บทที่ 1

2232 Words
บทที่ 1 วันต่อมา... @อาคารศัลยกรรมทั่วไป “อะไรนะ!” ผมว่าผมได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า “กูย้ายออกแล้ว เมื่อวาน” ไอ้หมอวายุ บอกผมพร้อมกับเดินไปทั่วห้อง เหมือนมันจะอยู่นิ่งไม่ได้ “แล้วมึงจะไปอยู่ไหน แล้วใครจะอยู่กับกู ไม่ได้นะ ชัยย์ไม่ยอม” ผมเดินไปหาไอ้เพื่อนรักก่อนจะทำตัวบิดไปมา เหมือนกำลังจะออดอ้อน “มึงทำอะไรเนี่ยย! พูดอย่างกับมึงเคยกลับบ้านพัก” วายุเบี่ยงตัวหลบหนีผมไปมา แถมยังแอบบ่นผมเบา ๆ “ก็กูผ่าตัดทุกวัน มึงงอนกูเหรอที่กูไม่กลับบ้านพัก วันนี้กูจะกลับ กลับมาอยู่กับชัยย์นะ” ผมเดินตามตูดมันไปมา เหมือนเรากำลังเล่นไล่จับกัน ถึงผมจะอายุมากกว่ามันแต่ด้วยความที่เราเป็นเมตกันตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยเลยทำให้เราสนิทกันมาก ผมกับมันอยู่ด้วยกันมานาน อะไรกันที่ทำให้มันถึงกับต้องทิ้งผมไปนะ หรือว่า... “มึงย้ายไปอยู่กับหมอดาใช่ไหม” ผมกำลังพูดถึงหมอแล็บสุดสวยคนหนึ่ง คนที่ทำให้ผมถึงกับตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ แต่จะว่าไปผมตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้นี่หน่า “อืม…” มันหันหน้ามาตอบผมพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “มึงคิดจะทำอะไร กูรู้นะ” ผมว่าพลางจ้องตามันเขม็ง ไอ้นี่มันไวไฟสุด ๆ “รู้อะไร ไม่มีอะไร” มันตอบอย่างมีพิรุธ “งั้นไปเลี้ยงส่งหน่อยไหม วันนี้กูออกเวร” ในที่สุดผมก็จะได้ไปปลดปล่อยสักที รู้ไหมว่าน้องชายผมมันเหงาแค่ไหน “ไม่ล่ะ กูเข้าเวรชดวันนี้ ไปก่อนนะมีงานต้องทำ” ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรมัน ไอ้วายุก็หมุนตัวเดินออกไป แต่ก่อนจะไปมันก็ได้ทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้ว “เดี๋ยวจะมีหมอแล็บย้ายเข้าไปแทน ขอให้โชคดี” ใครวะ? ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรต่อ มันก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว “เฮ้อออ…ชีวิต” ผมถอนหายใจให้กับชีวิตของผม เพื่อนผมกำลังมีความรัก มันจะมีแฟน มีครอบครัวสินะ ทำไม ทำไมผมยังไม่มีเลยล่ะ ผมคิดอย่างเซ็ง ๆ แต่ก็ต้องหยุดคิด ‘ลำพังแค่ทำงานก็ไม่มีเวลาแล้ว จะไปมีครอบครัวได้อย่างไรกัน' ผมคิดได้อย่างนั้นก็ต้องลุกขึ้นยืนทันที เฮ้ยย! ผมลืมไปว่ามีนัด แย่แล้ววว ผมออกตัววิ่งออกจากห้องทันที แต่ไปได้ไม่ไกลก็จำเป็นจะต้องหยุดชะงักลง เอ่อ…ผมลืมแฟ้มผู้ป่วย ผมหันกลับไปที่ห้องพักอีกครั้งก่อนจะหยิบแฟ้มผู้ป่วยขึ้นมา แล้วใส่เกียร์วิ่งออกจากห้องทันที @ห้องปฏิบัติการปรสิตวิทยา “ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ?” เสียงเล็กเอ่ยถามผมทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ตอนนี้เรากำลังอยู่ในห้องแล็บปรสิต ผมเปลี่ยนชุดเป็นชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) “ได้เหรอ ก็ไม่บอก” ผมตอบเธออย่างยียวนก่อนจะทำท่าเหมือนจะเดินออกไป “อยากตายหรือไง” เธอพูดเสียงลอดไรฟัน สีหน้าเรียบตึง ผมว่าเธอกำลังเก๊ก แต่ โอเค แค่นี้ผมก็กลัวละ “ทำเป็นปากเก่ง เมื่อวานยังหลับเป็นตาย ถ้าผมทำอะไรคุณ คุณก็คงไม่รู้ตัว” ผมพูดอย่างยียวน แกล้งคนตัวเล็กที่กำลังเบิกตากว้าง “เมื่อวานนายทำอะไรฉัน” เธอถามด้วยสีหน้าจริงจัง “แล้วคิดว่าทำอะไรได้ล่ะ ถ้าไม่ทำเรื่องอย่างว่าน่ะ” ผมพูดพร้อมกับยักคิ้วให้เธอหนึ่งที ปั๊ก! “โอ๊ยย! เจ็บ” ความเจ็บปวดเล่นงานผมทันทีที่เธอยกขาลง เธอเตะเข้าที่ขาของผม อีกแล้ว ที่เดิมด้วย “นายไม่ได้ตายดีแน่” เธอบอกผมเสียงเข้ม ฮ่า ๆ น่ารัก “มองอะไร จะถามไหมงานน่ะ” เธอถามผม หลังจากที่เห็นผมยืนจ้องเธอนิ่ง “ถามสิ แต่ไม่รู้ว่าจะได้อะไรจากเธอหรือเปล่า” แปะ! เธอตีเข้าที่แขนผมทันทีที่ผมพูดจบ โอ๊ย ยัยบ้าพลัง “คนไข้มาด้วยอาการยังไง” ไม่ทันที่ผมจะได้ต่อร้องต่อเถียงเธอ เธอก็ยิงคำถามมาที่ผมทันที “ผู้ชาย อายุ 54 ปี มีอาการท้องอืด เจ็บที่ใต้ซี่โครงขวาน่าจะเป็นบริเวณท่อน้ำดี แถมยังมีภาวะดีซ่านเป็นครั้งคราว” ผมหยุดพูด “แล้ว?” เธอเงยหน้ามาสบตาผมทันทีที่ผมเงียบ “คนไข้มาด้วยอาการประมาณนี้ แต่ผม…” -_-? นิ่งงัน “มาด้วยอาการ คิดถึง” -_-?? นิ่งกว่าเดิม ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ เกิดขึ้น ส่วนผม เพล้งง! หน้าแตก เธอไม่ตอบรับมุกผมเลยง่ะ “นายได้ตายของจริงแน่” เธอขู่ผมอีกครั้ง “แหะ ล้อเล่น” ผมยิ้มแหย ๆ ก่อนจะเปิดแฟ้มไปที่หน้าที่มีรูปถ่ายส่องกล้องจากท่อน้ำดี “หืออ นี่มัน Opistrochis viverrini นี่หน่าตัวใหญ่เชียว” หืออ? เธอบอกชื่อปรสิตทันทีที่ผมเปิดให้ดู ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่ภาพขาว-ดำ “เพราะมันตัวใหญ่ไงเลยไปอุดตันที่ท่อน้ำดี ตอนนี้คนไข้อาการแย่จากการเป็นภาวะดีซ่าน” ผมบอกสิ่งที่กังวลใจให้เธอฟัง “กี่ปีแล้ว ที่มันอาศัยอยู่ในนั่น” เธอถามผม “ประมาณ 20 ปีได้” ผมบอกเธอพร้อมกับยักไหล่อย่างอดสู ปรสิตสามารถอาศัยอยู่ในร่างกายของคนได้ โดยคนไข้อาจจะไม่มีอาการใด ๆ แต่เหมือนตอนนี้มันจะตัวใหญ่เกินที่จะอยู่แค่ตับ มันพยายามจะออกไปจากตับแต่ดันไปติดที่ท่อน้ำดี “แล้วคุณจะทำยังไง” เธอถามผม “ผ่าเอามันออกมา” ผมบอกเธอ แต่การผ่าครั้งนี้น่ากังวลใจ เพราะท่อน้ำดีเชื่อมอยู่กับลำไส้เล็ก “คุณกำลังกังวล” เธอเอ่ยถามผมหลังที่เห็นผมทำสีหน้ากังวลใจ “ใช่สิ อย่างที่คุณรู้ ถ้าไอ้ตัวนี้มันมีไข่อยู่ในท้อง แล้วผมไปทำให้ตัวมันแตกล่ะ” ผมไม่อยากจะคิดเลย ถ้าผมผ่าเข้าไปแล้วใบมีดไปสะกิดโดนตัวมันแล้วตัวมันแล้วไข่ของมันแตกออกจะเกิดอะไรขึ้น เราอาจจะใช้ยากินเพื่อกำจัดไข่ของมัน แต่ว่าอาการคนไข้ไม่สู้ดีนัก เชื้อปรสิตอาจจะแพร่ไปทั่วร่างกายของเขาได้ “แต่ดูเหมือน มันไม่มีไข่นะ” เอ๊ะ?? เธอกำลังจะบอกว่ามันยังไม่มีไข่เหรอ “ถึงมันจะมีสองเพศ แต่คุณดูตรงนี้สิ รังไข่ของมันแฟบอย่างเห็นได้ชัด” เธอชี้ให้ผมดูที่รังไข่ ผมกำลังจะโน้มใบหน้าลงไป แต่แล้วเธอกลับเงยหน้าขึ้นมาพอดี เราสบตากันนิ่ง ผมที่กำลังเคลิ้มจะต้องหยุกชะงัก เพราะเธอ แปะ! เอานิ้วมาดีดหน้าผากผม ผมสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ “ไม่อยากเชื่อเลยว่านายจะเป็นศัลยแพทย์ทั่วไป อันดับหนึ่งของโรงพยาบาลเรา” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ผมได้ยินชัด “ก็คนมันเก่ง ช่วยไม่ได้” ผมพูดแทรกขึ้นทันทีก่อนที่เธอจะพูดจบ “หึ ผ่าเอาน้องอ้วนออกมาให้ได้ก่อนเถอะ ค่อยมาพูด” เธอคงหมายถึงปรสิตตัวนั้น แต่เรียกซะน่ารักเชียว “สบาย ว่าแต่คุณแน่ใจนะว่ามันไม่มีไข่” ผมถามย้ำเธออีกครั้ง “แน่ใจสิ ฉันเชี่ยวชาญเรื่องนี้ที่สุดละ จะบอกให้” เธอพูดพลางเชิดชูคอขึ้นอย่างภูมิใจ “มิน่าล่ะ ถึงหาเส้นเลือดไม่เจอ” ผมพูดเอ็ดเธอถึงเรื่องเมื่อวาน “นายอยากตายหรือไง ฮะ!” เธอกำลังเอื้อมหมัดขึ้นสูง แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ลงมือ ผมก็หยิบแฟ้มวิ่งออกจากห้องแล็บไปก่อน เกือบได้ตายของจริงแล้วไหมล่ะ @Club Friday night “ตกลงยัยดาไม่มาจริงเหรอ” เสียงเล็ก ๆ ของยัยแคทเพื่อนฉันเอ่ยถามหา ญดา เพื่อนรักของฉัน ฉันส่ายหน้าให้เธอ “เดี๋ยวนี้ยัยดาเงียบเลยเนอะ ไลน์ก็ไม่ค่อยจะตอบ” พอดียัยดามีปัญหาบางอย่างทำให้ต้องเก็บตัวเงียบ เธอไม่อยากจะให้ใครที่รู้จักเธอเป็นห่วง เธอโดนพักงานจากเหตุทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล ฉันยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนคนอื่นฟัง “ดา มันกำลังมีความรักน่ะ” ฉันบอกยัยแคท แคทเป็นเพื่อนในคณะที่ไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่พอดีเราสองคนเป็นสิงห์นักดื่มด้วยกัน ก็เลยคบกันเพื่อดื่มเหล้า “กรี๊ด ๆ ใครกันเอาชนะใจยัยเจ้าหญิงได้ล่ะเนี่ย” ยัยแคทร้องกรี๊ดพร้อมกับจีบปากจีบคอพูดถึงญดา ฉันถึงกับยิ้มออกมา ก็ยัยดาน่ะเธอเหมือนเจ้าหญิงเลยล่ะ “เจ้าชายสิ ถึงจะได้คู่กับเจ้าหญิง” ฉันก็อดไม่ได้ที่จะแซะยัยดา เราสองคนหัวเราะอย่างสนุกสนาน วันนี้ฉันออกเวร ตั้งแต่ฉันย้ายบ้านพักฉันก็ยังไม่ได้กลับไปบ้านพักเลย ทำไมฉันจะต้องย้ายน่ะเหรอ ก็หมอวายุ หมออายุรกรรมแพทย์เขามาขอให้ฉันย้ายสลับกันกับเขา เพราะเขาจะได้ไปอยู่กับยัยดา พูดแล้วก็เซ็ง เพื่อนฉันกำลังมีความรัก ส่วนฉัน “แกไม่คิดจะหาแฟนหน่อยเหรอน้ำผึ้ง” จู่ ๆ ยัยแคทก็ถามฉันขึ้นมา “ไม่ล่ะ” ฉันตอบทันควัน “ไม่มีแฟน แต่แกก็ควรมีคู่นอนก็ได้นะ จะเก็บซิงไว้ชิงโชคหรือไง” ยัยแคทแนะนำฉัน “ก็เผื่อว่าจะได้โชคชิ้นใหญ่นั่นแหละ” ฉันตอบหล่อน พอคิดเรื่องนี้ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเหม่อ ฉัน ฉันจะมีโอกาสได้เจอรักแท้เหมือนคนอื่นเขาไหมนะ พอคิดแล้วมันก็อดน้อยใจไม่ได้ เกิดมา 28 ปีฉันยังไม่เคยมีแฟนเลย มีแฟนมันเป็นยังไงนะ ฉันมองไปทั่วคลับ แสง สี เสียง ยังคงดังสนั่น ผู้คนมากมายหลายตากำลังยืนเต้น บางคนนัวเนียกันซะจน ‘ทำไมไม่ถอดผ้าเอากันให้รู้แล้วรู้รอด’ ฉันคิดในใจพลางจ้องไปที่ ชาย-หญิง คู่หนึ่งที่กำลังนัวเนียกันอย่าเมามัน เธอกำลังนั่งที่ต้นขาของผู้ชายพร้อมกับหันหน้าไปจูบกันไปมา ยี๋ ไม่อายฟ้า อายดิน ฉันเห็นถึงกับส่ายหัวไปมา แต่จู่ ๆ เหมือนเขาจะรู้ตัวว่าฉันกำลังมอง เขาหันมาสบตาฉัน เราสบตากันสักพัก จากนั้นเขาก็ผละออกจากผู้หญิงนมโตตรงหน้าทันที ทำไมคุ้นจังวะ ฉันรู้สึกคุ้นสายตาคู่นั้นอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนกับว่าฉันเพิ่งจะเจอสายตาคู่นี้ไปไม่นาน อะ นึกออกแล้ว ภาพของหมอชัยย์ ลอยขึ้นมาในหัวของฉัน ให้ตายเถอะ ไอ้ผู้ชายกะล่อน เมื่อตอนสายยังมาเต๊าะฉันอยู่เลย ตอนนี้ดันมานัวเนียกับผู้หญิงอื่นหน้าตาเฉย โอ๊ย หงุดหงิด อยู่ดี ๆ ฉันก็หงุดหงิดขึ้นมา เอ๊ะ แล้วฉันจะหงุดหงิดทำไมเนี่ยย “ผึ้ง! ผึ้ง!” เสียงเรียกแสบหูของยัยแคทดังขึ้น “หะ ห๊าา?” ฉันสะดุ้งตามเสียงเรียกเตือนสติ “ฉันเรียกแกตั้งนาน ไม่ได้ยินหรือไง ฉันว่าจะออกไปล่าเหยื่อ แกไปมะ ฝั่งนั้นเหยื่อฉันเยอะเลย” เธอว่าพลางชี้ไปอีกฝั่งหนึ่งของคลับ “ไม่ล่ะ” ฉันปฏิเสธไป สายตาของฉันหันกลับไปมองที่หมอนั่นอีกครั้ง อะ หายไปไหนแล้ว “งั้นฉันไปก่อนนะ คงไม่ได้กลับมา งั้น ลาเลยแล้วกัน เจอกันจ้ะ” เธอบอกลาฉันก่อนจะเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ฉันนั่งดื่มอยู่คนเดียวสักพักก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะกลับบ้านพัก อยู่ ๆ อารมณ์ฉันมันก็ไม่ดีขึ้นมา เซ็งแปลก ๆ ว่าจะดื่มให้เละฉลองกับการออกเวร ฉันน่ะอยู่เวรจนลืมวันเวลา ฉันเดินออกมานอกคลับ เอ๊ะ ไม่มีรถแท็กซี่สักคันวันนี้วันอะไรเนี่ย หงุดหงิดๆ ยังจะมีอะไรที่ทำให้หงุดหงิดอีกไหม ไม่ทันที่ฉันจะคิดเสร็จ ครึ้ม~~ เสียงฟ้าร้อง พร้อมกับฝนที่กำลังตกมาอย่างหนัก เอิ่ม… ฉันไม่น่าคิดอะไรออกมาเลย ฉันยืนนิ่งอยู่หน้าคลับนานเท่าไรก็ไม่รู้ ไม่มีวี่แววของรถแท็กซี่ซักคัน หรือฉันจะนอนมันที่นี่เลยนะ หรือว่าฉันควรจะวิ่งตากฝนไปรอรถอยู่ป้ายรถเมล์ดี คิดได้อย่างนั้นฉันก็ออกตัววิ่งตากฝนออกไป ฉันไปหยุดที่ป้ายรถเมล์ที่ไกลออกไปจากคลับพอสมควร เอ่อออ... ตรงนี้มันเปลี่ยวกว่าที่เดิมอีก จะมีรถไหมนะ ฉันที่กำลังชะเง้อคอมองหารถ แต่แล้วฉันก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเสียงทุ้มลึกของใครบางคนก็ดังขึ้น “จะไปไหนจ๊ะ ให้พี่ไปส่งไหม?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD