3

3932 Words
ก๊อกๆ “เข้ามา” เพียงดาวอนุญาตหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น “คุณเพียงเจ้า คุณหญิงนวลจันทร์กับหลานชายเปิ้ลมาแล้วเจ้า” ดาวเรืองเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นเสกสรรยืนกอดแพรลานนาอยู่ก็ตกใจ รีบก้มลงมองที่พื้นห้องอย่างอายๆ ‘หึ  มากันแล้วสินะ เดี๋ยวได้สนุกแน่ ’ เสกสรรยกยิ้มเหยียดๆ พลางรับรู้ถึงการหยุดสะอื้นของคนในอ้อมกอด “อาหารพร้อมหรือยัง” เพียงดาวเช็กความพร้อม “พร้อมแล้วเจ้า” ดาวเรืองตอบเสียงสั่นๆ “งั้นเชิญแขกไปที่ห้องอาหารเลยแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะตามลงไป” “เจ้า ” เด็กสาวรับคำก่อนจะรีบออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ “ต้อมเดี๋ยวลงไปทานอาหารกับแขกของยายข้างล่าง ส่วนน้องแพรล้างหน้าล้างตาก่อนค่อยลงไปพร้อมพี่เขานะลูก” เพียงดาวเอ่ยจบก็รีบเดินตามสาวใช้ลงไปที่ห้องรับแขกชั้นล่าง “ปล่อย ” แพรลานนารีบผลักร่างสูงออกทันทีที่เพียงดาวออกไป “ทำไม  จะรีบไปหาไอ้หน้าจืดนั่นเหรอ ” เสกสรรเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ใช่  ทีนี้ก็ปล่อยซะทีสิ ” แพรลานนาตอบพร้อมกับสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม “นี่ขนาดมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว ยังไม่หายร่านอีกเหรอฮะแพร ” คนที่โมโหจนเบรกตัวเองไม่อยู่เผลอสบถถ้อยคำหยาบคายออกมาอย่างลืมตัว เพียะ “เลว” แพรลานนาตวัดฝ่ามือลงที่ใบหน้าของคนหน้าด้าน จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังมึนๆ วิ่งออกจากห้องไป “หึ  เลวงั้นเหรอ” คนถูกตบสบถอย่างหงุดหงิด พลางยกมือขึ้นลูบแก้มด้านซ้ายที่เริ่มเจ็บและชาเบาๆ ‘ฉันจะทำให้เธอรักและตามหึงหวงฉัน เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ คอยดู ’                   ที่ห้องทานอาหาร...กับข้าวถูกทยอยนำออกมาวางอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการพูดคุยที่เป็นกันเอง โดยเพียงดาวนั่งอยู่หัวโต๊ะ ทางฝั่งขวามีคุณหญิงนวลจันทร์ พันนากรณ์ นั่งอยู่กับหลานชายคนโต ‘น่านนาวา’ ชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย   แพรลานนาวิ่งตรงไปยังห้องนอน เพื่อสำรวจตัวเองให้ดูเรียบร้อย เพราะแขกที่มาทานข้าววันนี้ คือคนที่ช่วยเธอเอาไว้คืนก่อนตอนเธอกลับจากไปทานอาหารค่ำกับเพื่อนๆ ที่โรงแรมเอื้องลานนา   22 : 10 น. ระหว่างทางกลับเข้าไร่ อยู่ๆ รถที่ขับมาก็เกิดเสีย แพรลานนารีบควานหามือถือในกระเป๋า แต่กดเปิดเครื่องไม่ได้ เธอพยายามอยู่นาน จนกระทั่งมีรถเก๋งคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ จากนั้นผู้ชายใส่สูทก็ลงมาจากรถพร้อมกับหญิงวัยหกสิบ ตอนนั้นเธอทั้งดีใจและหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่นวลจันทร์กับหลานชาย น่านนาวา พันนากรณ์ ขับรถกลับจากการไปทานข้าวกับนายหน้าที่ดิน ก็เห็นรถเก๋งคันหนึ่งติดไฟกะพริบจอดอยู่ข้างทาง พอขับผ่านไปจึงรู้ว่าคนขับเป็นหญิงสาว ตนกับหลานชายจึงถอยรถกลับไปถามไถ่  และทันทีที่ได้ยินหญิงสาวแนะนำตัว เธอถึงกับตกใจกับนามสกุลของอีกฝ่าย จึงถามอย่างตื่นเต้นว่ารู้จักเพียงดาว ภรรยาของคุณหลวงอภิชาต สิรันยากรณ์ หรือเปล่า ? หญิงสาวก็ตอบว่าตนเป็นเด็กในอุปการะของเพียงดาว เธอแทบจะกรีดร้องอย่างลืมตัว ก่อนจะบอกกับหญิงสาวว่าเธอเป็นเพื่อนสมัยเรียนกับอีกฝ่าย แพรลานนายิ้มกว้างอย่างดีใจ รู้สึกว่าเธอโชคดีที่ได้เจอกับเพื่อนเก่าของ คุณเพียงดาว และรู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายขับรถพาเธอมาส่งถึงไร่ และบอกว่าพรุ่งนี้ช่วงสายๆ จะแวะเข้ามาที่ไร่ เธอยกมือไหว้ทั้งสองอย่างขอบคุณ ก่อนจะได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมคายของคนที่นั่งฟังการสนทนาเงียบๆ มาตลอดทาง เมื่ออีกฝ่ายลงจากรถมาส่งถึงหน้าเรือนใหญ่ รอยยิ้มของเขามันทำให้เธอรู้สึกประหม่าและหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พอรุ่งเช้า...เธอก็รีบไปรายงานคุณเพียงดาวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ท่านตกใจที่รู้ว่ารถเธอเสียกลางทาง และดีใจที่รู้ว่าเพื่อนเก่ามาช่วยเอาไว้ จากนั้น...ช่วงสายๆ คุณนวลจันทร์ก็แวะมาที่ไร่กับคนขับรถ ในขณะที่หลานชายติดธุระเรื่องงานมาด้วยไม่ได้ หญิงวัยหกสิบทั้งสอง นั่งพูดคุยกันถึงช่วงเวลาที่ขาดหายจนเกือบค่อนวัน ด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ก่อนจะนัดทานข้าวด้วยกันอีกครั้งในวันต่อมา   แพรลานนาตรวจเช็กความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมที่กระจก ก่อนจะเดินลงไปยังห้องอาหารด้วยความรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ ที่จะได้เจอน่านนาวาอีกครั้ง แต่แล้วอาการดีใจของเธอก็หายวับไปกับตา เมื่อเห็นร่างสูงของคนที่เกลียดเข้าไส้ดักรออยู่หน้าประตูห้องอาหาร เธอหน้าตึงขึ้นมานิดๆ ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินผ่านไป และทำเหมือนมองไม่เห็นอีกฝ่าย เสกสรรคว้าหมับเข้าที่แขนของสาวเจ้า ก่อนจะผลักประตูเข้าไปข้างในห้องอาหาร แล้วฉีกยิ้มให้กับทุกคนอย่างอารมณ์ดี ทำเอาคนที่กำลังโกรธปรับสีหน้าแทบไม่ทัน ‘ให้ตายสิ  เธอเกลียดผู้ชายอย่าง แดเนียล เสกสรร ร็อฟเวลล์ ที่สุดเลย’  แพรลานนาอยากจะกรีดร้องดังๆ แต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ภายใต้รอยยิ้มบางๆ “สวัสดีครับ ขอโทษที่ทำให้รอนาน พอดีมัวแต่ติดกระดุมให้น้องแพรอยู่น่ะครับ” เสกสรรเอ่ยต่อเมื่อเห็นทุกคนหันมามองที่เขาและเธอ แพรลานนารู้สึกหน้าชา เหมือนกับอยู่ๆ ก็โดนไม้หน้าสามตีลงกลางแสกหน้าอย่างจัง  “ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่นครับ” เสกสรรหัวเราะขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าช็อกของแต่ละคน ก่อนดึงเก้าออกให้สาวเจ้านั่งลงข้างๆ ตน “แหม  อารมณ์ขันซะจริงนะพ่อคุณ  นี่คงเป็นแดเนียลสินะ  ตัวจริงหล่อกว่าในหนังสือพิมพ์เยอะเลย ” นวลจันทร์ชมหนุ่มเจ้าเสน่ห์ยิ้มๆ เธอรู้จักชายหนุ่มผ่านทางสื่อต่างๆ ในนามของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง แดเนียล ร็อฟเวลล์ ที่ติดอันดับหนุ่มหล่อ Top 10 ของโลก “สวัสดีครับคุณนวลจันทร์ ผมแดเนียล เสกสรร ร็อฟเวลล์ครับ เรียกสั้นๆ ว่าต้อมก็ได้ครับ” เสกสรรเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้แบบไทยๆ “สวัสดีจ้ะพ่อต้อม” นวลจันทร์ถึงกับยิ้มไม่หุบ รีบยกมือขึ้นรับไหว้ชายหนุ่มแทบไม่ทัน “ต้อม นี่พ่อนาวา หลานชายคนโตของคุณนวล” เพียงดาวรีบแนะนำ เพราะเห็นหลานชายตัวดีเริ่มจะออกอาการแปลกๆ “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณแดเนียล” น่านนาวายิ้มบางๆ ให้ “สวัสดีครับคุณนาวา” เสกสรรส่งยิ้มกลับ “สวัสดีค่ะคุณนวล สวัสดีค่ะพี่นาวา” แพรลานนายกมือไหว้ทั้งสองด้วยท่าทีอ่อนหวาน “สวัสดีค่ะน้องแพร” น่านนาวารับไหว้พร้อมกับจ้องมองใบหน้าหวาน เสกสรรหน้าตึงขึ้นมานิดๆ ที่ได้ยินคำว่า ‘พี่นาวา’  แถมเธอยังบังอาจส่งยิ้มหวานไปให้อีกฝ่ายต่อหน้าต่อตา ‘หึ  ไม่เกรงใจผัวเลยนะแพร’ คนที่กำลังเดือดเผลอบีบแขนบางอย่างลืมตัว แพรลานนานิ่วหน้านิดๆ ก่อนจะหันไปมองคนเถื่อนพร้อมกับกระตุกแขนออกอย่างขุ่นเคือง “นวลเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมของยาย แล้วก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีก บังเอิญว่าคืนก่อนรถของน้องแพรเสียกลางทาง เป็นจังหวะเดียวกับที่นวลและพ่อนาวาขับรถผ่านมา เลยช่วยขับรถพาน้องแพรมาส่งที่ไร่น่ะ” เพียงดาวเอ่ยก่อนจะเริ่มตักอาหารให้กับเพื่อนรักในวันวานด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข “ว้าว  เป็นเรื่องดีจริงๆ เลยนะครับ ” เสกสรรเอ่ยด้วยสีหน้ายินดี ‘พระเจ้า  เธอจะทนไม่ไหวแล้วนะ’ แพรลานนากัดฟันยิ้มให้นวลจันทร์กับน่านนาวาที่กำลังมองมา ขณะที่มือหนาของคนหน้าด้านกำลังลูบไล้ต้นขาของเธอไปมาราวกับพวกบ้ากาม “น้องแพรครับ วันนี้ช่วยพาพี่ไปทัวร์ในไร่หน่อยนะครับ” น่านนาวาเอ่ยพร้อมกับตักกับข้าวให้หญิงสาวอย่างเอาใจ “ค่ะพี่นาวา” แพรลานนายิ้มบางๆ ขณะปัดมือหนาออกจากต้นขาอย่างทนไม่ไหว “แล้วนี่พ่อต้อมมีคนที่คบหาดูใจอยู่หรือยังจ๊ะ” นวลจันทร์ถามต่อ “มีแล้วครับ” เสกสรรว่าพลางขยิบตาส่งให้คนข้างๆ “ว้าย  ดีใจด้วยจ้ะ แล้วใกล้จะมีข่าวดีหรือยังเอ่ย” นวลจันทร์เอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจ ในขณะที่แพรลานนาเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมานิดๆ “ใกล้แล้วครับ” เสกสรรตอบยิ้มๆ “เอ...แต่วันก่อนเพียงบอกว่าพ่อต้อมน่ะยังโสดอยู่เลยนะ” นวลจันทร์เอ่ยอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ “อ้าวเหรอครับ ฮ่าๆๆ” เสกสรรแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน “ว่าแต่...ใช่นางเอกดังที่กำลังควงคนล่าสุดนี่ใช่ไหมพ่อต้อม ” นวลจันทร์ถามอย่างคนความจำดี เพราะอ่านข่าวบันเทิงดาราแทบทุกวัน “แค่ก  แค่ก ” เสกสรรสำลักน้ำดื่มขึ้นมาทันใด กับคำถามที่สะเทือนเส้นทางรักข้ามคืนเข้าอย่างจัง “อะ...เอ่อ คนนั้นเป็นแค่คนรู้จักครับ ไม่ได้สนิทอะไรเลยครับ” “นี่ขนาดไม่สนิทนะ แหม...กอดกันแน่นซะนัวขนาดนั้น ยังไม่ใช่ว่าที่เจ้าสาวอีกเหรอเนี่ย ตายๆ แล้วใครกันจ๊ะพ่อต้อม ว่าที่เจ้าสาวของเราน่ะ” นวลจันทร์เอ่ยแซ็วด้วยประโยคที่ทำให้เสกสรรอยากจะชักปืนมายิงคนพูดทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด แพรลานนาปัดมือหนาออกจากหน้าขา ก่อนจะลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายตาของทุกคนที่หันมามองอย่างงงๆ “เอ่อ...ขอโทษนะคะ คือน้องแพรเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีออร์เดอร์ด่วนแต่ยังไม่ได้บอกคนงาน ขอตัวไปทำธุระก่อนนะคะ” เธอจำต้องโกหก เพราะไม่สามารถทนฟังคำตอบของอีกฝ่ายได้ “งั้นผมขอตัวตามน้องแพรเข้าไปดูในไร่เลยนะครับ” น่านนาวาลุกยืนเตรียมพร้อมจะไปกับสาวเจ้า “น้องแพรจ๊ะ ยายฝากพี่นาวาด้วยนะลูก” นวลจันทร์ส่งยิ้มให้หญิงสาว “ได้ค่ะคุณนวล ไปค่ะพี่นาวา” แพรลานนาพยักหน้าชวนอีกฝ่ายยิ้มๆ “เดี๋ยวน้องแพร ” เสกสรรลุกขึ้นดึงแขนบางเอาไว้ทันใด “ตาต้อมนั่งลง ” เพียงดาวเอ่ยเสียงเย็น พร้อมกับจ้องมองหลานชายตัวดีด้วยสายตาที่เอาเรื่อง เสกสรรตัดใจยอมปล่อยมือของสาวเจ้าแต่โดยดี แต่ก็ไม่วายต่อว่าในใจ ‘หึ  ระริกระรี้เชียวนะ’ “ขอตัวก่อนนะคะ” แพรลานนายิ้มยั่วคนที่โดนใบสั่งอย่างชอบใจ ‘พระเจ้า  สาบานเลยว่าเขาจะต้องต่อยไอ้หน้าจืดนี่ให้ได้คอยดู ’ เสกสรรมองตามร่างบางที่เดินไปกับอีกฝ่าย ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก “ว่าไงจ๊ะพ่อต้อม  ตกลงว่าที่เจ้าสาวของเราน่ะเป็นใคร เอ๊ะ...ใช่สาวไทยหรือเปล่า” นวลจันทร์ถามต่ออย่างสนใจ “สาวไทยครับ” เสกสรรตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “อุ๊ย  สาวไทยจริงๆ ด้วย” นวลจันทร์ยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ทายถูก “ได้กำหนดวันแต่งเมื่อไหร่ค่อยเปิดตัวแล้วกันนะนวล ตอนนี้อะไรๆ ก็ยังไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่จ้ะ” เพียงดาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนจะปรายตามองคนที่นั่งอยู่อย่างสื่อความนัยบางอย่าง เสกสรรรีบหลบสายตาของผู้เป็นยาย พลางรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  “เอ่อ...กับข้าวอร่อยมากเลยนะครับ ต้อมไม่ได้ทานอาหารไทยนานแล้ว ไปทานที่ไหนก็ไม่อร่อยเหมือนทานที่ไร่ของยาย” เสกสรรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “ไม่น่าเชื่อนะว่าพ่อต้อมจะชอบอาหารไทย ” “แหม  ต่อให้หน้าตาไม่เหมือนคนไทยเท่าไหร่ แต่ต้อมก็หลงใหลในความเป็นไทยทุกอย่างครับ” เสกสรรรีบเอ่ยเอาใจบุคคลที่กุมชะตาความรักของตนกับ  สาวเจ้าทันใด “น่าภูมิใจแทนเธอจริงๆ นะเพียงที่มีหลานชายน่ารักแบบนี้” “แหม พ่อนาวาก็ใช่ย่อยซะที่ไหน ได้ข่าวว่าฮ็อตจนดารานางแบบไทยยื้อแย่งกันอยู่ไม่ใช่เหรอ ” เพียงดาวหันไปส่งยิ้มให้คนที่หลงใหลในความเป็นไทยอย่างขำๆ ‘หึ นี่ขนาดหลงใหลนะ ปีหนึ่งมาไม่ถึงเจ็ดวัน’ “ฉันน่ะกลัวมากๆ เลยนะตอนแรก แต่พอนาวาบอกว่ายังไม่เจอคนที่ใช่ ฉันละแทบจะจุดพลุฉลอง” “ทำไมล่ะ ?” “ก็กลัวว่าจะได้ผู้หญิงพวกนั้นเป็นหลานสะใภ้สิเธอ” “ขนาดนั้นเลยเหรอ ?” “แต่ละนางนี่สุดๆ ทั้งนั้นเลย” “เอ...แบบนี้จะได้หลานสะใภ้หรือเปล่าจ๊ะนวล” เพียงดาวอดแซ็วเพื่อนเก่าไม่ได้ “ไม่แน่ วันก่อนพ่อนาวาเขามาไม่ได้เพราะติดประชุม เจ้าตัวก็บ่นแล้วบ่นอีกว่าเสียดาย พอวันนี้รู้ว่าฉันจะมาที่ไร่ก็โทร. ไปสั่งยกเลิกประชุมกะทันหันแน่ะเพียง” “อ้าว  จริงเหรอเนี่ย” เพียงดาวตกใจนิดๆ กับคำบอกเล่าของเพื่อน “อืม สงสัยว่าจะเจอคนที่ใช่เข้าแล้วน่ะ คิกๆๆ” นวลจันทร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อนึกไปถึงอาการของหลานชาย ครืดดดด ร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาเพียงดาวกับนวลจันทร์ตกใจไปตามๆ กัน “พ่อต้อมเป็นอะไรหรือจ๊ะ” นวลจันทร์ถามอย่างสงสัย “เอ่อ...พอดีต้อมเพิ่งนึกได้ว่าสั่งงานคนสนิทเอาไว้น่ะครับ ไม่รู้ว่าเป็นยังไงมั่ง ขอตัวไปดูก่อนนะครับ” คนที่นั่งไม่ติดเอ่ยกลบเกลื่อนอาการร้อนรุ่มในใจ หลังจากที่รู้แน่ว่าอีกฝ่ายมาเพื่ออะไร เพียงดาวมองดูหลานชายด้วยความรู้สึกสะใจนิดๆ ที่เห็นอีกฝ่ายมีอาการขึ้นมา                             สองปีก่อน... ‘ต้อมว่า...น้องแพรน่ารักไหม ?’ เพียงดาวลองหยั่งเชิง หลังจากที่แอบสังเกตสายตาของหลานชาย เวลาที่จ้องมองเด็กสาวในอุปการะมาได้สักพัก ‘ก็น่ารักนะครับ แต่ไม่ใช่สเปกต้อม’   คำตอบนั้นทำให้เพียงดาวไม่กล้าเอ่ยถามอะไรต่อ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดว่าตนจะจับคู่ให้ แล้วพานไม่อยากมาหาตนที่ไร่อีก  แต่อยู่ๆ เมื่อคืนกลับโผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมมีเรื่องที่ทำให้ตนแทบช็อกจนเกือบจะเป็นลมที่เห็นทั้งสองนอนอยู่บนเตียง ในสภาพที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมา เพราะร่องรอยทุกอย่างชัดเจนจนไม่ต้องคาดเดาเหตุการณ์ใดๆ เธอยอมรับว่าออกจะมึนงงไปสักนิด แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่หวังอยู่ในใจมาตลอด ที่จะให้ทั้งสองแต่งงานกัน ซึ่งผิดกับเมื่อสองปีก่อนลิบลับ แต่จากคำพูดเมื่อครู่ของนวลจันทร์ เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงที่เยอะแยะมากมายของอีกฝ่าย ก็ทำให้เธอกังวล...บางทีถ้าเสกสรรยังไม่พร้อมจะหยุดที่การแต่งงาน เธอคงจะรู้สึกผิดที่ไปเห็นดีเห็นงามด้วย แล้วเด็กสาวที่เธอรับอุปการะเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กและรักดั่งลูกดั่งหลานแท้ๆ จะต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงกับชายหนุ่มที่มีข่าวฉาวเรื่องผู้หญิงจนนับไม่ถ้วน ก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับแพรลานนาเอาซะเลย คืนนี้คงต้องเรียกทั้งสองเข้าไปเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง “รีบไปเถอะจ้ะ” คุณนวลจันทร์ยิ้มอย่างเข้าใจ “ผมขอตัวก่อนนะครับ” เสกสรรเอ่ยเสร็จก็เดินออกห้องไปอย่างไม่รอช้า เพียงดาวมองตามหลานชายคนโตที่เดินออกไปด้วยสายตานิ่งๆ “แล้วหลานชายอีกคนของเธอล่ะ คารอส เพชรดนัย ใช่ไหม ?” “ใช่จ้ะ” “ฉันคงจะมีโอกาสได้เจอนะ แต่ที่แน่ๆ ลูกสาวของเธอน่ะ หนูพราวดาราจะกลับมาเที่ยวที่ไทยเมื่อไหร่กันจ๊ะ” นวลจันทร์ถามอย่างสนใจ “ไม่ต้องห่วงหรอกนวล เดี๋ยวเธอได้เจอครบแน่ๆ เพราะทุกคนจะเดินทางมาในงานแต่งของตาต้อมที่นี่จ้ะ” เพียงดาวตอบอย่างมั่นใจ “เยี่ยมเลย  ฉันจะได้นัดลูกชายกับลูกสะใภ้ให้มาเจอหน้าพร้อมๆ กัน คงจะสนุกดีเนอะ เธอว่าไหมเพียง” นวลจันทร์เสนอความคิดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ได้สินวล เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนะ” เพียงดาวยิ้ม ก่อนจะชวนเพื่อนย้ายขึ้นไปห้องนั่งเล่นที่ชั้นสาม เพราะมีกล้องส่องทางไกลที่สามารถส่องดูส่วนต่างๆ ของไร่ได้อย่างชัดเจน โดยที่ไม่ต้องออกไปเดินดูเหมือนกับคนหนุ่มคนสาว   ด้านคนที่กำลังโมโหเพราะเจอคู่แข่งที่สูสีเข้า รีบกดมือถือหาคนสนิทให้มาพบที่ห้องนอนของตน “บอสจะให้ผมทำอะไรครับ” ไทเลอร์มองดูสีหน้าดุดันของผู้เป็นนายอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายจะไปมีเรื่องกับใคร “แกไปตามดูน้องแพรกับไอ้หน้าจืดนั่น ว่าทำอะไร อยู่ตรงไหนของไร่ แล้วโทร. มารายงานฉัน ” เสกสรรสั่งการ พลางคาดโทษสาวเจ้า ที่ดูจะระริกระรี้ออกไปกับอีกฝ่าย “ไอ้หน้าจืดนั่น... ใครหรือครับบอส ?” ไทเลอร์สงสัยขึ้นมาตงิดๆ “ก็ไอ้น่านนาวาไง ” เสกสรรตอบกลับเสียงดังอย่างไม่พอใจ “แต่ผมว่าคุณน่านนาวาไม่ได้หน้าจืดนะครับบอส ออกจะหล่อคมเข้มซะด้วยซ้ำ ” ไทเลอร์แสดงความคิดเห็น “อ๊ะ  ไอ้นี่วอนอยากเจ็บตัวหรือไง ” เสกสรรหันมาต่อว่าคนสนิทที่บังอาจชมคู่แข่งหัวใจ ‘เปลี่ยนมือขวาซะดีไหมวะ ’ “โอเคครับ  อีกสิบนาทีผมจะโทร. มารายงานครับ” ไทเลอร์บอกเสร็จก็รีบออกจากห้องไปก่อนที่จะได้รางวัลจากผู้เป็นนาย สิบนาทีต่อมา... “ว่าไงเจมส์  น้องแพรกับไอ้หน้าจืดทำอะไรอยู่ ” เสกสรรเอ่ยถามทันทีที่คนสนิทกดรับสาย “เอ่อ...ผมยังไม่ได้ไปครับบอส” ไทเลอร์ตอบเสียงอ่อยๆ “ฮะ  แล้วมึงมัวทำอะไรอยู่วะ ” เสกสรรตะโกนถามอย่างโมโห ก่อนจะรีบเดินไปดูที่หน้าต่างด้วยอารมณ์เดือดๆ “อะ...เอ่อ คือว่าผมหาเกียร์ว่างยังไม่เจอครับบอส” ไทเลอร์กลั้นใจสารภาพไปตรงๆ ไอ้ครั้นจะถามคนงานที่เดินผ่าน ก็รู้สึกกระดากอาย “มึงว่าอะไรนะ ” เสกสรรถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ ทำเอาปลายสายถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว “คะ...คือตอนนี้ ผมใกล้จะหาเจอแล้วครับ” คนที่ไม่รู้ว่าเกียร์ไหนเป็นเกียร์ไหน ยิ่งสับก็ยิ่งมึนงง เห็นแต่ไฟสีเขียววิ่งผ่านเลยตัว N ไปมา “ไอ้เจมส์ มึงมองขึ้นมาที่ห้องกูซิ ” เสกสรรเอ่ยขณะจ้องมองคนสนิทผ่านหน้าต่างบานใหญ่ด้วยสายตาดุดัน “มะ...มีอะไรครับบอส” ไทเลอร์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นสีหน้าอำมหิตของผู้เป็นนายจ้องมองมาที่ตนอย่างไม่วางตา “มึงฟังนะ  ถ้ากูลงไปถึงข้างล่างนั่น แล้วมึงยังคร่อมไอ้มอเตอร์ไซค์คันนั้นอยู่...มึงตาย ” เสกสรรคาดโทษอย่างโมโห “ว้ากกกก” ไทเลอร์กรีดร้อง รีบลงจากมอเตอร์ไซค์ แล้วหันไปคว้าจักรยานที่จอดอยู่ใกล้ๆ จูงวิ่งเข้าไร่ไปราวกับคนเสียขวัญ “พระเจ้า  อย่าบอกนะ ว่าจักรยานมึงก็ขี่ไม่เป็น” เสกสรรกลอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะรีบเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสาม เมื่อนึกถึงห้องดูวิวขึ้นมาได้ ผัวะ เสียงกระชากประตูห้องดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังสนทนากันอยู่ตกใจ หันไปมองที่ประตูพร้อมกัน “อะ...อ้าว  คุณยายกับคุณนวลอยู่ที่ห้องนี้เหรอครับ ” คนที่เปิดประตูพรวดเข้ามาปรับสีหน้าแทบไม่ทัน เมื่อเห็นผู้ใหญ่กำลังส่องกล้องดูวิวในไร่ “มีอะไรหรือต้อม” เพียงดาวมองหลานชายอย่างคาดเดา “พอดีต้อมอยากจะเห็นวิวในไร่น่ะครับ” เสกสรรทำสีหน้ายิ้มแย้ม “ขอยายส่องดูหนูแพรกับพ่อนาวาแป๊บหนึ่งนะจ๊ะ” นวลจันทร์บอก ก่อนจะหันไปส่องกล้องต่อ “นั่นไง  เจอแล้ว พ่อนาวากับหนูแพรอยู่ที่ไร่องุ่นจ้ะเพียง” นวลจันทร์บอกอย่างดีใจ “อ้าว  ที่แท้อยู่ที่ไร่องุ่นหรอกเหรอ” เพียงดาวสังเกตเห็นหลานชายเริ่มหน้าตึงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน “เอ่อ...ขอต้อมใช้กล้องสักครู่ได้ไหมครับ พอดีใช้เจมส์ไปทำธุระในสวนส้ม ไม่รู้ว่าไปถูกหรือเปล่า” เสกสรรเอ่ยขออนุญาตด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจกลับร้อนจนแทบจะลุกเป็นไฟ “ได้จ้ะ” นวลจันทร์ถอยออกจากกล้องด้วยสีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ขอบคุณครับ” เสกสรรโปรยยิ้มหวานๆ แทนคำขอโทษที่เสียมารยาท ‘หึ  ให้ไทเลอร์ไปทำธุระที่สวนส้มงั้นเหรอ ? ช่างเป็นคำโกหกที่น่าสมเพชจริงๆ’ เพียงดาวยกยิ้มมุมปากอย่างขบขัน เสกสรรส่องกล้องไปทางไร่องุ่น มองหาจุดหมาย แต่ก็มาสะดุดเข้ากับมือขวาที่กำลังปั่นจักรยานหน้าตั้งลงเนินไปด้วยความเร็ว ‘ขอบคุณพระเจ้าที่มันก็ขี่จักรยานเป็น’ เขากลอกตา ก่อนจะรู้สึกแปลกใจที่เห็นคนสนิทขี่จักรยานผ่านไร่องุ่นไปแบบไม่คิดจอด ‘มันไปทำห่าอะไรที่สวนแก้วมังกรวะ ?’ เสกสรรถามตัวเองอย่างมึนงง ห้านาทีก่อน...หลังจากที่จูงจักรยานวิ่งมาได้สักพัก ไทเลอร์ก็หยุดวิ่งแล้วถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมกูไม่ขี่มันวะ ? จะจูงวิ่งมาทำห่าอะไรเนี่ย เหนื่อยฉิบหาย ” ชายหนุ่มขึ้นขี่จักรยานแล้วปั่นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอเข้ากับดาวเรือง จึงสอบถามถึงแพรลานนา  ‘คุณแพรไปสวนองุ่นปู้นเจ้า’ หลังจากที่ทราบคำตอบไทเลอร์ก็ไม่รอช้า จัดการใส่เกียร์หมา เอ๊ย  เกียร์ห้าของจักรยานเพื่อเพิ่มความเร็วขึ้น ชายหนุ่มปั่นลงเนินที่ลาดชันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงไร่องุ่น ก็เหลือบไปเห็นแพรลานนากับน่านนาวา จึงกำเบรกข้างซ้ายและขวาเพื่อจะหยุดจักรยาน แต่ทว่า...เขากลับสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า ไม่ว่าจะเบรกข้างซ้ายหรือข้างขวา ชายหนุ่มเบิกตากว้าง จ้องมองอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของไร่ ราวกับจะฝากชีวิตเอาไว้ที่นั่น “พระเจ้า  เบรกไม่มีโว้ยยยยย ” คนงานในไร่ต่างพากันมองตามจักรยานที่ขี่ผ่านไปด้วยความเร็ว จากไร่องุ่นมุ่งสู่สวนแก้วมังกร กับสีหน้าตกใจของฝรั่งตัวใหญ่ที่แหกปากกรีดร้องเสียงดังมาตลอดทาง “ม่ายยยย...” ตู้ม  ห้าวินาทีโดยประมาณ...คือเวลาที่ไทเลอร์ได้เตรียมใจ ก่อนที่จะเหาะลงไปอยู่ในอ่างเก็บน้ำของไร่พร้อมกับจักรยาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD