บทนำ
[The hospital A]
@ห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก [09.00 น.]
“คนไข้ชื่ออะไรคะ?” ฉันถามคนไข้พร้อมกับถือหลอดเก็บเลือดไว้ในมือ ส่วนอีกมือหนึ่งหยิบปากกาขึ้นมาเตรียมจะจดชื่อ
“มองไม่เห็นเหรอ ในใบส่งตรวจก็มีชื่อ ถามอะไรโง่ๆ” ทำไมพูดงี้นะ
“เพื่อป้องกันการสวมรอยค่ะ” ฉันตอบเสียงเรียบนิ่ง ไม่ใช่ฉันไม่รู้ชื่อ แต่ถามเพื่อความแน่ใจ เพื่อป้องกันการสลับชื่อ หรืออาจจะมีการสวมรอย
“ใครจะมาสวมรอยฉัน” เอ่อ ฉันอยากจะบ้า แค่บอกชื่อมันจะทำให้โลกแตกหรือไง
“ตกลงคนไข้ชื่ออะไรคะ ถ้าไม่บอกฉันคงไม่สามารถเจาะเลือดให้ได้” ฉันจีบปากจีบคอพูดจาอ่อนหวาน
“กระแดะ” มนุษย์ป้าด่าฉัน
“อ้อ ชื่อกระแดะเหรอคะ” ฉันถามกลับด้วยท่าทียียวน
“เอ๊ะ! เธอหลอกด่าฉันเหรอ มีหน้าที่เจาะเลือดก็เจาะไปสิ จะถามให้มากเรื่องทำไม”มีหน้าที่ตอบก็ตอบไปสิ จะพูดให้มากเรื่องทำไม ฉันตอบกลับในใจ
“แล้วจะบอกได้หรือยังคะ ว่าชื่ออะไร” ฉันยังคงถามคำถามเดิม ถ้าฉันไม่ถามแล้วเจาะเลือดให้คนไข้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรมาคนที่ซวยก็คือฉันเอง
“ชิ มณี ศรีสวัสดิ์” ก็แค่นั้น
“อย่างเกร็งนะคะ เดี๋ยวเลือดจะไหลช้า” ฉันบอกเธอพร้อมกับจับแขนของคนไข้พลิกไปมาเพื่อหาเส้นเลือด ให้ตายเถอะมนุษย์ป้าคนนี้หาเส้นเลือดยากจัง เธอเป็นคนที่มีรูปร่างอ้วน ดูท่าเหมือนจะมีไขมันพอกตามตัวตามแขนซะจนไม่เห็นเส้นเลือดโผล่ออกมา ฉันหยิบ Tourniquet (สายรัดต้นแขน) เพื่อมารัดแขนคนไข้ รอสักพัก ปกติแล้วเส้นเลือดจะปูดขึ้นมา แต่กับมนุษย์ป้าคนนี้กลับไม่มี
“จะรัดจนแขนฉันตายหรือไง จะทำอะไรก็รีบทำ” จู่ ๆ เธอก็พูดขึ้นมาในขณะที่ฉันกำลังใช้สมาธิ เอาวะตรงนี้แหละ ด้วยความที่คนไข้เริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ ฉันเลยตัดสินใจที่จะเจาะเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจ
ฉันหยิบสำลีแอลกอฮอล์ขึ้นมาเช็ด ขณะที่รอให้แห้งฉันก็หยิบเข็มเจาะเลือดขึ้นมา จากนั้นฉันจับเข็มไปจ่อที่เส้นเลือดที่ฉันคิดว่าใช่แน่ ๆ ก่อนจะออกแรงดันเข็มเข้าไป
ฉึก!
ฉันดึงไซริงเพื่อจะกรอเลือด ออกแรงดึงเล็กน้อยเพื่อเช็กว่าได้เลือดไหม และฉันก็พบว่า... ฉันไม่ได้เลือด!!!
ให้ตายเถอะ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ การเจาะไม่ได้เลือดสามารถเกิดขึ้นได้ ฉันแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยการควานเพื่อหาเส้นเลือด แต่ว่าความเจ็บก็เริ่มเล่นงานคนไข้
“โอ๊ยย ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ยย!! โอ๊ยๆ เลือดๆ” มนุษย์ป้าร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ แต่ไม่ทันที่ฉันจะเจอเส้นเลือด
เพียะ!!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าเสียงดัง ฉันตกใจจนเผลอปล่อยมือออก เข็มเจาะเลือดยังคงค้างอยู่ที่แขน แต่ไม่ทันได้เข้าไปจับ หญิงวัยกลางคนก็ดึงเข็มเจาะเลือดออก ทันใดนั้นเลือดที่ถูกบีบรัดจากสายรัดแขน ก็พุ่งขึ้นเหมือนกับน้ำพุ รอบตัวฉันเปื้อนไปด้วยเลือด รวมถึงเสื้อกาวน์ฉันด้วย เสียงกรีดร้องของคนไข้คนอื่น ๆ ดังขึ้นด้วยความตกใจ ฉันตกใจจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก ตามหลักการฉันควรที่จะ
พรึบ!!
แต่ไม่ทันที่ฉันจะได้ดึงสายรัดแขนออก จู่ ๆ ก็มีมือใครก็ไม่รู้ยื่นมือมาดึงออกก่อนที่ฉันจะดึง จากที่เลือดพุ่งขึ้น ตอนนี้มันได้ไหลออกมาช้า ๆ เหมือนกับแผลเจาะเลือดปกติ ฉันตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนไม่รู้จะทำอะไรต่อ แต่แล้วผู้มาใหม่เขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก เขาหยิบสำลีแห้งขึ้นมาก่อนจะกดไว้ที่แผล จากนั้นก็หยิบเทปใสขึ้นมาแปะสำลีไว้ เขาทำอย่างรวดเร็ว ไม่มีอาการประหม่าแม้แต่น้อย
“ยืนเซ่ออยู่ทำไม! ทำไมไม่ขอโทษคนไข้” ร่างสูงของผู้มาใหม่ตวาดใส่ฉัน ฉันเริ่มตั้งสติได้ก่อนจะมองไปที่คนไข้ เธอยืนร้องไห้อยู่ ฉันว่ามันไม่ใช่ความผิดของฉันคนเดียวสักหน่อย แต่แล้วฉันก็ต้องยอมแพ้ ฉันก้มหน้าก่อนจะโค้งคำนับพร้อมกับกล่าวขอโทษ
“คุณป้าก็เหมือนกัน ขอโทษเธอด้วยสิ” เอ๊ะ? เขาหันหน้าไปบอกมนุษย์ป้า หล่อนทำหน้าตกใจ
“คะ คุณว่าอะไรนะ” เธอเอ่ยถามผู้มาใหม่อีกครั้ง
“ถึงคุณจะเป็นคนไข้ แต่คุณควรที่จะให้ความร่วมมือ และไม่ควรทำอะไรแบบนี้ เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นได้ เธอมีวิธีแก้ปัญหาของเธออยู่แล้ว” เขาตอบคำถามคนไข้ด้วยสีหน้าจริงจัง เธอทำหน้าลังเลก่อนที่จะหันมาขอโทษฉันเหมือนกัน ฉันยืนนิ่งงันสักพัก อาจจะเป็นเพราะฉันยังคงตกใจอยู่
ปกติแล้วฉันไม่เคยทำผิดพลาด ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิตการทำงานของฉัน แต่พอมันเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์ฉันเลยทำตัวไม่ถูก ไม่ใช่ไม่ตระหนักว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ สมัยที่ฉันเรียน อาจารย์มักจะสอนให้แก้ปัญหาประมาณนี้บ่อย ๆ แต่นั่นมันก็แค่ทฤษฎี ฉันเหม่อคิดอะไรอยู่ในใจจนไม่ทันรู้เลยว่าคนมาใหม่เขาได้เดินออกไปแล้ว ฉันเหนื่อยล้าจากการเข้าเวรทั้งคืนด้วยมั้ง เฮ้อ...
ยังไม่ได้พักเลย
@ห้องพักรวมศัลยแพทย์ทั่วไป
“ครับ ถ้าเปลี่ยนได้นะครับ ขอบคุณครับ ยังไงก็โทรมาบอกด้วยนะครับ” ผมคุยโทรศัพท์อีกสักพัก ก่อนจะวางหู ผมเพิ่งโทรไปหาหัวหน้านักเทคนิคการแพทย์ เพื่อจะบอกให้เธอช่วยเปลี่ยนที่ปรึกษาเคสคนไข้ที่มีพยาธิใบไม้ในตับจากหมอน้ำผึ้ง ทำไมผมอยากเปลี่ยนน่ะเหรอ พอดีผมเพิ่งไปหาหมอแล็บที่เป็นที่ปรึกษาเคสคนไข้ของผม หัวหน้าเทคนิคการแพทย์บอกว่าเธอเก่งนักเก่งหนา แต่พอผมจะไปคุยด้วยกลับต้องเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ผมอยากจะเปลี่ยนที่ปรึกษาทันที
กริ๊งงงงงงง~
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ที่ห้องพักก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นรับ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงเล็กก็ดังขึ้นซะก่อน
“กล้าดียังไงถึงขอเปลี่ยนตัวฉัน” เธอพูดเสียงลอดไรฟัน เหมือนพยายามที่จะข่มความโกรธไว้
“ไม่ได้แค่กล้าดี แต่กล้ามากต่างหาก” ผมกระตุกยิ้มก่อนที่จะตอบกลับเธอ
“จะลองดีหรือไง คุณกำลังดูถูกฝีมือฉัน” เธอยังพูดอย่างข่มใจ
“คุณมาหาผมซะสิ จะได้รู้ว่าทำไมผมถึงกล้าที่จะดูถูกคุณ” ผมตอบกลับไป ไม่ทันที่จะให้เธอตอบกลับผมก็กดวางสายทันที เฮ้ออ…ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงสวย ๆ อย่างเธอจะขี้โมโหขนาดนี้ เสียดายความสวย ความหุ่นดีของเธอ ผมที่กำลังเพ้อถึงหุ่นของเธออยู่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นไว้ เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้น
แอ๊ดด~
ปัง!
เอ่อ กระแทกประตูปิดดังไปไหม ผมยืนขึ้นหมุนตัวไปมองคนตัวเล็กที่เพิ่งมาใหม่ เราสบตากัน เธอตกใจตาค้างทันที
0•0!!
“ไง” ผมยกมือทักทายอย่างยียวน เธอหรี่ตาต่ำลงพร้อมกับเดินเข้าใกล้ผม ก่อนที่จะทำเรื่องที่ผมไม่คาดคิด
“โอ๊ยย!” ผมร้องดังลั่น จู่ ๆ เธอก็เดินมาเตะที่น่องขาผม โอ๊ยเจ็บชะมัด ผมยกขาขึ้นยืนเป็นกระต่ายขาเดียวกระโดดไปมาอย่างเจ็บปวด
“ทำให้ฉันขายหน้า แล้วยังมีหน้ามาเปลี่ยนตัวฉันอีก!” เธอตวาดเสียงดังลั่น
“ฮะ! ขายหน้าเหรอ ผมอุตส่าห์ช่วยคุณ!” ผมตวาดเสียงดังลั่นเช่นกัน
“ช่วยให้ฉันขายหน้าน่ะสิไม่ว่า” เธอว่าพลางเชิดหน้าชูคอขึ้นอย่างเป็นต่อ
“ทำไมพูดงี้วะ” ผมตอบกลับเธออย่างนึกสงสัย
“ก็ทำไมจะพูดไม่ได้ เป็นหมอละมาอวดเก่งที่ถิ่นฉัน แล้วยังจะมาใช้ความเป็นหมอเปลี่ยนตัวฉันอีก” เธอช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
“เดี๋ยวก่อนนะ ผมว่าคุณกำลังโมโหเกินไปละ” ผมพยายามที่จะข่มอารมณ์ไว้ ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมา
“ฮึก ฮืออ ทำไม ทำไมนายต้องเข้ามาช่วยฉัน นายทำให้ฉันดูแย่ต่อหน้าคนไข้ นายทำให้ฉันขายหน้า ฮืออ” เธอร้องไห้ออกมาเสียงดัง แถมยังเอากำปั้นเล็ก ๆ มาทุบลงที่หน้าอกของผมด้วย
“โอเค ๆ ใจเย็น ๆ ก่อนนะ” อยู่ ๆ ผมก็ใจอ่อนขึ้นมา
“ถะ แถม นายยังมาขอเปลี่ยนตัวฉัน นายทำให้ฉันดูแย่ในสายตาหัวหน้า” เธอยังคงร้องไห้ไม่หยุด ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลย
“โอ๋ ๆ มะ ไม่เปลี่ยนแล้วว ไม่เปลี่ยนตัวแล้ว” ผมพูดพลางเดินเข้าไปใกล้เธอ ก่อนจะจับศีรษะของเธอเข้ามาแนบอกเธอไม่มีท่าทีขัดขืน ก่อนที่ผมจะลูบศีรษะเธอปอย ๆ เธอคงกำลังหัวเสีย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อาจจะเป็นเรื่องเคยชินสำหรับผมเพราะผมเข้าผ่าตัดทีไรเลือดพุ่งทุกที แต่สำหรับเธอคงเป็นครั้งแรก คนที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้อาจจะขวัญเสียได้ เอ๊ะ? ว่าแต่ทำไมเธอถึงเงียบไป
“คุณ คุณ!” ผมพยายามเรียกคนตัวเล็กที่เอาหน้าแนบแผงอกผมไว้แน่น อย่าบอกนะว่า…
“คร่อกกก~” อะ ชัดเลย เธอหลับ ทั้ง ๆ ที่ยังยืนอยู่เนี่ยนะ 0.0!