“นี่คือภาพความฝันของพิชชาเหรอ”
ผมชี้ไปที่หน้าจอพบว่าภาพนั้นกำลังแสดงความมืดในสถานที่หนึ่ง ถึงเห็นไม่ชัดแต่ผมเห็นของชิ้นหนึ่งขนาดใหญ่ต่อให้จะกลืนกับความมืด ถ้าของชิ้นหนึ่งปรากฏออกมาผมพอจะมองออกว่าสถานนี้อยู่ที่ไหน ผมมองดูให้เห็นชัดตามันคือห้องนอนห้องหนึ่ง ไม่ใช่ห้องที่พิชชาอยู่ และไม่ใช่ห้องที่อยู่ในบ้านผมด้วย เมื่อเลื่อนภาพไปเรื่อย ๆ พบชายหุ่นหมีใส่ต่างหูพร้อมถือมีดขนาดใหญ่ ใบมีดแหลมคม ดูแล้วชายคนนั้นต้องการจัดการให้อยู่หมัดเอาให้ตายคาฝันหลุดพ้นไม่ได้
“ทำไมมันถึงปรากฏตัวในฝันของแฟนผม”
“ผมว่าแฟนคุณอาจจะไปทำอะไรใครไว้ก็ได้นะครับ คนเราถ้าจิตใต้สำนึกมีเศษเสี้ยวของเรื่องราวที่ผูกพันมานานจนลืมไม่ได้ จำฝังใจ วันหนึ่งมันจะปลุกความกลัวให้ตื่นตระหนกตลอดคืน คุณเป็นแฟนเขาเคยสงสัยไหมครับว่าก่อนมาเจอคุณ เขาเจอใครมาก่อน”
“เอ่อ...”
ผมไม่รู้มาก่อนว่าพิชชาก่อนมาคบผม เขาเคยเจอใครมาก่อนแต่ว่าสถานะไหนทำไมถึงจ้องเอาชีวิต ต่อให้ชายคนนั้นไม่เห็นในสายตาหรือเข้ามาระรานในชีวิตจริง แต่ความฝันของเขาไม่ปลอดภัยเข้าไปทุกทีแล้ว ผมมองหน้าจอเลื่อนดูภาพในความคิด ผมขนลุกไม่หายเลย ของจริงที่เห็นกับตาผมจะไขปริศนาจากอะไรก่อน ภาพมืดดำก่อกวนจิตใจให้ผมหวาดกลัวมากกว่าเดิม
“คุณลองไปหาคำตอบดูนะครับ เผื่อจะเจออะไรที่คุณมองข้ามไป”
หมอวรพงศ์แนะนำให้ผมฟังว่าให้ผมสังเกตอาการของพิชชาต่อจากนี้ไป บางทีสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาคือผู้ชายในฝัน ว่าแต่ทำไมรูปร่างและเงามืดปกปิดร่างกายรวมถึงเงาสะท้อนตรงพื้น เหมือนกับผู้ชายตรงหน้าผมมาก มันบังเอิญหรือแค่เหมือนเท่านั้น
ผมไม่รู้มาก่อนว่าพิชชาเคยมีใครมาก่อน นี่คือข้อสันนิษฐานของผมเท่านั้น ข้อแรกคือเขาเคยมีใครมาก่อนผมและข้อสองความฝันของชายฆาตกรที่ปรากฏตัว แรงแค้นของเขามากแค่ไหนถึงจัดการพิชชาพร้อมตายคาที่จนจิตวิญญาณไม่สามารถพาออกมาใช้ชีวิตในโลกความจริง ทุกอย่างมันมีปริศนาและความหวาดกลัวไม่หยุดหย่อน ผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ที่ร้านกาแฟ
ว่านเห็นว่าร่างกายของพิชชาและผมต้องการคาเฟอีน เวลาเหนื่อยล้าจากงานหรือความหนักใจ ผมชอบชวนเขามาดื่มกาแฟที่ร้านประจำเสมอ และวันนี้ก็เหมือนปกติ ผมบอกให้พิชชาเข้าไปสั่งก่อน ผมจะตามเข้าไปทีหลัง เมนูโปรดของผมกับเขารู้กันดีเสมอ คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ผมให้เขาเข้าไปสั่งแล้วนั่งรอก่อนแล้วผมจะตามไปภายหลัง เขาไม่ว่าอะไรรีบเดินเข้าไปทันที
พิชชาเข้าไปสั่งกาแฟหน้าเคาวเตอร์ ระหว่างรอผมยืนตรงนั้นพักหนึ่งก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนไปนั่งที่โต๊ะเป็นการแสดงอาการแก้เขิน ผมไม่รู้จะยื่นตรงไหนเพราะตอนนี้ผมอยู่ตัวคนเดียว ถึงมีลูกค้าในร้านผมทำตัวไม่ถูก เพราะคนแปลกหน้าผมไม่กล้าเข้าหา เอาเป็นว่าผมขอยืนรอแถวนี้แล้วค่อยเข้าไปนั่งดีกว่า
“พิชชา”
“หืม?”
หางเสียงของผมกำลังบอกความสงสัย ผมหันไปตามทางพบชายคนหนึ่งเรียกชื่อผม เขารู้ชื่อผมก็จริงแต่ว่าหน้าตาผมไม่คุ้นเคย เขาเป็นใครทำไมเรียกชื่อผมถูกคนแต่ผมมองแล้วแปลกตาไม่ถูกใจและไม่รู้ว่าเขามีเจตนาดีหรือไม่ถึงเข้าหาผม
“นายรู้จักเราด้วยเหรอ”
ผมเดินทางไปร้านกาแฟโปรดที่ผมชอบไป ผมกำลังสั่งชาเขียวไวท์มอลต์และชาไทยให้ว่าน ผมเป็นคนชอบชาไทยมากขนาดจะนอนกอดแล้วดูดดื่มเป็นคาเฟอีนแทนคนรักแล้ว ผมยืนสั่งและรออยู่หน้าเคาเตอร์ ในขณะนั้นเองผมได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาทักผม ผมหันไปพบผู้ชายผมทรงทูบล็อก หน้าตาแบดบอย ใส่ต่างหูวงกลม สวมเสื้อกันหนาวแขนยาวสีเทากางเกงวอร์ม มันคือชุดวิ่งและรองเท้าผ้าใบสีดำ หน้าตาของเขาเป็นผู้ชายแบดบอยหน้าหวานระดับหนึ่ง เสียงเขานุ่มและอุ่นจนผมชอบมาก แต่ว่าผมไม่รู้จักเขาสักหน่อย แต่เขาเรียกชื่อผมถูกคน แสดงว่าเขาต้องเคยเห็นผมมาก่อน
“นายเป็นใครเหรอ”
“เราดิวเลอร์ เราเป็นเพื่อนของว่าน” เขาแนะนำตัวกับผมแล้วบอกว่าเป็นเพื่อนกับว่าน ผมมองดูผู้ชายตรงหน้า ผมไม่คุ้นหน้าเขามาก่อนเขาบอกว่าเป็นเพื่อนกับว่าน ทำไมผมไม่เคยเห็นเขามาก่อน เป็นเพื่อนว่านทำไมเขาไม่เคยพามารู้จักเพราะปกติเขาชวนมาแนะนำผมเสมอ
“เพื่อนว่าน...”
ในขณะนั้นดิวเลอร์นัดคุยกับผมในร้านกาแฟ เขายังไม่เปิดประเด็นเพราะรอให้ว่านเข้ามาด้วย เมื่อคนที่กล่าวถึงเข้ามาแล้ว ถึงเวลาเปิดเรื่องคุยกัน ดิวเลอร์บอกว่าผมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เรื่องนี้ผมไม่เคยบอกใครแล้วเขาไปรู้มาจากไหนว่าผมกำลังเข้ารักษา
“นายเป็นญาติเจ้าของโรงบาลนี้เหรอ” ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าดิวเลอร์เป็นลูกชายญาติของเจ้าของโรงพยาบาลนี้ มันดูเป็นเรื่องบังเอิญมากที่ว่านพาผมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนี้ แม้ทุกที่จะรักษาได้เพราะการเป็นหมอต้องเรียนอย่างหนัก ประสบการณ์ต้องแน่นตลอดหกปี แต่ว่าทำไมผมไปรักษาทุกที่ อาการหนักกว่าเดิมเหมือนหมอตั้งใจเลี้ยงไข้
“ใช่ครับ ผมเห็นคุณมารักษากับหมอวรพงศ์ หมอคนนี้เขาเป็นเพื่อนผม ยังไงเขาต้องรักษาคุณหายดีแน่นอนครับ”
เขากำลังโฆษณาให้ผมไว้ใจว่าหมอคนนี้จะรักษาผมอย่างอยู่หมัดงั้นเหรอ ผมไปรักษาที่ไหนอาการไม่ต่างกันจนผมจำฝังใจแล้วว่าผมอาจจะโดนหลอกไม่รู้ตัวก็ได้ ปกติการรักษาต้องใช้เวลาอย่างมีประโยชน์ แต่สำหรับผมเหมือนเปล่าประโยชน์มาก ว่าแต่ปริศนาของผมมันติดอยู่กับอะไร ทำไมมันถึงคาราคาซังไม่หาย
“ผมพอจะรู้สาเหตุบางอย่างที่ทำให้คุณฝันร้ายแล้วครับ” ดิวเลอร์รู้อะไรบางอย่างจากตัวผม ผมไปทำอะไรใครไว้งั้นเหรอถึงได้ตามมาหลอกหลอน เขาหยิบปฏิทินออกมาให้ผม เขาชี้ไปวันที่ยี่สิบสองของเดือนนี้ มันผ่านไปไม่กี่วันว่าแต่เขาชี้ไปวันครบรอบความรักของผมกับว่านทำไม ผมกับว่านรักกันดีไม่ได้มีปัญหาสักหน่อย
“วันครบรอบของคุณกับใครครับ...”
“ว่านไงครับ”
“คุณแน่ใจเหรอว่าคุณครบรอบกับผู้ชายคนเดียว”