ชมพู่กลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งทั้งห้องก็สะอาดเรียบร้อยแล้ว ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ข้าวของตรงไหนที่ไม่เป็นระเบียบก็ถูกเก็บเข้าที่
หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง คิดไม่ตกกับปัญหาที่ตัวเองก่อขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนมันก็มืดแปดด้านไปหมด ใครจะไปคิดว่าหนีงานแต่งงานแทบตาย แต่สุดท้ายก็ต้องแต่งงานอยู่ดี ต่างแค่จากที่จะได้ผัวปลัดกลับกลายเป็นได้ผัวหมอแทน หรือโชคชะตาของเธอจะมีผัวในปีนี้จริงๆ
แต่ถึงเธอจะไม่ได้แต่งงานกับหมอศิลา พ่อกับแม่ก็คงจับให้เธอแต่งงานกับปลัดอะไรนั่นอยู่ดี ไม่ว่าทางไหนเธอก็ต้องแต่งงาน ถ้าอย่างนั้นเธอขอเลือกหมอศิลาดีกว่า อย่างน้อยเรื่องเมื่อคืนนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าหมอเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง เธอสงสารหมอศิลาอยู่เหมือนกันที่ต้องมารับผิดชอบในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ก่อแบบนี้ เธอบอกเขาไปแล้วว่าไม่ต้องรับผิดชอบก็ได้แต่เขากลับปฏิเสธ เอาเถอะ... ในเมื่อตกกะไดพลอยโจรกันไปแล้วก็ต้องไปต่อจนกว่าจะถึงทางตันนั่นแหละ
“อ่า... ปวดท้องจัง” ชมพู่กุมท้องน้อยไว้แน่น อาการที่เป็นเกือบทุกเดือนเริ่มคุกคามเธออีกแล้ว ร่างเล็กค่อยๆ คลานขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆ ก่อนจะข่มตาให้หลับเพราะไม่อยากทรมานกับอาการปวดท้องประจำเดือนอีก
.
.
ศิลามองจานที่ถูกล้างคว่ำเรียบร้อยแล้วก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ บอกแล้วว่าให้วางไว้แต่ชมพู่ก็ดื้อล้างอีก คนอะไรนิสัยเหมือนแมว สั่งซ้ายไปขวา สั่งให้นั่งกลับนอน
ครืดดดด
มือถือที่สั่นอยู่บนโต๊ะทำให้ศิลาเลิกสนใจจานพวกนั้น ขายาวก้าวเร็วๆ ไปที่มือถือเครื่องบางเพราะกลัวว่าจะมีเคสด่วน ถึงแม้ว่าจะเป็นวันหยุด แต่โรงพยาบาลประจำอำเภอที่มีแพทย์ประจำการอยู่น้อยนิดก็ทำให้แพทย์และพยาบาลต้องเตรียมตัวรอรับสายตลอดเวลา เพราะไม่รู้เลยว่าวันดีคืนดีจะมีเคสด่วนเข้ามาตอนไหน
“ครับ”
‘หมอ ถนนที่แจ้งมาเมื่อคืนเรียบร้อยแล้วนะครับ’ ปลายสายคือคนของอำเภอที่เขาโทรแจ้งเรื่องน้ำเซาะถนนไปเมื่อคืน
“อ๋อ ขอบคุณครับ รวดเร็วดีจริงๆ” ศิลาจำได้ว่าเมื่อก่อนแจ้งเรื่องถนนพังไป กว่าจะได้รับการซ่อมแซมจนใช้งานได้ดีอย่างต่ำก็สามวัน แต่นี่แก้ไขเรียบร้อยภายในคืนเดียว นับว่าอำเภอทำงานได้ไวมากจริงๆ
‘ปลัดเขาทำงานดี แจ้งไปเดี๋ยวเดียวได้เรื่องเลย อีกไม่นานคงได้เป็นนายอำเภอ’
“ครับ สงสัยปีใหม่นี้ต้องเอากระเช้าไปเยี่ยมบ้างแล้ว” หมอหนุ่มไม่ได้สนิทสนมกับนายอำเภอหรือปลัดอะไร แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ที่ทำงานดีเขาก็อยากทำความเคารพเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เขาอยู่ที่นี่มาสี่ปีกว่าๆ แรกๆ อะไรๆ ก็ไม่ดี แจ้งเรื่องไปก็ช้า แต่พอปลัดคนใหม่เข้ามาทุกอย่างก็รวดเร็วขึ้น เขาได้เจอปลัดอยู่สามสี่ครั้ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา หน้าตาหล่อเหลาเอาการ นิสัยก็สุภาพเรียบร้อย แต่ยังไม่เคยได้พูดคุยกันจริงจัง ปลายปีนี้เขาเลยตั้งใจจะลองผูกมิตรกับอีกฝ่ายดู เผื่อว่าจะเป็นเพื่อนกันได้
‘งั้นผมไม่รบกวนหมอแล้วครับ โทรมาแจ้งเท่านี้’
“ขอบคุณมากนะครับ”
ศิลาวางสายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฟ้า วันนี้แดดเปรี้ยงจนไม่คิดว่าเมื่อคืนจะฝนตกหนักเหมือนพายุเข้าขนาดนั้น หมอหนุ่มพอหยุดอยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี สุดท้ายก็เดินไปหยิบหนังสือมานั่งอ่านรับลมที่ระเบียง เพียงไม่นานก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเพราะเข้าเวรติดกันยาวๆ มาหลายวัน
.
.
ชมพู่ตื่นนอนหลังจากที่ได้หลับจนเต็มอิ่ม ร่างเล็กบิดขี้เกียจไปมาจนแทบตกเตียง ผมเผ้าที่เป่าจนเข้าทรงเมื่อเช้าฟูฟ่อง แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้ท้องที่กำลังร้องจนโหยหวนสำคัญกว่า
หญิงสาวมัดผมฟูๆ ของตัวเองลวกๆ และลุกขึ้นเดินเซๆ ออกจากห้องไป เวลาบ่ายคล้อยแล้ว บ้านทั้งบ้านเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่ ชมพู่มองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นว่าเจ้าของบ้านนอนหลับไม่รู้ตัวอยู่ที่ระเบียง อกที่สะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะมีหนังสือแพทย์วางไว้
“ทำยังไงดีล่ะ”
เจ้าของบ้านหลับปุ๋ยและไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ เธอเองก็หิวข้าวจนไส้กิ่วเพราะเมื่อเช้ากินไปแค่นิดเดียว ให้รอหมอศิลาตื่นก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จะให้ออกไปหาซื้ออะไรกินเองก็กลัวเจอคนรู้จักเข้า ปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจค่อยๆ ย่องเข้าไปหาเจ้าของบ้านที่นอนหลับสนิทอยู่
“ขออนุญาตนะหมอ”
ไม่รู้ล่ะ ถือว่าเธอขอแล้ว
เมื่อหลอกตัวเองจนสบายใจแล้วชมพู่ก็เดินเข้าไปในครัวทันที ตู้เย็นขนาดใหญ่คือเป้าหมายแรก เธอภาวนาให้ในนั้นมีข้าวกล่องแช่แข็งซักกล่องหนึ่งให้เธอพอประทังความหิวได้ แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะหมอศิลาไม่มีอาหารแช่แข็งที่สามารถอุ่นกินได้ง่ายๆ เลย
“อะไรกัน มีแต่ของสด” หญิงสาวหน้ามุ่ย เธอหิวจะตายอยู่แล้ว ยิ่งเป็นวันนั้นของเดือนเธอยิ่งหิวมากกว่าเดิมหลายเท่า แถมยังหงุดหงิดง่ายจนรำคาญตัวเอง “มีแต่ผลไม้ แต่ฉันอยากกินข้าวนี่!”
สุดท้ายหญิงสาวก็ตัดสินใจหยิบของสดและผักออกมาจากตู้เย็น โชคดีที่มีข้าวที่หมอศิลาน่าจะหุงไว้ตั้งแต่เช้าอยู่แล้ว เธอเลยไม่ต้องหุงใหม่ให้เสียเวลามากกว่าเดิม
ร่างเล็กหยิบจับข้าวของในห้องครัวอย่างชำนาญ เสียงมีดกระทบเขียงดังไปทั่วห้องครัวเล็กๆ เห็นว่าเธอแก่นๆ แบบนี้แต่เธอก็ทำอาหารเป็น ตอนที่ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ เธอก็มักจะทำอาหารกินเองบ่อยๆ เพราะอาหารข้างนอกไม่ค่อยถูกปาก แถมยังไม่สะอาด ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ เธอเลยตัดปัญหาด้วยการทำกินเอง ตอนนั้นก็นึกขอบคุณแม่และป้าไมอยู่เสมอ เพราะถ้าไม่ได้แม่กับป้าไมคอยเคี่ยวเข็ญให้หัดทำตั้งแต่สิบขวบ เธอก็คงไม่มีวิชาทำอาหารติดตัวจนเอาชีวิตรอดในเมืองหลวงมาได้จนทุกวันนี้
เพียงไม่นานกลิ่นของอาหารก็โชยไปทั่ว ชมพู่เลือกทำผัดผักรวมมิตรใส่อกไก่ และแกงจืดเต้าหู้ไก่สับ เครื่องปรุงที่หมอศิลามีเป็นเครื่องปรุงที่ดีต่อสุขภาพทั้งหมด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะชมพู่สามารถทำมันออกมาได้อร่อยเหมือนเดิม สีหน้าพอใจเมื่อได้ลองชิมอาหารฝีมือตัวเองยืนยันได้เป็นอย่างดี
“ทำเผื่อผมบ้างหรือเปล่า”
เคล้ง!
“มะ...หมอศิลา”
ชมพู่หันกลับไปมองเจ้าของห้องครัวตัวจริงด้วยใบหน้าแตกตื่น อารามตกใจทำให้เธอปล่อยช้อนในมือลงจานจนเกิดเสียงดัง ตายล่ะ ถูกจับได้เสียแล้ว
“ครับ” หมอหนุ่มเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาในครัว ตาคมมองคนที่ทำอาหารส่งกลิ่นหอมไปทั่วบ้านจนปลุกให้เขาตื่นขึ้นมานิ่งๆ “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”
“คือ... ฉันหิว ก็เลย...”
“ครับ...”
“ขอโทษที่หยิบจับของๆ คุณโดยไม่ได้ขอ อะ...อันที่จริงก็ขอแล้ว แต่ว่าคุณ...หลับ”
“ผมหลับ แปลว่าผมไม่ได้ยิน แปลว่าไม่ได้ขอนะครับ”
“ก็ถึงได้ขอโทษอยู่นี่ไง...คะ”
“หึ” ศิลายกยิ้ม มองคนที่หัวหดเพราะกลัวถูกดุอย่างขบขัน “ผมไม่ได้ว่าอะไร ดีซะอีก เพราะผมก็หิวอยู่เหมือนกัน”
“....อ่าว” ชมพู่อ้าปากค้าง เห็นทำหน้าดุๆ เธอก็คิดว่าจะโดนไล่ตะเพิดออกจากบ้านเสียแล้ว
“เดี๋ยวผมช่วยยกออกไปที่โต๊ะนะครับ” ศิลาพูดจบก็เดินไปหยิบจานผัดผักและถ้วยแกงจืดออกไปทันที ทิ้งให้ชมพู่มองตามแผ่นหลังกว้างตาปริบๆ
หมอบ้า ไม่ได้ว่าแล้วมาแกล้งกันทำไมเล่า! ตกใจหมดเลย!
ฟึดฟัดได้ไม่นานร่างเล็กก็เดินตามคนตัวโตไป ศิลาที่ตักข้าวใส่จานเรียบร้อยแล้วผายมือให้ชมพู่นั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ตัวเดียวกับที่ชมพู่นั่งเมื่อเช้า
ชมพู่เดินไปนั่งและไม่ได้พูดอะไร รอจนศิลาเป็นฝ่ายเริ่มตักอาหารก่อนเธอก็ตักตามบ้าง ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างคนสองคน มีเพียงเสียงช้อนกระทบกับจานที่ดังขึ้นเบาๆ ในบางครั้ง เพียงไม่นานอาหารตรงหน้าก็หมดเกลี้ยง
“อิ่มจนจุก” ชมพู่เอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้ มือบางลูบท้องที่ป่องขึ้นของตัวเองเบาๆ ไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะอ้วน เพราะร่างกายเธอเผาผลาญได้ดีเยี่ยม ท้องป่องได้เดี๋ยวเดียวก็ยุบเหมือนไม่เคยป่องมาก่อน พี่พร้าวชอบบอกว่าท้องเธอมีหลุมดำคอยสูบอาหารที่กินไปซ่อนอยู่ เธอเลยกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน แต่ความจริงแล้วเธอเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพและชอบเดิน ชอบหากิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกทำต่างหาก กินเท่าไหร่ก็เผาผลาญออกมาหมด อ้วนก็แปลกแล้ว
“อร่อยมากครับ”
“ห้ะ?”
“ฝีมือคุณชมพู่อร่อยมากนะครับ พอๆ กับป้าไมเลย”
“อย่าเอาฉันไปเทียบกับป้าไมเลย นั่นเขาระดับอาจารย์” ชมพู่โบกไม้โบกมือ พออยู่ด้วยกันไปซักพักเธอก็เลิกเกร็ง เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น “แค่กินแล้วไม่ท้องเสียฉันก็ดีใจแล้ว”
“หรือครับ” ศิลามองคนที่ถ่อมตัวเกินไปนิ่งๆ มุมปากยกยิ้มขึ้นบางเบา อันที่จริงผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ทำอาหารก็อร่อย นิสัยก็ดูไม่ได้เป็นคนที่ชอบสร้างภาพให้ตัวเองดูดีจนดูปลอมไปหมด ดูอย่างเมื่อกี้สิ จู่ๆ เธอก็ลูบพุงป่องๆ ของตัวเองโดยไม่อายเขาเลยแม้แต่นิด ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่มีทางทำแน่ๆ
แปลกดี ชีวิตเขาต่อจากนี้คงมีสีสันน่าดู
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปผมคงไม่ต้องจ้างป้าไมให้ทำอาหารมาให้แล้วใช่ไหมครับ?”
“เอ๋?” ชมพู่เงยหน้าขึ้นมองหน้าหมอหนุ่ม เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะสื่อถึงอะไร
“ก็ผมกำลังจะมีภรรยาที่ทำอาหารเก่ง คงไม่ต้องจ้างใครแล้ว” ศิลาจ้องมองหญิงสาวนิ่ง เหมือนต้องการสื่อให้ชัดเจนว่าภรรยาที่ว่านั้นหมายถึงใคร
“...อะ...” ชมพู่อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกเพราะจู่ๆ ก็รู้สึกกระดากขึ้นมา ภรรยา? เขาหมายถึงเมียอย่างนั้นเหรอ เธอกำลังจะเป็นเมียผู้ชายคนนี้จริงๆ เหรอ
มันรู้สึกคันยิบๆ ที่แก้ม จะเขินก็เขินไม่ออก จะรู้สึกเฉยๆ ก็ไม่ใช่ เอาเข้าจริงเธอก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันที่จู่ๆ วันหนึ่งก็ต้องแต่งงานไปเป็นเมีย และต่อไปก็ต้องเป็นแม่ของลูก เธอไม่เคยคิดถึงวันนั้นมาก่อน เพราะตั้งใจจะครองโสดไปจนแก่ รอเลี้ยงลูกพี่พร้าวอย่างเดียว
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ชมพู่มองใบหน้าเปื้อนยิ้มของว่าที่ผัวนิ่งๆ ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นยังไงในอนาคต แต่เธอก็ถือว่าที่เรื่องมันเป็นแบบนี้เพราะถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว
“อืม ต่อไปถ้าแต่งงานกันฉันจะทำอาหารให้คุณกินเอง”