“สูญเสียคุณยาย”

2017 Words
“เดี๋ยวผมช่วยล้างนะ” “อย่าดีกว่าคะ คุณไปเช็ดตัวรอ เดี๋ยวฉันไปทำแผลให้คุณ” เอิงจัดการเก็บจานชามบนโต๊ะอาหารอย่างคล่องแคล่ว เจ้าชายเดินขึ้นไปชั้นบน แต่ก่อนจะขึ้นบันได เขาหันกลับไปมอง เด็กสาวที่กำลังเก็บกวาดในครัว ‘ถ้าเขาจะมีครอบครัว เขาก็อยากได้ภรรยาที่ดูแลเขาแบบนี้ เป็นคุณหมอที่เก่งงานบ้าน หาได้ยากจริงๆ’ เขาเช็ดตัวเปลี่ยนชุดลงมารอเธอที่ห้องนั่งเล่น “เปิดเสื้อขึ้นให้หน่อยค่ะ” ลดาบอกเขา “แผลดีขึ้นเยอะเลย แต่ยังต้องระวังไม่ให้โดนน้ำนะคะ” ลดาเตือนขณะก้มทำแผลให้เขาอย่างเบามือ “คุณไม่ให้ผมทำอะไรเลย ผมจะโดนน้ำตอนไหน” เขาแหย่เธอ มองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ก็นั่นแหละคะ” “แล้วคุณต้องไปทำงานเมื่อไหร่ครับ” เขาเห็นเธออยู่บ้านมาหลายวัน “ฉันลาค่ะ กำลังเตรียมตัวขอทุนไปเรียนต่อเฉพาะทางที่ต่างประเทศ ก็วิจัยที่คุณช่วยฉันดูภาษาไงคะ วันพรุ่งนี้ต้องเอาไปส่งแล้ว” เธอเล่าให้เขาฟัง “ผมว่าคุณต้องได้ทุนแน่ๆ” “สาธุค่ะ” เธอพนมมือขึ้น “คุณทำท่าอะไร” เจ้าชายไม่เข้าใจ “ขอพรพระเจ้ามั้งคะ ฮ่าๆ” “ท่าแปลกดีนะครับ” เจ้าชายลองทำบ้าง “เสร็จแล้วค่ะ ฉันขอตัวไปตรวจวิจัยอีกรอบก่อนนะคะ” “ให้ผมช่วยมั้ย” “คุณนอนพักเถอะ เมื่อคืนคุณก็ดูให้ฉันจนเกือบสว่างไม่ใช่เหรอ” เจ้าชายอมยิ้มมุมปากที่เธอรู้ทัน “ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย ถึงผมหลับก็ปลุกได้นะครับ” “คุณหาวิธีติดต่อเพื่อนคุณด้วยนะ เดี๋ยวเขาจะเป็นห่วง” ลดาบอกก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผล แล้วขึ้นห้องไป ‘เขาคงต้องไปทิ้งร่องรอยไว้ซะหน่อย’ เจ้าชายกอดอกหลับตาลง ตกเย็นเจ้าชายเดินไปยังสถานที่ที่ลดาช่วยเขามา ทิ้งสัญลักษณ์ไว้ที่มุมกำแพง แล้วรีบกลับบ้านลดาก่อนมีใครมาพบเข้า วันรุ่งขึ้น “ฉันทำอาหารไว้ให้แล้ว คุณทานแล้วอย่าลืมทานยาด้วยนะคะ” ลดาเตือนเจ้าชาย “ส่วนแผล ฉันจะรีบกลับมาทำให้นะคะ” “สั่งเหมือนผมเป็นเด็กเลยนะ” เจ้าชายยิ้มอารมณ์ดี “ไม่เถียงด้วยแล้ว” เธอเดินมาขึ้นแท็กซี่ที่ปากทาง เจ้าชายเดินมาส่ง แล้วยืนมองจนรถลับสายตาไป จึงเดินกลับบ้าน “ใจกล้าจังนะ ทิ้งบ้านให้คนไม่รู้จัก” เจ้าชายบ่น เจ้าชายนั่งลงทานข้าวที่เธอเตรียมไว้ให้อย่างผ่อนคลาย ‘ถ้าใครมาเห็นเข้า คงคิดว่าเข้าเป็นสามีที่เอาเปรียบภรรยาแน่ๆ ที่ให้เธอทั้งทำงานบ้าน และทำงานนอกบ้านหาเลี้ยงเขาด้วย ฮ่าๆ’ เราเผลอคิดอะไรไปเนียะ เจ้าชายสะบัดหัวสลัดความคิดเมื่อกี้ให้ออกไป จนเวลาบ่ายสาม “กลับมาแล้วเหรอ” “ยัง” “แล้วคนตรงหน้าผม เป็นใคร” “ผีมั้ง” “ผีอะไรสวยขนาดนี้” เขาหลุดชมเธอ หญิงสาวนิ่ง มองหน้าเขา “แล้วนี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” เจ้าชายเปลี่ยนเรื่องคุย “มีขนม กับของสดนิดหน่อย” เจ้าชายเดินเข้าไปช่วยเธอถือของเข้าไปวางในครัว “แล้วส่งงานเรียบร้อยมั้ย” “แค่เอาไปส่ง แล้วรอลุ้นผลคะ ประกาศสิ้นเดือน” “ขอให้คุณได้ทุนนะครับ” แต่เจ้าชายคิดไว้แล้วว่า ถึงเธอไม่ได้ทุนจากมหาลัย เขานี่แหละ จะส่งเธอเรียนเอง “ขอบคุณค่ะ” ลดาเทข้าวเหนียวมะม่วงใส่จานยื่นให้เขา “มาไทยทั้งที่ ลองชิมขนมไทยๆ ดูสิคะ เวลากลับประเทศคุณไป อย่าลืมโปรโมตให้พวกเราด้วยนะ” “เขาเรียกขนมอะไรเหรอ” “ข้าวเหนียวมะม่วงค่ะ เจ้านี้อร่อยมากเลยนะ ต้องราดกะทิลงไปแบบนี้ ยิ่งอร่อย” เจ้าชายรับจานข้าวเหนียวมะม่วงลองตักชิม “อร่อยจริงด้วย” เขาตักกินไม่หยุด “อิ่มแล้ว เดี๋ยวฉันทำแผลให้นะคะ” เจ้าชายยิ้ม พยักหน้ารับ เพราะกำลังเคี้ยวข้าวเหนียวมะม่วงแก้มตุ่ยอยู่ “เอาอีกมั้ยคะ” ลดาถามขึ้นเมื่อเห็นเขากินหมดจาน “ไม่ไหวแล้วครับ” เขาลูบท้องตัวเอง “เราไปทำแผลกันนะคะ” “คุณนี่ดีจริงๆ ถ้าใครได้คุณเป็นภรรยาคงเป็นผู้ชายที่โชคดีและมีความสุขมาก” “โชคดีหรือโชคร้าย ฮ่าๆ” เจ้าชายมองแววตาไร้เดียงสาของเธอ เขาไม่เคยเจอแววตาแบบนี้ในผู้หญิงที่อายุเลยวัยอนุบาลมาก่อน “เสร็จแล้วค่ะ” “แล้วคุณจะทำยังไงต่อคะ ถ้าหาเพื่อนไม่เจอ” “ให้คุณเลี้ยงจนแก่” “อย่าทำเป็นเล่นสิ คุณวางแผนไว้ยังบ้าง เผื่อฉันช่วยได้” “ผมไปทิ้งสัญลักษณ์ให้เพื่อนผมไว้แล้ว ถ้ามันกลับมาดู มันจะมาหาผมที่นี่เอง” เขาแค่รอเวลา “พวกคุณเป็นสายลับ ที่เข้ามาสอดแนมที่ประเทศไทยหรือเปล่าเนี่ย ทำไมดูลึกลับจัง” “คิดไปถึงไหนเนี่ย หน้าอย่างผมนี่นะ ฮ่าๆ” “ นั่นสิจะเป็นสายลับได้ยังไง ประเทศยังกลับไม่ได้เลย ฮ่าๆ” เธอย้อนเขา แล้วหัวเราะดังกว่า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แทรกบทสนทนาของคนทั้งคู่ “ ไม่รับสายเหรอคุณ” เจ้าชายอาร์เดลถามขึ้น “ ไม่รู้ว่าใครโทรมา มิจฉาชีพหรือเปล่าก็ไม่รู้” “ เขาอาจจะมีธุระก็ได้” “สวัสดีค่ะ” ลดากดรับสาย “สวัสดีครับ นั่นใช่คุณลดา หลานคุณยายมะลิหรือเปล่าครับ” “ ใช่ค่ะ แล้วคุณมีธุระอะไรคะ” “ ตอนนี้คุณอยู่กับใครครับ” “จะถามทำไม” ลดาวางสายเพราะคิดว่าเป็นมิจฉาชีพกำลังโทรมาหลอกเธอ “ใครโทรมาหรอทำไมดูเธอหงุดหงิดจัง” “พวกมิจฉาชีพ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง จากหมายเลขเดิมที่เธอเพิ่งตัดสายทิ้งไป “ดูสิมันโทรเข้ามาอีกแล้ว” ลดาหงายโทรศัพท์ให้เจ้าชายดู “ แล้วรู้ได้ไงว่าเค้าเป็นมิจฉาชีพ” “ ก็มาถามว่าตอนนี้ฉันกำลังอยู่กับใคร” “ ผมจัดการให้ ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว จะได้ไม่มารบกวนคุณอีก” ลดายื่นโทรศัพท์ให้เขารับ “ สวัสดีครับคุณลดา” “ ไฮ ” เจ้าชายตอบกลับ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝั่งพูดว่าอะไร “คุณลดาอยู่ไหนครับ พอดีผมมีเรื่องต้องรีบแจ้งให้เธอทราบ” “ทำไมฝั่งนั้นพูดว่าอะไร” ลดาถามเขา เมื่อเห็นว่าเค้านิ่งไม่ได้ตอบ เจ้าชายส่ายหน้า “ ไอ ด้อนท์ โนว” แล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้ลดา “ นี่ถ้าคิดจะมาหลอกกัน ไปที่อื่นเลยนะไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ” “ อย่าพึ่งวางนะครับฟังผมก่อน ผมโทรมาจากมูลนิธิ รถตู้คุณยายคุณโดยสารมาประสบอุบัติเหตุครับ” เจ้าหน้าที่อธิบายอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเธอจะวางสายไปอีก “นายอย่ามาโกหกนะ” ลดาขู่อีกฝ่าย แต่เธอกลับเริ่มสั่น เพราะกลัวว่าเรื่องที่เขาพูดจะเป็นความจริง “คุณลดา คุณตั้งสตินะครับ รถตู้ที่คุณยายมะลินั่งมาประสบอุบัติเหตุลื่นตกข้างทาง ตอนนี้ทางเราได้ส่งคุณยายไปที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว เราจึงติดต่อคุณมาเพื่อให้คุณที่โรงพยาบาลครับ” ลดานิ่งเงียบไป “ แล้วคุณยายอาการเป็นยังไงบ้างคะ” “ค่อนข้างหนักครับยังไงก็รีบไปติดต่อที่โรงพยาบาลได้เลยนะครับ ทางที่ดีเวลาคุณไปติดต่อที่โรงพยาบาลคุณควรหาเพื่อนมาซักคนนะครับ” เจ้าหน้าที่ไม่กล้าบอกตรงๆ ว่าคุณยายมะลิเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เพราะกลัวว่าลดาจะช็อคไปอีกคน ลดาทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหลนองอาบสองแก้มแก้ม ถึงเธอจะเป็นหมอเคยเห็นคนเจ็บคนเสียชีวิตมาไม่น้อย แต่พอเป็นคนในครอบครัวของตัวเอง มันก็ยากที่จะทำใจเหมือนกัน “ฉันต้องไปอยุธยา” ลดาลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋า “เกิดอะไรขึ้น” เจ้าชายรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ เขาเดินตามเธอขึ้นไป “คุณรอเพื่อนอยู่ที่บ้านของฉันก็ได้ แต่ว่าฉันมีความจำเป็นต้องไปอยุธยาเดี๋ยวนี้” “คุณจะไปคนเดียวหรอ นี่มันก็เริ่มมืดแล้วนะ” เขาไม่รู้ว่าอยุธยาคือที่ไหน ไกลจากตรงนี้มากหรือเปล่า “ มืดแค่ไหนฉันต้องไป ยายกำลังรอฉันอยู่ที่นั่น” เธอเริ่มสะอื้นเมื่อเอ่ยถึงยาย ‘ ยายรอลดาก่อนนะ’ “ ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม” เขาเห็นเธอกำลังสติหลุด คงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับยายของเธอแน่ๆ “ อืม” ในเวลานี้อย่างน้อยถ้าเขาไปด้วยก็คงดีกว่า “ แล้วถ้าเพื่อนคุณมาหา แล้วไม่เจอคุณล่ะ” “ รีบไปกันเถอะ นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะมาห่วงผมอีก” เขาดุเธอ เจ้าชายเดินไปล็อคหน้าต่าง ล็อคประตูบ้าน “ แล้วเราจะไปกันยังไง” “ฉันจะโทรเรียกแกร๊ปไป” ระหว่างทางที่อยู่บนรถ ลดาได้แต่ตั้งจิตอธิษฐานวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ยายของเธอไม่เป็นอะไรมาก เจ้าชายอาร์เดล รู้สึกเป็นห่วงเธออย่างบอกไม่ถูก เมื่อถึงโรงพยาบาล เธอรีบวิ่งไปที่ประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามอาการของยายเธอทันที เจ้าชายวิ่งตามเธอมาและคอยอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา “ ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ คุณยายมะลิวัลย์ เสียชีวิตก่อนมาถึงโรงพยาบาลแล้วค่ะ” ลดาได้ยินที่นางพยาบาลบอกเหมือน ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเธอหยุดการทำงาน เธอไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ตาพร่ามัว ไม่มีแม้แรงจะยืน ขาทรุดลง แต่โชคดีที่อาร์เดลคว้าร่างบางไว้ได้ทันก่อนจะลงไปกองอยู่กับพื้น “เกิดอะไรขึ้น” อาร์เดลถามนางพยาบาลเป็นภาษาอังกฤษอีกรอบ เพราะเขาฟังภาษาไทยไม่ออก เลยไม่รู้ว่าเมื่อกี้ทั้งสองคนคุยอะไรกันบ้าง ลดาถึงร่วงลงไปแบบนี้ “คุณเช็คดูอีกรอบได้ไหมครับ เผื่อมีอะไรผิดพลาด” อาร์เดลบอกนางพยาบาล เขาสงสารคนตัวเล็กในอ้อมกอดที่กำลังยืนนิ่ง ช็อคจนไม่รับรู้อะไร “ ถ้าเป็นคุณยายมะลิวัลย์ ท่านเสียชีวิตแล้วจริงๆค่ะ” หลังจากนางพยาบาลตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก็ยืนยันกับอาเดล “ลดา คุณทำใจดีๆไว้นะ” เขาลูบหัวเธอ “ทางเรากำลังรอให้ญาติมาติดต่อเพื่อรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นญาติของคุณยายหรือเปล่าคะ” “ครับ” “ยายจ๋า” ลดาเรียกยายก่อนเป็นลมทรุดลงไป เจ้าชายอุ้มเธอถือขึ้น แม้ว่าจะทำให้เขารู้สึกเจ็บแผลก็ตาม ส่วนนางพยาบาลก็รีบเข้ามาช่วยกันปฐมพยาบาล “พาไปนอนที่ห้องนั้นก่อนเลยค่ะ” นางพยาบาลชี้บอกทางอาร์เดล ขนาดเธอเป็นลมหมดสติแต่น้ำตายังไหลอยู่ตลอดเวลา ‘ เธอคงเสียใจมากเลยใช่ไหม’ นางพยาบาลช่วยปฐมพยาบาล จนลดาได้สติ “ยาย ยายอยู่ไหน” เธอลุกขึ้นนั่ง หันไปถามอาร์เดล น้ำตาไหลอาบสองแก้ม “คุณยายไปสบายแล้ว” อาร์เดลจับมือให้กำลังใจ “มันเป็นความจริงหรอ” อาร์เดลพยักหน้า แล้วเข้าไปกอดปลอบใจเธอ “ฮือๆๆ ยาย ฮือๆ” เธอร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเขา “คุณต้องเข้มแข็งนะ ไม่งั้นยายคุณจะต้องเป็นห่วงคุณมากแน่ๆ” “ฮือๆ ในชีวิตของฉันไม่มีพ่อไม่มีแม่ มีแค่ยายคนเดียวเท่านั้น ยายเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เกิด ฮือๆ” เธอระบายออกมาให้อาร์เดลฟัง เขาได้ฟังยิ่งรู้สึกสงสารเธอ เด็กผู้หญิงอายุแค่เท่านี้ต้องเจออะไรมาบ้าง แล้วยังต้องมาสูญเสียที่พึ่งสุดท้ายไปอีก “เราพายายกลับบ้านกันเถอะนะ” อาร์เดลลูบหัวลดา เธอพยักหน้าเห็นด้วย อาร์เดลใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD