อีธานได้แต่นอนกระสับกระส่ายไปมา ทั้งร่างกายของตนก็ยังรู้สึกร้อนรุ่มโดยที่เขาก็ไม่รู้สาเหตุเช่นกันว่าสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่ในตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่
เขารู้เพียงแต่ว่าตอนนี้ร่างกายของเขามันกำลังสั่นไหวด้วยอาการหนาวสั่นทั้ง ๆ ที่หมาป่าเลือดอุ่นอย่างเขาไม่สมควรเลยที่จะมีอาการหนาวเหน็บเช่นนี้
ไหนจะกลิ่นหอมจาง ๆ ที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นกลิ่นที่ฟุ้งลอยมาจากไหน รู้เพียงอย่างเดียวว่ามันกำลังทำให้เขาไม่เป็นตัวเองอยู่อย่างเช่นตอนนี้ รวมไปถึงร่างกายทางช่วงล่างของเขาด้วยที่รู้สึกปวดหนึบทั้งยังตั้งแข็งชูชันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อีธานตัดสินใจหันหน้ากลับมาอีกทางเพื่อหวังที่จะลุกออกไปด้านนอกเพื่ออยากจะหาอะไรดื่มเสียหน่อยให้ดับอาการที่ตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นอยู่
มันอาจจะเป็นผลข้างเคียงที่ร่างกายของเขาได้กลายร่างมาเป็นหมาป่า ทั้งฟีโรโมนในกายของเขาก็ยิ่งรู้สึกพลุ่งพล่านจนอยากจะออกไปกระโดดโลดเต้นเสียตอนนี้เลยติดก็ตรงที่ส่วนล่างของเขามันปวดหนึบเอามาก ๆ จนแทบจะขยับไปไหนไม่ไหว
แต่เมื่อคราวที่ตัวของเขาหันมาแล้วกลิ่นหอมจาง ๆ นั้นกลับยิ่งเด่นชัดในความรู้สึกจนเขายิ่งรู้สึกปวดหนึบมากไปกันใหญ่ ใบหน้าหวานสวยของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฝาแฝดกำลังนอนหลับตาพริ้มและหันหน้ามาทางฝั่งเขาซึ่งเตียงของเราเป็นเตียงขนาดเล็กที่นอนกันคนละอันคนละฝั่งฝากกัน
อีธานราวกับหลุดหายเข้าไปในโลกอีกใบหนึ่งเมื่อได้มองเห็นใบหน้าของเธอที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว เขาค่อย ๆ เอื้อมมือลงไปจับที่แก่นกายของตัวเองและขยับขึ้นลงเล็กน้อยจนเขาเริ่มมีความรู้สึกกับมัน...และมันรู้สึกดีมาก ๆ จนเขาแทบจะหยุดยั้งมือของตัวเองไม่อยู่
กลิ่นของเธอยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อเขายังคงขยับข้อมือเข้าออกถี่รัวแม้จะยังไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้มันคืออะไร แต่แล้วความรู้สึกมันก็ค่อย ๆ ตีตื้นขึ้นมาจนเขาต้องพยายามเก็บกลั้นเสียงของตัวเองเอาไว้จนในที่สุดก็มีน้ำสีขาวขุ่นพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาและมันเป็นครั้งแรกที่อีธานได้เคยเห็นมันพร้อมกับความรู้สึกที่โล่งใจเช่นนี้
“บ้าจริง...”
เขาสถบออกมาแผ่วเบาเพราะมันเลอะเปรอะเปื้อนที่นอนและเรือนร่างของเขาไปหมดจนคิดว่าคงจะหลับไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้แน่
แต่ความรู้สึกที่สบายตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็พอจะหักล้างมันลงไปได้บ้างให้อีธานลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงด้วยความเงียบสงบ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองออกจนเปลือยเปล่าไม่เหลือสิ่งใดบนร่างกาย และหอบหุ้มชุดผ้าและหมอนของตัวเองก่อนจะเดินออกมาจากห้องเพื่อหวังที่จะทำความสะอาดก่อนที่จะมีใครตื่นขึ้นมาเห็นเข้า
ในจินตนาการตอนที่เขากำลังปรนเปรอตัวเองอยู่นั้นอีธานไม่อาจปฏิเสธได้ว่าใบหน้าของเกรซเมื่อยามหลับใหลนั้นเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีให้เขายิ่งมีอารมณ์และความรู้สึก เขาจะต้องรีบหาคำตอบกับความจริงในเรื่องตัวตนของเกรซให้จงได้
เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดอยู่เช่นนี้...ที่ส่วนลึกในหัวใจจะรู้ดีว่าไม่ควรหลงรักหญิงสาวต้องห้ามคนนี้เลย
แต่อีกด้านหนึ่งที่อีธานนั้นเดินจากออกมาจากห้องแล้ว หญิงสาวที่ในตอนแรกเขาคิดว่านอนหลับไปแล้วและกำลังอยู่ในห้วงนิทรา...กลับลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการหนาวสั่นอย่างที่ตัวเองนั้นก็ไม่เคยเป็นมาก่อนเฉกเช่นเดียวกัน
แล้วไหนจะเรือนร่างของผู้เป็นน้องของตนอีกที่มีมัดกล้ามและขนาดที่สะดุดตา...จนเธอที่เผลอคิดยังหัวใจสั่นไหวและใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่อาจจะต้านทานตัวเองได้ไหว
และนี่ก็เป็นอีกครั้งแล้ว...ที่เธอรู้ดีว่าไม่ควรตกหลุมรักน้องสาวฝาแฝดของตนเองเลย
แม้ในใจจะเชื่อไปแล้วก็ตามว่าตัวของเธอเองนั้น...ไม่ใช่เหมือนอย่างพวกเขาที่เป็นเซฟซิฟเตอร์ แต่เธออาจจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาผู้ต่ำต้อย และถูกพวกเขาเก็บมาเลี้ยงดูเป็นการชั่วคราวก็เพียงเท่านั้น
แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เหตุใดพวกเขาจะต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงของเธอกันแน่...
“ท่านพ่อ วันนี้ข้าขอเข้าไปส่งของในเมืองด้วยได้หรือไม่?”
เช้าวันต่อมาที่แสนสดใส อีธานเอ่ยบอกกับผู้เป็นบิดาซึ่งท่านก็หันมาสบมองกันอย่างไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เคยเอ่ยร้องขอมาก่อนทั้ง ๆ ที่ท่านก็เคยเอ่ยชวนหลายครั้งหลายคราแล้ว
แต่ในวันนี้อีธานมีเป้าหมายที่แน่ชัด เพราะเขาต้องการที่จะเข้าเมืองไปเพื่อหาความจริงเกี่ยวกับตัวตนของเกรซ แล้วถ้าหากว่าเรื่องเล่านั้นมันเป็นความจริง...เกรซจะต้องเป็นเจ้าหญิงที่เมืองใหญ่เมืองนั้นอย่างแน่แท้
“ก็ได้ รีบไปเตรียมตัว อีชั่วครู่จะออกแล้ว”
“ค่ะ”
อีธานรับคำและเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งหลังจากที่ตัวเองนั้นตื่นตั้งแต่เช้าตรู่และออกไปเที่ยวเล่นเพราะกำลังรู้สึกเขินอายตัวเองกับเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น...จนพาลทำให้ไม่กล้าสบมองใบหน้าของเกรซที่กำลังหลับใหลอยู่เลย
แต่เพียงแค่ก้าวเท้าเดินเข้ามาในบ้าน ก็พบเห็นว่าเธอนั้นกำลังนั่งถักไหมพรมอยู่ด้วยความเงียบสงบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบมองกันเมื่อได้ยินเสียงว่ามีใครกำลังเดินเข้ามาภายในบ้าน
และมันก็เกิดเป็นความเงียบสงบในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราสองคนนั้นเผลอสบตากัน ก่อนที่ความเงียบนั้นจะถูกทำลายลงด้วยผู้เป็นมารดาที่ยกข้าวปลาออกมาจากในครัวและวางลงยังโต๊ะทานอาหารที่ตั้งอยู่กลางบ้าน
“ลูกตื่นมาซักผ้าหรือ เสื้อผ้าของลูกยังเปียกหมาด”
เขาหันหน้าไปสบมองมารดาและเบิกตาโพล่งขึ้นในทันใด สลับกับสบมองใบหน้าของเกรซที่กลับไปก้มลงถักไหมพรมดังเดิมแล้วอย่างทำตัวไม่ถูก
จะให้บอกได้เช่นไรว่าเมื่อคืนนั้นมัน...
“ลูก...ลูกเอาของเข้าไปกินในห้อง มันเลยหกเลอะที่นอน”
“แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำเช่นนั้น เหตุใดถึงไม่เคยจำ!”
และแน่นอนว่าได้รับเสียงเอ็ดของมารดากลับมาเป็นการใหญ่ แต่มันก็ยังดีเสียกว่าที่ท่านจะได้รู้ความจริง...ว่าเขานั้นมันเป็นคนไม่ดี ที่คิดอกุศลกับพี่สาวฝาแฝดของตนเอง แม้ในใจจะเชื่อเต็มร้อยว่าเจ้าหล่อนหาใช่พี่น้องแท้ ๆ ของเขาจริง ๆ ก็ตาม
“หลังจากที่กลับมาจากเมือง ก็รีบขนข้าวขนของไปยังอีกห้องหนึ่งเสียล่ะ เมื่อเช้าแม่กับพ่อตื่นมาปัดกวาดและประกอบเตียงให้เรียบร้อยแล้ว”
“ค่ะ ท่านแม่...”
เขาตอบรับอีกครั้ง ก่อนที่มารดาจะกลับเข้าไปในครัวตามเดิมให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขากับเกรซเท่านั้นที่ยังคงอยู่ และอีธานก็ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าจะยืนอยู่ไยเหตุใดถึงไม่ไปทำในสิ่งที่ตัวเองนั้นสมควรที่จะทำ
รู้เพียงแต่ว่าหัวใจของตัวเองนั้นมันเต้นแรงมาก ๆ เต้นแรงอย่างที่เขาก็ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตนี้...และไหนจะกลิ่นหอมจาง ๆ ที่เขาได้กลิ่นมันขึ้นมาอีกครั้งจนตอนนี้เขาเริ่มจะแน่ใจแล้ว ว่ามันเป็นกลิ่นฟีโรโมนจากร่างกายของเธอซึ่งเป็นโอเมก้านั่นเอง
ตอนนี้เขากับบิดานั้นอยู่บนรถม้า และด้านหลังก็ขนพวกปุ๋ยและพืชผักเพื่อจะเข้าไปส่งยังเมืองใหญ่ในส่วนของธุรกิจที่พวกเราชาวเซฟซิฟเตอร์ทำขึ้นมาเพื่อบังหน้า
เพราะจริง ๆ แล้วการมีอยู่ของพวกเราชาวมนุษย์หมาป่านั้น...พวกมนุษย์ที่แท้จริงนั้นไม่เคยรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเรามาก่อน เพื่อป้องกันตนและความหวาดกลัวที่แน่นอนว่ามนุษย์ที่อ่อนแอกว่านั้นต้องพึงระวังและอาจจะหวาดกลัวจนกลายเป็นเสียเลือดเสียเนื้อกันในสักวันจนพวกเราคิดและตัดสินใจที่จะอยู่แบบเงียบ ๆ โดยไม่เผยตน
แต่หมู่บ้านของพวกเรานั้นก็เหมือนกับหมู่บ้านของมนุษย์ทั่วไปเพียงแค่เราอยู่นอกรั้วของเขตเมืองเท่านั้น และพวกเรายังทำเกษตรกรรมรวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์เพื่อที่จะนำไปขายให้กับพวกมนุษย์ในเมืองให้ไม่เกิดความเคลือบแคลงใจและมันเป็นเช่นนั้นมาหลายสิบปีแล้ว
คิดอะไรได้ไม่นานรถม้าของเราก็จอดลงที่หน้าประตูเมืองเพื่อตรวจสอบจากพวกทหารว่าเรามาร้ายดีอย่างไร และมันทำให้อีธานตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยได้มาที่นี่...ในฐานะที่ตัวเองต้องเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น และห้ามเปิดเผยตัวตนว่าเป็นมนุษย์หมาป่าเป็นอันขาด
ประตูเมืองค่อย ๆ สูงขึ้นให้รถม้าของเราข้ามผ่าน ผู้คนเดินกันขวักไขว่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับอีธานจนเผลอมองตามสิ่งเร้าเหล่านั้นและหลงลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองนั้นมีเหตุผลอะไรที่ต้องมาที่นี่กันแน่
“อยากจะลงไปเดินเล่นรอบ ๆ เมืองหรือไม่ พ่อจะต้องไปส่งของนานอยู่พอควร แล้วเรากลับมาเจอกันที่หน้าประตูดังเดิม”
“ข้าอยากไป”
“ถ้าเช่นนั้นก็จงลำลึกเอาไว้เสมอว่าเราเป็นเซฟซิฟเตอร์ อย่าได้เข้าใกล้พวกมนุษย์มากจนเกินไป และก็อย่าได้ไปป่าวประกาศว่าตนเองนั้นมิใช่พวกเดียวกันกับเขา...เข้าใจหรือไม่”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดูแลตัวเองให้ดี อย่าเถรไถลและก่อเรื่องอันใดให้พ่อต้องเป็นกังวล”
“ค่ะ”
อีธานตอบรับและก้าวลงมาจากรถม้าพร้อมกับถุงเงินที่บิดาส่งเอาไว้ให้เผื่ออยากจะได้อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเขาก็ยอมรับมันมาแต่โดยดี
ตอนนี้เขาก็ยืนอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ในขณะที่รถของท่านพ่อได้ขับผ่านออกไปแล้ว และเป้าหมายจริง ๆ ที่เขาอยากจะเข้าไปนั้น...ก็คือวังใหญ่ตรงหน้าที่มีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนานั่นเอง
“วันนี้แหละที่ข้าจะได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเจ้า...เกรซ”