เบญญาพรส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า จากนั้นก็ก้าวเท้าฉับๆ เข้าไปในงานแบบไร้ความกังวล
เธอเลือกอยู่ข้างเขาและเชื่อว่าเขาต้องปกป้องดูแลแม่อย่างที่พูดเอาไว้ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรอีก
หลังกลับมาจากถ่ายละคร ครองภพได้เข้าไปรับตำแหน่งประธานบริษัทจากบิดาอย่างเต็มตัวทำให้งานยุ่งไม่น้อย
แต่ถึงงานจะยุ่งขนาดไหนเขาก็มีเวลาให้ครอบครัวเสมอ เมื่อมารดากับน้องสาวนัดออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยมีเหรอที่เขาจะปฏิเสธ
“คุณพ่อไปไหนครับคุณแม่” ลูกชายเอ่ยถามมารดาเมื่อเจอหน้ากันแต่ไม่เห็นบิดามาด้วย เพราะปกติคุณนำบุญมักจะทำตัวติดกับภรรยาเสมอ
“วันนี้คุณพ่อขอไปตีกอล์ฟกับเพื่อน”
มารดาตอบด้วยรอยยิ้ม คิดถึงสามีแล้วหน้าแดงเหมือนสาวน้อยเพิ่งหัดมีความรัก เพราะก่อนจะออกมาคุณนำบุญกำชับนักกำชับหนา ห้ามคุยกับผู้ชายคนอื่นเด็ดขาดนอกจากลูกชาย ดูเขาสิแก่ขนาดนี้แล้วยังจะมาหึงหวงกันอีก
“ขวัญไม่ค่อยชอบกอล์ฟเลยค่ะ แดดแรง ผิวเสียหมด”
ลูกสาวแสนสวยส่ายหัวเล็กน้อย เวลาคุณพ่อคุณแม่ชวนไปตีกอล์ฟเธอจะปฏิเสธเสียงแข็งทันที บอกตามตรงเป็นคนไม่ชอบแดด ถ้าต้องไปทำกิจกรรมกลางแจ้งเธอคนหนึ่งขอเซย์กูดบาย
“แล้วเราชอบอะไรบ้าง แม่เห็นวันๆ เอาแต่ดูซีรีส์ ไม่ก็ช็อปปิง ตกลงเรื่องฝึกงานไปถึงไหนแล้ว”
“จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ ขวัญจะไปฝึกงานที่บริษัทของเรา”
“แผนกไหน พี่ไม่ว่างดูแลเราหรอกนะน้องขวัญ งานพี่ก็ล้นมือ”
“เรียนการตลาดก็ต้องไปอยู่การตลาดสิคะพี่ไม้”
“พี่บอกให้ไปฝึกงานบริษัทไอ้ฟ้าก็ไม่เอา”
หมายถึงบริษัทของแผ่นฟ้าเพื่อนสนิทของตนเอง ครองขวัญถึงกับทำหน้าสยอง เธอไม่ถูกกับเพื่อนของพี่ชาย เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าต้องไปฝึกงานที่บริษัทนั้นมีหวังโดนกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน
“ทำไมต้องไปฝึกงานบริษัทคนอื่นด้วย บริษัทเราก็มีใช่ไหมคะคุณแม่”
“ไม่ต้องเถียงกันค่ะ ลูกไม้กับลูกขวัญสั่งอาหารก่อนนะ แม่จะไปเข้าห้องน้ำ”
“คุณแม่จะให้ขวัญไปเป็นเพื่อนไหมคะ”
“ไม่ต้องลูก แม่ยังไม่แก่ขนาดนั้น ห้องน้ำก็อยู่ตรงนี้เอง”
คนอายุเพิ่งจะหกสิบต้นๆ โบกไม้โบกมือห้ามปรามลูกสาวก่อนจะลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกไปจากร้าน
คุณครองรักเป็นคนดูแลตัวเองอย่างดีจึงดูเด็กกว่าอายุมาก ถ้าไม่รู้นึกว่าคนอายุสี่สิบกลางๆ
ถึงจะดูแลตัวเองดีอย่างไรแต่มนุษย์เราก็หนีไม่พ้นเรื่องเจ็บป่วย ท่านจึงมีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูงต้องกินยาทุกวัน
หลังจากทำธุระเสร็จกำลังเดินออกมาอยู่ๆ เกิดเวียนหัวขึ้นมาทำท่าเซเหมือนจะล้ม ทว่ากลับมีใครคนหนึ่งเข้ามาประคองอย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรไหมคะคุณน้า”
เบญญาพรคือคนที่วิ่งเข้ามาประคองคุณครองรัก เธอเดินออกจากห้องน้ำพอดี เห็นคนที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าเหมือนจะเป็นลมจึงรีบเข้าไปช่วยเหลืออย่างไม่ลังเล
“น้าเวียนหัวนิดหน่อยจ้ะ สงสัยวันนี้ลืมกินยา”
คนมีโรคประจำตัวยิ้มบางเบา คิดว่าน่าจะลืมกินยาความดันตอนเช้าทำให้วันนี้มีอาการเวียนหัว เห็นทีต้องบอกให้ลูกสาวช่วยเตือนแล้วไม่อย่างนั้นเดี๋ยวลืมอีก
“ดีขึ้นหรือยังคะ คุณน้ามาคนเดียวหรือมากับใครคะ”
สาวแว่นใจดีเอ่ยถามด้วยความห่วงใย ในขณะที่มือยังประคองคนแก่กว่าไม่ยอมปล่อย ทำให้คุณครองรักเกิดความประทับใจ เด็กอะไรหน้าตาน่ารักแถมยังจิตใจดีอีกต่างหาก
“มากับลูกจ้ะ พวกแกรออยู่ที่ร้านอาหาร” คิดถึงลูกแล้วไม่รู้จะโดนดุไหม ลืมกินยายังไม่พอ เมื่อสักครู่ลูกสาวจะมาเป็นเพื่อนก็ไม่ยอม
เบญญาพรเห็นว่าร้านอาหารที่หญิงวัยกลางคนชี้ไปอยู่ไกลพอสมควรจึงอาสาไปส่งให้ถึงมือลูกๆ เธอกลัวท่านจะล้มลงอีกครั้ง คราวนี้ถ้าช่วยไม่ทันอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีได้
“เดี๋ยวฝันไปส่งคุณน้าที่ร้านดีกว่าค่ะ เกิดเป็นลมเป็นแล้งจะแย่เอา”
“ไม่รบกวนใช่ไหมหนู น้าไปเองก็ได้จ้ะ”
ถามด้วยความเกรงใจ ทั้งที่จริงอยากให้สาวรุ่นลูกคนนี้ไปส่งเพราะท่านยังรู้สึกมึนหัวไม่หาย
“ไม่เลยค่ะ แค่นี้เองสบายมาก” หญิงสาวค่อยๆ ประคองคนแก่กว่าเดินไปตามทางพร้อมกับสอบถามอาการของท่านไปด้วย
ไม่นานทั้งคู่ก็เดินมาถึงร้านอาหาร บรรยากาศของร้านค่อนข้างหรูหราทำให้เบญญาพรรู้สึกเกร็งขึ้นมา ก่อนจะตาโตตกใจกับคนที่บังเอิญเจอกัน
“คุณครองภพ!” / “คุณเหมือนฝัน!” สองหนุ่มสาวประสานเสียงพร้อมกัน เบญญาพรมองหน้าครองภพสลับกับผู้หญิงที่ตนเองช่วยด้วยความงงงวย
“ลูกชายน้าเอง ครองภพ หนูน่าจะรู้จัก” คุณแม่ของพระเอกหนุ่มยิ้มภูมิใจกับความดังของลูกชาย
เบญญาพรพยักหน้าหงึกๆ ยิ่งกว่ารู้จักอีก เธอกลัวตัวเองจะตาฝาดจึงเอามือขึ้นมาขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง
ใช่ครองภพจริงเหรอ
มันจะบังเอิญเกินไปไหม
เธอช่วยแม่ของเขา
“เลิกขยี้ตาได้แล้วคุณ ผมเองครองภพ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก รู้สึกขำสีหน้าของเบญญาพร ก่อนจะปรายตามองการแต่งตัว วันนี้เธอแต่งตัวดูดีไม่น้อย ใบหน้ามีสีสันกว่าตอนอยู่ที่กองถ่าย
“คุณครองภพคือลูกชายของคุณน้า”
“ใช่จ้ะ ลูกชายแท้ๆ น้าคลอดเอง”
“มีอะไรคะคุณแม่ คุณผู้หญิงคนนี้คือ?”
ลูกสาวเอ่ยถามหลังจากมารดานั่งลงเรียบร้อย เธอจำได้ว่าไม่เคยรู้จักผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้ล้านเปอร์เซ็นต์ แล้วแม่พามาด้วยทำไมหรือว่าแม่อยากให้ลูกชายรู้จัก
“พอดีตอนออกมาจากห้องน้ำแม่เวียนหัว เหมือนจะล้มได้หนูคนนี้ช่วยเอาไว้”
“คุณแม่เป็นอะไรมากไหมคะ”
“ไปหาหมอไหมครับคุณแม่”
“แม่ไม่เป็นไรลูก หนูคนนี้ช่วยไว้ทัน” คนแก่ส่งยิ้มชื่นชมจากใจให้เบญญาพรที่กำลังจะบอกลาและขอตัวก่อนแต่พูดไม่ทัน
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยคุณแม่ ขอบคุณจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องเล็กน้อยมาก”
“ลูกไม้รู้จักกับหนูคนนี้เหรอ”
“รู้จักครับ พนักงานบริษัทของน้าเทพ เราเพิ่งจะไปถ่ายละครกันมา”
นอกจากถ่ายละครแล้วยังร่วมมือกันทำภารกิจหักหลังคนผู้นั้นด้วย เรื่องคนร้ายเขายังไม่ได้บอกครอบครัวเพราะกลัวพ่อแม่กับน้องสาวเป็นห่วง หลายวันมานี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้เขาคิดว่าคนร้ายอาจจะยอมรามือแล้ว
“บังเอิญมากเลย ขอบใจมากนะจ๊ะหนู”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฝันขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิคุณ วันนี้ไม่ทำงานเหรอ”
“ไม่ค่ะ วันนี้ลา ฝันจะไปเยี่ยมแม่”
เพราะยังมีวันลาเหลืออีกมาก เบญญาพรจึงใช้โอกาสนี้พักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาหลายวัน ใจจริงเธออยากลายาวสักสามสี่วันแต่เกรงใจหัวหน้าจึงยื่นใบลาเพียงวันเดียว
“กินข้าวไหม ถ้ายังไม่ได้กินข้าวก็นั่งด้วยกันสิ” เขาชวนเธอ
“เก้าอี้ยังว่างอยู่นะคะ เชิญนั่ง” น้องสาวก็ชวนเหมือนกัน
“เอ่อคือไม่ดีกว่าค่ะ ฝันเกรงใจ” ใช่ว่าอยากปฏิเสธน้ำใจของคนที่มอบให้แต่เธอเกรงใจจริงๆ
“ไม่ต้องเกรงใจหนู ถือว่าน้าเลี้ยงที่หนูช่วยน้าเมื่อกี้” คนถูกชะตากับเด็กสาวรีบเชื้อเชิญอย่างมีน้ำใจ
“งั้นก็ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ” เบญญาพรเห็นสีหน้าของคุณครองขวัญ ที่พยายามชวนเธอนั่งกินข้าวด้วยกันแล้วปฏิเสธไม่ลง
บวกกับอาหารตรงหน้าที่กำลังยั่วน้ำลาย ทำให้เธอตัดสินใจนั่งลงข้างเขา หาได้สนใจว่าใครจะมาเห็นและเข้าใจผิดคิดว่าเธอคือคนรักของเขา