เมียหมอ : บทนำ
“คุณหมอศิลา จะกลับแล้วหรือคะ?”
“ครับ” ชายที่ถูกเอ่ยทักหันกลับไปตอบคนถาม ก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้เธอ “คุณพยาบาลก้อยออกเวรกี่โมงครับ”
“เที่ยงคืนนู่นค่ะ” พยาบาลก้อยตอบ ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อซ่อนริ้วแดงที่แก้ม แม้เธอจะรู้ดีว่าหมอหนุ่มเป็นคนเอาใจใส่คนรอบข้างอยู่แล้ว แต่พอถูกถามไถ่แบบนี้ก็อดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าคุณหมอคนเก่งอาจจะมีใจให้เธอบ้าง หลังจากที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี
แต่แล้วฝันทุกอย่างก็สลายหายไปกับตา เมื่อมีเสียงแหลมเล็กของใครบางคนดังขึ้นขัดจังหวะโรแมนติกที่กำลังก่อตัวขึ้นเสียก่อน
“โอ้ย!!! เจ็บ หมออยู่ไหน รีบมาดูแผลให้ฉันที เลือดฉันจะไหลหมดตัวอยู่แล้ว!!” เสียงโอดโอยดังลั่นไปทั่วโรงพยาบาล ทำเอาหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่เผลอหันไปมองตามเสียงนั้นด้วยความสงสัย รวมทั้งพยาบาลก้อยและหมอศิลาด้วย
“ผมไปดูคนเจ็บก่อนนะครับ” หมอศิลาเอ่ยลาพยาบาลสาว ก่อนจะเดินไปดูคนเจ็บมาใหม่ที่นั่งโวยวายอยู่บนรถเข็น สภาพของเธอมีเลือดไหลจากมาศีรษะจนเปรอะด้านข้างของดวงหน้าขาว แม้เขาจะออกเวรแล้ว แต่หมอที่มีอยู่ก็น้อยจนไม่ว่างจะเข้ามาตรวจอาการเบื้องต้นให้คนเจ็บฉุกเฉินคนนี้ได้ เขาจึงไม่ลังเลที่จะทำหน้าที่นั้นแทนไปพลางๆ
“เป็นอะไรมาครับ”
“นี่หมอเหรอ” หญิงสาววัยไม่เกินยี่สิบสามปีมองชายตรงหน้าด้วยความระแวงอย่างไม่คิดจะปิดบัง ด้วยเพราะศิลาไม่ได้ใส่เสื้อกาวน์แล้ว อีกทั้งยังแต่งตัวสบายๆ ไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป แว่นก็ไม่ใส่ ทั้งยังมีไรหนวดเขียวๆ ขึ้นที่เหนือริมฝีปากอีกด้วย ช่างแตกต่างจากหมอที่เธอเคยเจอมาทั้งชีวิตอย่างสิ้นเชิง
“ครับ” ศิลาตอบอย่างไม่ถือสา ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้คนเจ็บอีกนิด “ไปโดนอะไรมาครับ”
“โดน...”
“ไอ้พู่มันดื้อ ปีนขึ้นต้นไม้จะเอามะม่วงแล้วตกลงมาหัวแตกจ้ะหมอ”
“แม่!!” หญิงสาวตะโกนเรียกแม่ของตนด้วยความอับอาย ทำไมแม่ต้องบอกหมอละเอียดขนาดนี้ด้วยเล่า! เธอก็อายเป็นเหมือนกันนะที่อายุจะยี่สิบสามแล้วแต่ยังตกต้นไม้แบบนี้ แล้วนี่ถ้าไอ้เปี๊ยกไอ้ลมรู้ว่าลูกพี่มันตกต้นไม้เพราะอยากกินมะม่วงคงหัวเราะเธอจนท้องแข็งตาย
“หรือไม่จริง” ชมพู่ยู่หน้าอย่างขัดใจ แต่เถียงคนเป็นแม่ไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องจริง
ศิลามองคนตรงหน้าที่ดูเหมือนไม่ได้เจ็บอะไรมากเหมือนที่ร้องจนลั่นโรงพยาบาลก่อนหน้าอย่างประเมิน ก่อนเขาจะขออนุญาตคนเจ็บอย่างสุภาพ และก้มลงไปสำรวจบาดแผลที่ศีรษะเธออย่างเบามือ ดูเหมือนว่าแผลที่ศีรษะจะไม่ได้ใหญ่มาก เลือดก็ไม่ได้ออกเยอะเหมือนที่เธอร้องโวยวาย ทั้งยังตะโกนใส่แม่ได้ฉอดๆ ดูไม่เหมือนคนที่เจ็บมากซักนิด แค่ส่งตัวไปทำแผลก็น่าจะเรียบร้อย และอาจจะต้องนัดส่งไปสแกนสมองเพื่อหาความบอบช้ำภายในวันหลัง เพราะวันนี้เลยเวลาทำการมาแล้ว
“ดูจากบาดแผลแล้วไม่ได้ใหญ่มาก ไม่น่าจะถึงเซน...”
“ไม่ใหญ่ได้ยังไงหมอ เหลือดฉันไหลเป็นน้ำป่า” ชมพู่รีบเถียงทันที เธอไม่เคยเลือดออกขนาดนี้มาก่อน แล้วหมอจะมาบอกว่าแผลเล็กได้ยังไงกัน ตรวจเป็นหรือเปล่า
“ครับๆ” ศิลาตัดบท เขาไม่อยากเถียงกับหล่อน เพราะดูแล้วคงจะไม่จบง่ายๆ “ถ้าอย่างนั้นหมอจะส่งคุณไปให้พยาบาลทำแผลนะครับ จะได้กลับบ้านไปพักผ่อน”
“พยาบาลเหรอ?” ดวงหน้าขาวซีดเผือดทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนมือเล็กจะเกาะแขนของหมอที่เคยดูแคลนอยู่ในใจไว้แน่น “ไม่เอานะ พยาบาลมือหนัก ทำแผลเจ็บ หมอทำให้ฉันทีนะ”
“หมอออกเวรแล้วครับ แค่ช่วยมาดูอาการให้เท่านั้น หน้าที่ทำแผลเป็นหน้าที่ของพยาบาลหรือแพทย์ที่อยู่ในหน้าที่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ทำแล้วพงแผล!” เธอว่า ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างดื้อรั้น “กลับบ้านแม่ ช่างมัน เดี๋ยวก็หายเองแหละ”
“ไม่ได้นะครับ!”
“ได้สิหมอ ตอนฉันล้มหัวเข่าถลอกยังไม่ต้องทำแผลเลย เดี๋ยวมันก็หายเองแหละ”
“ไม่ได้ครับ” ศิลากดเสียงต่ำเหมือนกำลังดุ เขาไม่ชอบคนไข้ที่ดื้อรั้นแบบนี้เอาเสียเลย “บาดเจ็บที่ศีรษะต้องเช็กให้ละเอียด เพราะถ้าภายในบอบช้ำจะได้รักษาได้ทันท่วงที มันคนละเรื่องกับหัวเข่านะครับ”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกหมอ เห็นตัวแค่นี้แต่แข็งแรงยิ่งกว่าม้าอีกไม่อยากจะคุย ไปแม่... กลับกันเถอะ ไปให้พ่อทำแผลให้ดีกว่า”
ชมพู่บอกอย่างไม่ยีหระ ระหว่างให้ทำแผลกับพยาบาลมือหนัก กับกลับบ้านไปให้พ่อทำแผลให้ เธอขอเลือกอย่างหลังดีกว่า
“ก็ได้ครับ”
ศิลาตัดสินใจเอ่ยออกมา เมื่อรู้แน่แท้แล้วว่าหญิงสาวคนนี้คงไม่ยอมง่ายๆ ถ้าไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เด็กเอาแต่ใจ
“หมอจะทำแผลให้เอง”
ชมพู่ยิ้มกริ่ม ก่อนจะเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งลงบนเข็นอีกครั้งเหมือนเด็กว่าง่าย ต่างกับก่อนหน้าราวกับคนละคน หญิงสาวชายตามองคุณหมอหนวดเขียวที่มือเบาเหมือนนุ่นพร้อมรอยยิ้มหวานเคลือบยาพิษ
“แค่นี้ก็จบ~”