ตอนที่ 3

1401 Words
ตอนที่ 3 เย่วฟางหรูกล่าวขึ้นมา “ก็ได้ อย่าให้เจอว่าที่คู่หมั้นของข้าเชียว ข้าจะเล่นงานจนกลับเมืองหลวงไม่ถูกเลย” สีหน้าดูจะมั่นอกมั่นใจนัก ดูเหมือนว่านางไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีใครคนหนึ่งกำลังแอบมองนาง กระทั่งการเดินของนางก็ทำให้เขาสนใจถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มกำลังซ่อนตัวเองอยู่บนต้นไม้ได้ยินน้ำเสียงของสาวงาม ยามนางกล่าวคำพูดนั้นออกมาทำให้เขานึกขบขันอยากจะเล่นสนุกกลั่นแกล้งนางนัก เพียงแค่เห็นใบหน้าของโฉมงามแม้จะมองอยู่ไกล ๆ ก็พบว่านางงดงามไม่น้อย ยามเดินเยื้องย่างคล้ายกับบุรุษห้าวหาญ ทำให้เขาชมชอบนางเพียงแค่พบหน้ากันครั้งแรก “แบบนี้สิถึงจะสนุก” เขากล่าวขึ้นมา ยามเมื่อแอบมองนางอยู่ที่ไกล ๆ หัวใจของเขากลับมาเต้นแรงอีกครั้งหนึ่ง จนต้องยกมือขึ้นมาทาบทับที่หน้าอกข้างซ้ายเพียงแค่เห็นใบหน้าของนาง “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะทำให้ข้าหวั่นไหว เพียงแค่มองไกล ๆ ก็งดงามบาดตาบาดใจข้าขนาดนี้เชียวรึ” ในเรือนรับรองยามนี้ขุนนางหลิวกำลังกล่าวถึงสัญญาหมั้นหมายระหว่างหลานชายของเขาซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่การงานมั่นคง ไม่ทำให้อีกฝ่ายลำบากอย่างแน่นอน “หลานชายของข้าก็ล่วงเลยอายุยี่สิบห้าปีแล้ว เหมาะที่จะมาสู่ขอหรูเอ๋อร์เป็นภรรยา เจ้าว่าเป็นอย่างไรเล่าน้องชาย” “พี่หลิวท่านกล่าวหนักเกินไปแล้ว หรูเอ๋อร์ของข้าอายุยังน้อยนัก เกรงว่าจะทำให้ท่านรองแม่ทัพปวดหัวกับนางเป็นแน่” เถ้าแก่เถายังไม่อยากจะให้ลูกสาวแต่งงานออกเรือน อีกทั้งยังต้องย้ายไปอยู่เมืองหลวง มิหนำซ้ำผู้คนที่นั่นก็มักจะมีแต่เหล่าขุนนาง และชนชั้นสูง เกรงว่าลูกสาวของตนจะสร้างเรื่องวุ่นวาย “อายุของนางน้อยเสียเมื่อไหร่กันเล่า ปีนี้ก็ยี่สิบแล้วมิใช่รึ เลยวัยออกเรือนแล้วกระมัง หากยังไม่ตกลงแต่งงานแล้วละก็ เกรงว่าหลานสาวของข้าคนนี้จะออกเรือนไม่ได้แล้วกระมัง” ชายสูงวัยกล่าวขึ้น สีหน้าของเขานั้นมิได้แย้มยิ้ม แต่กำลังข่มขู่อีกฝ่าย มาดหมายว่าให้เถ้าแก่เถาตอบตกลงเสียแต่โดยดี คราวนี้ชายสูงวัยไม่พูดอ้อมค้อมแล้ว “หรือว่าเจ้าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับข้าแล้ว เจ้าอย่าลืมสิ ปีนั้นครอบครัวของเจ้าเป็นเช่นไร หากไม่ใช่เพราะข้ายื่นมือช่วยเหลือ...” ชายสูงวัยเท้าความหลัง หวังว่าจะใช้ไม้นี้ทวงสัญญา รู้สึกว่าตนเองหน้าด้านหน้าหนาก็ยินดี ขอเพียงแค่ให้หลานชายได้เกี่ยวดองกับตระกูลเถา เพียงแค่นี้เขาก็มีความสุขมากพอแล้ว “ข้าไม่ได้ทวงหนี้บุญคุณเจ้าหรอกนะ แต่น้องชายเถาลองไต่ตรองดูให้ดีเถิด” “ใต้เท้าหลิว โปรดอย่าได้กล่าวเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ แต่ไหนแต่ไรมาพวกเราตระกูลเถา หากไม่ได้ท่านยื่นมือช่วยเหลือ ยามนั้นเกรงว่าชีวิตคงหามีไม่” เหวินซื่อกล่าวขึ้นมา นึกถึงเมื่อยามที่นางกำลังคลอดลูกชาย ยามนั้นตระกูลเถาถูกใส่ร้าย ข้อหาค้าขายของเถื่อน ซุกซ่อนอาวุธเข้ามายังแคว้นจิ่นโจว โทษหนักร้ายแรงถึงขั้นประหารทั้งตระกูล ดีที่ท่านแม่ทัพหลิวออกหน้าสืบหาคนร้ายตัวจริงจนพบ มิเช่นนั้นแล้วตระกูลเถาคงจะสิ้นชื่อเสียตั้งแต่เมื่อสิบห้าปีก่อน นางกับครอบครัวก็คงจะได้มีชีวิตอยู่อย่างทุกวันนี้ “พี่ชาย ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องแล้วแต่หรูเอ๋อร์แล้วล่ะขอรับ” เถาจื่อเทาไม่อาจจะตอบรับอีกฝ่ายได้เต็มปาก รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ทำให้ลูกสาวต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก แม้ว่านางจะไม่มีชายในดวงใจก็ตามที ทว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องขออนาคตอันยาวไกล เขามิอยากจะบังคับโดยไม่ไต่ถามลูกสาวเสียก่อน เย่วฟางหรู รู้ต้นสายปลายเหตุเรื่องราวของตระกูลเถาเป็นอย่างดี และนี่คือเรื่องสำคัญที่นางรับรู้มาก่อนหน้าที่ท่านลุงหลิวจะเดินทางมาพบหน้าของนางในวันนี้ ดังนั้นเพื่อตอบแทนบุญคุณของท่านลุงหลิวที่เคยช่วยเหลือตระกูลของบิดา แค่แต่งงานคงจะไม่เป็นไรไป นั่นเพราะว่าข่าวลือของท่านรองแม่ทัพก็หนาหูไม่น้อย จึงทำให้หญิงสาวโล่งอกยิ่งนัก นั่นเพราะว่าเขาคือบุรุษเย็นชา ไร้ความรู้สึกกับสตรี เหมือนว่าฟางหรูเข้าใจว่าเขาคือชายตัดแขนเสื้อ จึงได้โล่งอก “หรูเอ๋อร์ นี่คือท่านลุงหลิว” ฟางหรูแต่งกายงดงามนัก สวมอาภรณ์สีฟ้าอ่อน ประดับปิ่นปักผมลวดลายดอกโบตั๋นช่างดูงดงามลงตัวไม่น้อย ต่างหูห้อยลงมายาวถึงลำคอระหงส์ ส่งเสริมให้หญิงสาวดูสะสวยเจิดจ้ายิ่งนัก “หรูเอ๋อร์ คารวะท่านลุงหลิวเจ้าค่ะ” สาวงามยอบกายลงมาอย่างอ่อนช้อย นางทำได้ดีเพียงเท่านี้ จากนั้นคลี่ยิ้มบางเบาตามที่เหวินซื่อสอนสั่งนาง พลางนึกในใจอยู่เสมอว่า ‘อย่าทำให้แม่รองและท่านพ่อขายหน้าเด็ดขาด’ “หรูเอ๋อร์ ช่างงดงามนักเหมาะสมกับว่าที่หลานสะใภ้ข้าเสียจริง” ขุนนางหลิวถูกใจไม่น้อย สีหน้าบึ้งตึงเมื่อครู่ได้จางหายไปในพริบตาเดียว เมื่อเห็นว่าที่หลานสะใภ้เดินเข้ามา ช่างถูกใจคนแก่ชราไม่น้อย หากหลานชายได้พบหน้าก็คงจะชมชอบนางเช่นเดียวกันแน่ ๆ “หรูเอ๋อร์ไม่คิดจะคัดค้านการแต่งงานเจ้าค่ะ เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ท่านลุงเมตตา ช่วยเหลือตระกูลเถา ยามนั้นหรูเอ๋อร์เพียงแค่สิบห้าปี มิได้อยู่ที่แคว้นจิ่วโจว แต่ท่านพ่อตกที่นั่งลำบากเช่นนี้ หรูเอ๋อร์ยินดีทดแทนคุณเจ้าค่ะ” “ช่างเป็นเด็กรู้ความจริงเชียว เจ้าอบรมลูกสาวได้ดียิ่งนัก” ขุนนางหลิวกล่าวขึ้นมา สีหน้าเบิกบานไม่น้อย ผิดกับอีกฝ่ายหน้าตามืดคล้ำ ไม่อาจจะพูดอันใดได้ เขาเจ็บปวดใจเหลือเกินทำให้ลูกสาวต้องลำบากเช่นนี้ เหวินซื่อเห็นสีหน้าของนางมี นางเข้าใจเป็นอย่างดี ดังนั้นมือนุ่มนิ่มของนางจึงสวมจับเข้ากับฝ่ามือของเขา คล้ายปลอบประโลมทำให้สามีสบายใจขึ้น “แต่มีข้อแม้นะเจ้าคะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ถึงจะตอบตกลงแต่งงานแล้วก็ตามที แต่เรื่องอื่นนางจะต้องขอเพิ่มเติมสักเล็กน้อยก็แล้วกัน หญิงสาวแย้มยิ้มอย่างน่ารักน่าชัง “ข้อแม้อะไร หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ลุงยินดีมอบให้เจ้า” ชายสูงวัยยืนกรานเช่นคำพูด มือหนาหยาบกร้านนั้นลูบหนวดเคราของตนเอง สายตามคมกริบจดจ้องเด็กสาวอย่างใคร่รู้ยิ่งนัก “ข้อแม้ที่ว่า ห้ามมิให้ท่านรองแม่ทัพรับภรรยาเพิ่ม แม้แต่อนุ หรือสาวใช้อุ่นเตียงก็ห้ามมี ตราบใดที่เขายังเป็นสามีของหรูเอ๋อร์ นี่คือสิ่งต้องห้ามของหลานจึงขอร้องเอาไว้ล่วงหน้า หากเขาผิดคำสัญญาเมื่อไหร่ หรูเอ๋อร์จะไม่ขอทนอยู่ให้เจ็บปวดใจคงจะต้องขอหย่าร้าง เป็นสตรีหม้ายยังดีเสียกว่าเป็นสตรีด้อยค่าให้สามีเหยียบย้ำเกียรติของตนเอง” หลิวมู่ฉวนได้ยินถ้อยคำของหญิงสาว ตัวเขาเองเดินเข้ามานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เข้ามาในห้องรับรองเสียที คิดว่าจะอยู่ดูความสนุกด้านนอกนานเสียหน่อย แต่นึกไม่ถึงว่านางจะกล้าเอ่ยปากเช่นนี้ เรื่องง่าย ๆ เพียงเท่านี้มีหรือเขาจะทำไม่ได้ ในเมื่อเขาต้องใจนางเข้าให้ เพียงแค่แวบแรกนางก็เป็นที่ถูกใจเขานัก “กล่าวได้ดี ข้าตกลงแต่งงานกับเจ้า หรูเอ๋อร์” จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมา ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มแววตาเป็นประกายวาววับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ แฝงไปด้วยเสน่ห์ ใบหน้าอันหล่อเหลาคมคาย ผิวพรรณคล้ำแดดไม่น้อย ทำให้ฟางหรูตกตะลึงกับการมาของชายแปลกหน้า นี่คือว่าที่สามีของนางหรอกรึ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD