“อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ พี่อยากได้อะไรก็เอาไป”
หญิงสาวบอกคนร้ายเสียงสั่น สมบัติเป็นของนอกกายหาตอนไหนก็ได้ ตอนนี้เธอต้องเอาชีวิตให้รอดก่อน แต่ไม่รู้จะรอดไหมเพราะแถวนี้ไม่มีใคร เพื่อนบ้านก็อยู่ห่างต่อให้เธอตะโกนขอความช่วยเหลือก็ไม่มีทางได้ยิน
“เอาแน่แต่หลังจากที่กูเอามึงแล้ว” คนร้ายยิ้มเหี้ยม ไม่ต้องมาสั่งหรอกเขารู้ตัวเองต้องทำอะไรบ้าง ตอนแรกกะว่าจะแค่มาข่มขู่ตามที่รับจ้างเท่านั้น ไม่คิดว่าเจ้าของบ้านจะยังสาวและเนื้อตัวยังหอมกรุ่นยั่วตัณหาราคะถึงขนาดนี้
“ฉันออกจะขี้เหร่ ผอมแห้ง อย่าทำอะไรฉันเลย”
เอ่ยไม่เกินจริง เบญญาพรไม่ใช่สาวเจ้าเนื้อออกจะไปทางผอมแห้งแรงน้อย เธอมองเงาสะท้อนตรงกระจกเห็นหน้าคนร้ายแล้วสยอง ใบหน้าของมันดูหื่นกาม น่าจะเป็นคนติดยาด้วย กลิ่นตัวก็เหม็น
“กูไม่สน กูจะเอาทุกอย่าง รวมถึงค่าจ้างด้วย” คนโลภกระซิบเสียงพร่ามือยังไม่ยอมปล่อยมีด มันคิดว่าตัวเองคิดถูกที่รับงานนี้นอกจากได้เงิน ได้ของ ยังได้ผู้หญิงมาเป็นของแถม
“มะ...มีคนจ้างพี่มาเหรอ” เบญญาพรถามเสียงสั่น สายตาสาดส่องไปทั่วเพื่อหาทางหนี
“เออสิ ว่าไปน้องสาวก็ตัวหอมใช้ได้เลย” คนร้ายสูดกลิ่นของหญิงสาวเข้าปอด ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหื่นกามทำให้เบญญาพรรู้สึกขยะแขยง สมองยังพยายามคิดหาวิธีเอาตัวรอดถึงแม้จะริบหรี่เต็มทนแต่เธอก็ยังหวัง
ใจดวงน้อยพานคิดไปถึงครองภพ เธออยากให้เขามาช่วย
ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไรแสงสว่างก็ยิ่งน้อยลง อีกไม่นานก็จะมองไม่เห็นอะไรเลย แต่แล้วเหมือนฟ้ามาโปรดเมื่อได้ยินเสียง
ครองภพดังมาจากข้างนอกบ้าน
ชายหนุ่มกำลังจะขับรถกลับแต่เหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์ของหญิงสาวหล่นอยู่บนเบาะจึงวนรถกลับมาคืนเธอ เขาส่งข้อความหาเธอแล้วแต่ไม่มีการเปิดอ่าน
“คุณเหมือนฝัน คุณทำกระเป๋าตังค์ตกในรถ ผมเอามาคืน”
ครองภพตะโกนบอก แต่ไม่มีการตอบรับจากข้างในเขาจึงถามต่อ
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า ได้ยินผมไหม” ยังคงเงียบทำให้ชายหนุ่มลองเดินไปจับตรงลูกบิด คนร้ายจึงกระซิบบอกให้หญิงสาวพูด
“ตอบมันไป อย่าให้มันเข้ามา ไม่งั้นมึงตาย” ขู่เสียงเข้มไม่พอ มีดยังแทงเข้าเนื้อทำให้เบญญาพรเบ้หน้าด้วยความเจ็บ ก่อนจะเอ่ยตามที่มันต้องการด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“วะ...วางไว้ตรงหน้าประตูก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฝันออกไปเอา”
ปากตะโกนบอกทว่าในใจกลับร่ำร้องขอให้ครองภพรู้สึกเอะใจทำไมเธอถึงไม่เดินออกไป ทำไมเธอถึงเสียงสั่นขอให้เขาเห็นถึงความผิดปกตินี้ด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้นเธอไม่รอดแน่
“คุณเป็นอะไร ทำไมเสียงดูแปลก” ใช่เขารู้ และเขาก็กำลังสังหรณ์ใจแปลกๆ เธอไม่ใช่คนไร้มารยาท ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นต้องออกมาเอากระเป๋าด้วยตัวเองแน่ ไม่ตะโกนบอกให้เขาวางกระเป๋าไว้หน้าบ้านหรอก
“ตอบมัน ถ้าไม่ตอบกูแทงมึงตายแน่” คนร้ายหน้าเครียดทันควันเมื่อได้ยินครองภพถามแบบนั้น มีดที่จี้อยู่ตรงเอวเริ่มสั่นเพราะเจ้าตัวมีความระแวง
“ไม่มีอะไรค่ะ คะ...คุณครองภพ วะ...วางเสร็จก็ไปได้เลย”
คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วย ลูกช้างยังไม่อยากตายวันนี้ ลูกช้างยังมีอะไรต้องทำอีกมากมาย ขอให้บุญกุศลที่ทำมาทั้งหมดช่วยคุ้มครองลูกช้างด้วยเถิด ขอให้เขาเปิดประตูมาช่วยเธอ
“โอเค งั้นผมวางแล้วไปนะ” คำตอบของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวแทบหมดแรง ส่วนคนร้ายยิ้มดีใจก่อนจะกระซิบบังคับให้เบญญาพรตอบครองภพอีกครั้ง
“ตอบมัน”
“ค่ะ ขะ...ขอบคุณมาก” ความหวังที่จะให้เขามาช่วยดับสูญ เบญญาพรปล่อยน้ำตาไหลริน ทำไมเธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วย
คนร้ายเมื่อแน่ใจแล้วว่าผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าบ้านได้ขับรถออกไปเรียบร้อย ก็จัดการผลักหญิงสาวลงบนพื้นอย่างแรงทำให้เธอเจ็บและจุก เบญญาพรรีบเอามือขึ้นมาพนมอ้อนวอนขอร้องอย่างน่าเวทนา
“พี่อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฮือ ฉันกลัวแล้ว”
“น้องสาวตัวห๊อมหอม มาเป็นเมียพี่เถอะ ฮ่าๆๆๆ”
“ไม่ อื้อ ช่วยด้วย”
“อยู่นิ่งๆ สิวะ”
“อย่า ช่วยด้วย ออกไป”
“ฤทธิ์มากจริงๆ มันต้องโดน”
“โอ๊ยยย”
คนชั่วจัดการต่อยท้องเธอก่อนจะยิ้มเหี้ยม มองคนที่กำลังนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอย่างไร้ความปรานี ทว่ามือของมันยังไม่ทันจะไปสัมผัสเนื้อตัวเธอ กลับต้องร้องเสียงหลง เมื่อถูกใครบางคนเตะทำให้ล้มกองลงไปกับพื้น
ครองภพคิดว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับเบญญาพรจึงขับรถออกไปจอด เพื่อทำให้คนที่อยู่ในบ้านตายใจแล้ววิ่งกลับมาช่วย เขาแทบจะบ้าตอนที่เห็นมือของไอ้คนชั่วกำลังจะถอดกางเกงเธอ
“มึงกล้าดียังไงมาทำร้ายผู้หญิงไอ้ชั่ว” ครองภพเรียนเทควันโดมาตั้งแต่เด็ก ทั้งเตะทั้งต่อยอย่างไม่ออมแรงทำให้คนร้ายแทบจะหมดสติ กระทืบเท่าไรก็ไม่พอใจ เกิดมาเขาไม่เคยอยากฆ่าใครเท่านี้มาก่อน
“คุณครองภพ” เสียงเรียกของเธอทำให้เขามีสติ จากนั้นก็รีบวิ่งไปหาเธอที่กำลังนอนงอตัวอย่างน่าสงสาร
“คุณเจ็บตรงไหน มันทำร้ายคุณตรงไหน” ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนพลางใช้สายตาสำรวจ
เธอหน้าซีดมากแต่ไม่มีรอยฟกช้ำทำให้เขาเบาใจเล็กน้อยก่อนจะตาโตหลังจากได้ยินคำพูดเธอ
“มันต่อยท้อง”
“ไอ้ชั่ว!”
“อือ คุณแจ้งตำรวจก่อน”
“ผมจัดการเอง”
ในจังหวะที่ชายหนุ่มกำลังเอาโทรศัพท์ขึ้นมาจะต่อสายหาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คนร้ายกลับลุกขึ้นมาพร้อมกับมีดปลายแหลมแล้วยิ้มเหี้ยมราวกับคนมีอาการทางจิต จากนั้นก็พุ่งเข้าหาสองหนุ่มสาวด้วยความรวดเร็ว หมายจะแทงครองภพให้ตาย
เบญญาพรตาโตตกใจรีบผลักชายหนุ่มไปให้พ้นทางทำให้เธอถูกแทงตรงแขน
“คุณหนีไป” เธอตะโกนบอกเขาก่อนจะหมดสติ
“มึง!” ครองภพชี้หน้า รีบลุกขึ้นมาจัดการคนร้ายอีกครั้ง คราวนี้เขาทั้งเตะทั้งต่อยด้วยอารมณ์แค้นเคืองจนมันสลบเหมือด จากนั้นก็รีบไปดูอาการของหญิงสาว ก่อนจะต่อสายหาตำรวจ ไม่นานคนเจ็บก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ชายหนุ่มเดินอยู่หน้าห้องฉุกเฉินเป็นหนูติดจั่น ภาวนาขอให้หญิงสาวปลอดภัย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรับมีดแทนป่านนี้คนที่ต้องอยู่ในห้องฉุกเฉินคงเป็นเขา
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่คุณหมอก็เดินออกมา ชายหนุ่มจึงรีบเข้าไปสอบถามอาการด้วยความเป็นห่วงจับใจ
“เธอเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”
“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ”
“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากจริงๆ”
“หมอขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวครับ ผมขอเข้าไปเยี่ยมเธอได้ไหม”
คุณหมอบอกว่ายังไม่สะดวกให้เยี่ยม รอพรุ่งนี้เช้าดีกว่าหลังจากย้ายไปอยู่ห้องพักฟื้น
ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน แล้วมองคราบเลือดบนเสื้อผ้าของตนเองด้วยแววตาวาวโรจน์
จากนั้นก็ตัดสินใจเดินทางไปยังสถานีตำรวจเพื่อไปดูหน้าไอ้คนชั่วที่กล้ามาทำร้ายเบญญาพร
“เป็นไงบ้างครับคุณตำรวจ”
ชายหนุ่มถามเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียงเครียด
“ผู้ต้องหาฟื้นแล้วครับ ยอมรับสารภาพทุกอย่าง บอกว่ามีคนจ้างมา”
“มีคนจ้างมาเหรอครับ”
“ครับ แต่ยังให้การวกไปวนมาต้องรอพรุ่งนี้”
“...” ครองภพเลิกคิ้วเหมือนจะไม่เข้าใจทางตำรวจจึงอธิบายเพิ่มเติม
“คาดคั้นไปคนร้ายก็พูดเหมือนเดิม รอพรุ่งนี้จะดีกว่า”
“ครับพรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ ผมต้องการเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด”
“เชิญคุณครองภพไปให้ปากคำด้วยนะครับ”
ครองภพให้ปากคำกับทางตำรวจได้สักพักแผ่นฟ้าก็เดินทางมาถึงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้เขาโทรหาเพื่อนเพื่อนัดออกไปสังสรรค์ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องจนถึงขั้นเลือดตกยางออกจึงรีบขับรถมาหาครองภพที่สถานีตำรวจ
“มึงเป็นไงบ้าง ตำรวจว่ายังไง”
“กูปลอดภัยดี คนร้ายบอกว่ามีคนจ้าง แต่ให้การวกไปวนมา ยังไม่ได้เรื่อง”
“แล้วมึงไปช่วยผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง”
ครองภพยังไม่เคยเล่าเรื่องตนเองกับเบญญาพรให้แผ่นฟ้ารู้ ตอนคุยกันเขาบอกเพื่อนว่า ได้ไปช่วยผู้หญิงคนหนึ่งจากโจรหื่นกาม กำลังจะออกไปสถานีตำรวจจากนั้นก็วางสาย ไม่ได้อธิบายข้อมูลเพิ่มเติม
“เรื่องมันยาว เดี๋ยวกูค่อยเล่าให้มึงฟัง”