ตอนที่ 8 ท่านคิดน้อยหรือท่านโง่กันแน่

2714 Words
ข่าวการแต่งงานของจางฮุ่ยหมิงกับองค์ชายใหญ่หวงเฟยหลงถูกประกาศออกไปพร้อมกับราชโองการให้หวงเฟยหลงสามารถเลือกแต่งงานด้วยตนเองได้ จนกลายเป็นข่าวลือใหญ่โตไปทั่วเมือง ผู้คนต่างเล่าลือกันว่าหวงเฟยหลงยอมแลกทรัพย์สมบัติมากมายที่ได้รับพระราชทานเพื่อราชโองการอันเดียว ชายหนุ่มส่วนใหญ่มองว่าเขาโง่เง่า มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยอมทำอย่างนี้ บางส่วนก็มองว่าเขาเป็นผู้ชายบูชาความรัก เขาต้องการแต่งงานกับหญิงคนรักเท่านั้น ส่วนข่าวลือด้านฝ่ายหญิงก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน หญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนต่างอิจฉาฮุ่ยหมิงกันยกใหญ่ ตอนนี้นางยังไม่แต่งเข้าไปด้วยซ้ำ องค์ชายใหญ่หวงเฟยหลงก็เอาอกเอาใจนางถึงเพียงนี้แล้ว บ้างก็คิดว่าหวงเฟยหลงถูกนางร้ายอย่างฮุ่ยหมิงบีบบังคับให้แต่งงานเป็นแน่ หรือไม่หวงเฟยหลงก็ถูกนางหลอกใช้ หลากหลายข่าวลือที่ผู้คนต่างคุยกันสนุกปากในช่วงหลายวันมานี้ แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า คนส่วนใหญ่ตกใจกับการแต่งงานของฮุ่ยหมิงไม่น้อย เนื่องจากชื่อเสียงอันแสนเลวร้ายของนาง พวกเขาคิดว่านางต้องกลายเป็นสาวเทื้อหาสามีไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่กลับผิดคาดนางได้แต่งงานกับองค์ชายใหญ่อย่างหวงเฟยหลงเสียอย่างนั้น เฟยเฟิ่งนำข่าวลือเหล่านี้มาเล่าให้ฮุ่ยหมิงฟังทุกวัน แต่นางก็ไม่ได้สนใจมีเพียงหัวเราะขบขันเท่านั้น ด้วยชื่อเสียงเข้าขั้นเลวร้ายของนางมีคนชื่นชมนางนี่สิถึงจะแปลก เวลานี้ฮุ่ยหมิงกำลังเลือกดูชุดแต่งงาน เครื่องประดับ และอีกหลายๆ อย่างทำให้นางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ อีกสามวันก็จะถึงวันแต่งงานแล้วฮุ่ยหมิงรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าอยู่ไม่น้อย “คุณหนูเจ้าคะ องค์ชายใหญ่ให้พ่อบ้านกู้นำขนมมาให้และฝากบอกว่าวันนี้ยามอู่ไม่ได้ไปกินข้าวกับคุณหนูแล้วเจ้าค่ะ” เฟยเฟิ่งเข้ามารายงานพร้อมกับนำขนมมาจัดจานให้ฮุ่ยหมิงได้ลองชิม ทุกวันองค์ชายใหญ่จะมารับคุณหนูของนางไปกินข้าวด้วยกันวันละครั้ง หากวันไหนไม่มาก็จะมอบหมายให้พ่อบ้านกู้มาแจ้ง พร้อมทั้งมีขนมหรือของฝากอื่นๆ มาให้ด้วยเสมอ องค์ชายใหญ่ช่างเอาใจใส่คุณหนูของนางดียิ่งนัก เฟยเฟิ่งลอบยิ้มอย่างมีความสุข นางเฝ้าหวังให้คุณหนูใหญ่ของนางมีชีวิตที่ดีมาตลอด ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วสินะ “ได้ ข้ารู้แล้ว” ฮุ่ยหมิงตอบรับอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับหันไปหยิบขนมขึ้นมากินคู่กับชาของนางอย่างมีความสุข แต่พอเหลือบไปเห็นใบหน้างอง้ำของเฟยเฟิ่งที่อยู่ไม่ไกล ก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง “เฟยเฟิ่ง เจ้าเป็นอะไร เหตุใดถึงทำหน้ามู่ทู่เช่นนั้น” เมื่อฮุ่ยหมิงถามขึ้นมาเฟยเฟิ่งจึงได้แต่ถอนหายใจ คุณหนูของนางกำลังจะไปจากจวนหลังนี้อย่างมีความสุข นางไม่อยากนำเรื่องนี้มาฟ้องคุณหนูเลย แต่หากปล่อยเอาไว้คุณหนูของนางจะถูกคนพวกนั้นเอาเปรียบจนเกินไป “ข้าไม่อยากทำให้คุณหนูไม่สบายใจ แต่สิ่งที่ข้าไปเห็นมามันไม่ดีเอาเสียเลยเจ้าค่ะ จางฮูหยินกำลังเตรียมสินเดิมให้ท่าน พอดีข้าเดินผ่านไปจึงได้ทราบจากสาวใช้ที่กำลังขนของ นางบอกว่าจางฮูหยินเตรียมสินเดิมให้คุณหนูเพียงสิบหีบเท่านั้น และยังได้ยินจางฮูหยินบอกกับคนอื่นว่าที่สินเดิมของคุณหนูมีน้อยก็เพราะท่านแม่ของคุณหนูเอาสินเดิมไปขายเพื่อซื้อสมุนไพรมารักษาขอทานจนหมดเจ้าค่ะ” “เจ้าว่าอย่างไรนะ ท่านแม่ของข้าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านตา ตอนแต่งเข้ามาทรัพย์สินเกือบทั้งหมดภายในจวนท่านตาก็ตกเป็นของนาง มันจะเหลือน้อยขนาดนั้นได้อย่างไร ถึงแม้ท่านพ่อไม่สนับสนุนการรักษาคนยากไร้ของนางก็เถอะ แต่อย่างไรแม่ข้าก็ไม่ไร้ความคิดจนเอาทรัพย์สินไปขายหมดเช่นนั้นแน่” ฮุ่ยหมิงตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน สินเดิมของท่านแม่ไม่มีทางเหลือน้อยขนาดนี้ ยัยป้าแม่เลี้ยงต้องหาเรื่องนางอีกแล้วเป็นแน่ นี่ขนาดนางกำลังจะแต่งออกไป ยัยป้าแม่เลี้ยงยังคิดเอาเปรียบนางจนถึงนาทีสุดท้าย สงสัยมีเรื่องให้ปะทะฝีปากอีกแล้ว คนพวกนี้อยู่ดีๆ ไม่ชอบ ชอบหาเรื่องนางแล้วหาว่านางร้าย ช่างจิตใจไม่ปกติกันเสียจริง “ไปเฟยเฟิ่ง พวกเราไปกอบโกยเอาทรัพย์สมบัติเพิ่มเสียหน่อย นางหาว่าสินเดิมของข้ามีน้อย เช่นนั้นข้าคงต้องหามาเติม” ฮุ่ยหมิงรีบเดินไปที่เรือนใหญ่อย่างรวดเร็ว นางอุตส่าห์คิดว่าจะอยู่อย่างสงบแล้วแท้ๆ เพราะอีกไม่กี่วันก็ต้องแต่งออกไปจึงไม่อยากหาเรื่องให้ตัวเองปวดหัว ใครจะคิดว่านั่งอยู่ดีๆ ดันมีเรื่องมาหาเสียอย่างนั้น “ท่านป้า ไม่ทราบว่าสินเดิมของข้าเตรียมไปถึงไหนแล้วรึเจ้าคะ” เมื่อมาถึงเรือนใหญ่ฮุ่ยหมิงก็เปิดปากถามจางฮูหยิน ออกมาทันที เนื่องจากเห็นพวกนางสองแม่ลูกกำลังจัดเก็บสินเดิมหีบสุดท้ายอยู่พอดี “เรียบร้อยแล้วฮุ่ยหมิง เจ้าไม่ต้องป็นห่วง เพียงแต่สินเดิมของแม่เจ้าเหลือน้อยไปหน่อย ขนาดข้าเพิ่มสินเดิมให้เจ้าไปมากมายก็ได้เพียงไม่กี่สิบหีบเท่านั้น เจ้าช่างน่าสงสารเสียจริง” จางฮูหยินจีบปากจีบคอพูด ฮุ่ยหมิงรู้สึกเบื่อขี้หน้ายัยป้าแม่เลี้ยงคนนี้เหลือเกิน วันหนึ่งหากนางไม่ได้หาเรื่องนางคงกินข้าวไม่ลงเป็นแน่ ถ้าอยู่โลกเดิม ฮุ่ยหมิงคงได้ท้าตบกับยัยป้าแม่เลี้ยงมหาประลัยไปแล้ว หน็อยแน่ พูดเองนะว่าจะเติมสินเดิมให้ข้า เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเติมจนเต็มเชียวหล่ะ ฮุ่ยหมิงแสยะยิ้มพร้อมกับหันไปมองจางฮูหยินและจางลี่เซียนด้วยสายตามาดร้าย “เช่นนั้นรึเจ้าคะท่านป้า น่าเสียดายนักข้าช่างมีทรัพย์สินน้อยเหลือเกิน แล้วทรัพย์สินในจวนของเรามีเพียงเท่านี้เองรึเจ้าคะ ขนาดนำมาเติมให้ข้าแล้วยังได้เพียงเท่านี้” “พ่อของเจ้าเป็นเสนาบดี ถึงจะมีเงินเดือนก็ใช่ว่าจะเหลือเก็บมากมาย นำมาใช้จ่ายในเรือนกับเลี้ยงดูบ่าวไพร่ก็เต็มกลืนแล้ว จะมีเหลือเยอะแยะอะไร เจ้าช่างไม่รู้จักคิดเสียจริง” จางฮูหยินว่า กระทบฮุ่ยหมิง นางคิดว่าฮุ่ยหมิงได้ทรัพย์สินไปเพียงเท่านี้ก็ดีแล้ว เด็กตัวร้ายผู้นี้ไม่สมควรได้ทรัพย์สินมากมายขนาดนี้เสียด้วยซ้ำ หากมีใครถามเรื่องสินเดิมนางก็แค่บอกไปว่าแม่ของฮุ่ยหมิงใช้สินเดิมซื้อยามารักษาพวกขอทานไร้ประโยชน์จนหมด สินเดิมที่เห็นอยู่นี้มีแต่นางเป็นคนเติมให้ เท่านี้ผู้คนก็ไม่สงสัยสิ่งใดแล้วแถมยังได้หน้าเรื่องความใจกว้างกล้าให้สินเดิมกับลูกเลี้ยงมากถึงเพียงนี้ “ข้าว่าเป็นท่านป้าหรือเปล่าเจ้าคะที่ไม่รู้จักคิด ขนาดข้าหลีกทางให้ขนาดนี้แล้วท่านยังคิดไม่ได้ คิดน้อย เอ๊ะ หรือว่าท่านไม่มีสมองคิด เอ๊ หรือท่านโง่เกินกว่าจะคิดได้กันแน่ มิน่าหล่ะหวงเฟยเทียนที่ท่านหมายมั่นปั้นมืออยากได้เป็นลูกเขยนักหนาถึงยังไม่มาสู่ขอลูกสาวของท่านเสียที” ฮุ่ยหมิงแสร้งจีบปากจีบคอพูดขึ้นบ้าง มาด่าว่านางโง่แต่ไม่ดูตัวเองเสียเลย “เจ้า นี่เจ้ากล้าเหิมเกริมกับข้าขนาดนี้เชียวหรือ หากลี่เซียนของข้าได้แต่งกับองค์รัชทายาทเมื่อไหร่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” จางฮูหยินเชิดหน้าชูคอมองฮุ่ยหมิงอย่างถือดี “งั้นรึเจ้าคะ แล้วเมื่อไหร่ที่ท่านว่า มันเมื่อไหร่กันข้ายังไม่เห็นวี่แววเลย อีกสามวันข้าก็ได้แต่งเป็นพระชายาเอกของหวงเฟยหลงแล้ว แล้วจางลี่เซียนลูกสาวของท่านเล่าจะแต่งเมื่อไหร่กันเจ้าคะ อย่าลืมสิว่าตอนนี้ข้าเป็นว่าที่พระชายาเอกขององค์ชายใหญ่ ท่านเป็นแม่ยายขององค์รัชทายาทเมื่อไหร่ค่อยมาเทียบเสมอข้า หึ แต่เสียใจด้วยนะตอนนี้ข้าดันสูงส่งกว่าท่านซะด้วยสิ” “เจ้า เจ้าช่างร้ายกาจหน้าไม่อาย ในหัวของเจ้าคิดได้แต่เรื่องชั่วช้า เจ้ากล้าข่มเหงรังแกข้ากับน้องสาวของตัวเองถึงเพียงนี้ ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งเข้าจวนองค์ชายใหญ่ด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่าตัวเองมีอำนาจแล้วจะรังแกพวกข้าได้ง่ายๆ งั้นรึ” จางฮูหยินกระโดดโหยงขึ้นมาและชี้มือด่าไปยังฮุ่ยหมิงอย่างโกรธแค้น “ข้ามีอำนาจแล้วจะรังแกพวกท่านได้ง่ายหรือไม่นั้นเดี๋ยวก็รู้กัน หากท่านไม่รังแกข้าก่อนข้าจะไปข่มเหงรังแกพวกท่านทำไม ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อแสดงความหวังดีต่อท่านนะเจ้าคะ จึงคิดว่าจะมาบอกเสียหน่อย” ฮุ่ยหมิงเสแสร้งแสดงอาการว่าเป็นห่วงพวกนางอย่างจริงใจ “ฮึ คนอย่างเจ้าหน่ะหรือหวังดีต่อข้ากับลี่เซียน หากเป็นจริงดังว่าพระอาทิตย์คงได้ขึ้นทิศตะวันตก” จางฮูหยินกล่าวตอบโต้ด้วยน้ำเสียงฟึดฟัด “แหมท่านป้า ข้าปวดหัวกับท่านมากนะเจ้าคะ ข้าบอกว่าหวังดีกับท่านจริงๆ ท่านก็ไม่เชื่อ โปรดใช้สมองอันน้อยนิด โอ๊ะ สมองอันชาญฉลาดของท่านตรองดูสักนิดเถอะเจ้าคะ หากสินเดิมของข้ามีน้อยจนน่าอับอายผู้คนเพียงนี้ฝ่าบาทคงต้องคิดหนัก ท่านลองคิดดูสิ มีใครบ้างอยากเกี่ยวดองกับขุนนางจนๆ ต่อไปภายภาคหน้าหากต้องแต่งสะใภ้ตระกูลจางอีก ฝ่าบาทมิคิดหรือว่าสินเดิมของพี่สาวมีน้อยเพียงนี้ สินเดิมของน้องสาวก็คงไม่ต่างกัน ฝ่าบาทจะยอมให้บุตรชายตนเองแต่งงานกับหญิงสาวตระกูลจางที่ไม่มีเงินทองถึงสองครั้งสองคราเพื่อมาผลาญสมบัติในถังข้าวสารเชียวหรือ การค้าขาดทุนเช่นนี้ย่อมไม่มีผู้ใดอยากทำ การแต่งงานของลี่เซียนในอนาคตต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน” “ฮึ เจ้าไม่ต้องมาพูดดี สินเดิมของลี่เซียนมีมากกว่าเจ้าเป็นไหนๆ เจ้าพูดแบบนี้เพื่อให้ข้าเพิ่มสินเดิมให้เจ้าหล่ะสิไม่มีทางเสียหรอก” จางฮูหยินจ้องมองฮุ่ยหมิงด้วยสายตายึดมั่น “ข้าแล้วแต่ท่านนะเจ้าคะ ท่านไม่ฟังข้าก็ตามใจ แต่หากในอนาคตเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ ท่านอย่ามาโทษข้าแล้วกัน อ้อเกือบลืมไปข้าอยากเตือนสติท่านอีกสักนิด หากท่านเก่งกว่าข้าจริง เหตุใดตอนนี้องค์รัชทายาทที่ท่านเชื่อมั่นนักหนาว่าจะมาสู่ขอจางลี่เซียนถึงยังนิ่งเงียบอยู่เลย กลับกลายเป็นข้าที่กำลังจะแต่งงานได้ดิบได้ดีไปก่อนลูกสาวท่านเสียอีก ไม่ใช่ว่าเขาเกิดไม่พอใจอะไรขึ้นมาหรือเจ้าคะ เอ๊ะ หรือชื่อเสียงของลี่เซียนยังไม่ดีพอ เฮ้อ หากมีเรื่องสินเดิมให้งามหน้าขึ้นมาอีก ท่านมั่นใจแน่นะเจ้าคะว่าเขาไม่คิดเปลี่ยนใจ” จางฮูหยินเริ่มมีความกังวลขึ้นมาไม่น้อย ทั้งที่ลี่เซียนกับหวงเฟยเทียนไปมาหาสู่กันบ่อยขนาดนี้ ชื่อเสียงของลี่เซียนเองก็ดีไม่น้อย มีตำหนิเพียงเรื่องของฮุ่ยหมิงเท่านั้น ที่ทำให้จางลี่เซียนโดนพ่วงให้คนอื่นนินทาไปด้วย เมื่อฮุ่ยหมิงเห็นจางฮูหยินนิ่งเงียบไปก็แอบยิ้มอยู่ในใจ แผนของนางสำเร็จแล้ว ยัยป้าแม่เลี้ยงหมายมั่นปั้นมือหวงเฟยเทียนเอาไว้อย่างดี หากจางลี่เซียนได้แต่งกับหวงเฟยเทียนจางฮูหยินก็จะมีอำนาจตามไปด้วย เริ่มต้นจากการเป็นแม่ยายขององค์รัชทายาท ต่อไปหากเขาได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ จางฮูหยินจะได้เป็นแม่ยายของฮ่องเต้ด้วยเช่นกัน อำนาจบารมีมากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าคนอย่างจางฮูหยินไม่ยอมเสียเนื้อชิ้นโตอันโอชะของตนเองไปอย่างแน่นอน “อ้อ ลี่เซียนเจ้าก็ด้วย เจ้ามัวเสียเวลาจ้องแต่จะแข่งกับข้า จนลืมไปหรือเปล่าว่าในจวนของหวงเฟยเทียนมีสนมอยู่กี่นางกัน ไม่แน่ว่าตอนนี้พวกนางกำลังออดอ้อนเอาอกเอาใจจนเขาใจอ่อน คิดอยากยกตำแหน่งพระชายาให้สนมพวกนั้นก็เป็นได้ เฮ้อ ข้าว่าพวกเจ้าต้องดิ้นรนทำทุกอย่างให้ดีเสียแล้ว หากมีข้อบกพร่องแม้เพียงอย่างเดียว อาจจะชวดตำแหน่งพระชายากับแม่ยายขององค์รัชทายาทไปเลยก็ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า” “เฮอะ เจ้าคิดว่าพูดแบบนี้แล้วข้าจะยอมเพิ่มสินเดิมให้เจ้าง่ายๆ อย่างนั้นหรือ” จางฮูหยินเข่นเขี้ยวใส่ฮุ่ยหมิง “ก็เรื่องของท่าน แต่ท่านต้องจัดการสินเดิมของข้าให้ดี หากท่านไม่กลัวเสียชื่อเสียงจนลูกสาวไม่ได้แต่งผัว เอ้ย สามี ท่านก็ควรคิดถึงองค์ชายใหญ่หวงเฟยหลงบ้าง ช่วงนี้เขาว่างอยู่พอดีแค่ข้าเอ่ยปากเขาคงรีบตามหาทรัพย์สินที่แม่ข้าใช้ไปจนหมดตามที่ท่านกล่าวอ้างได้ไม่ยาก ข้าว่าท่านคงไม่โง่จนมองไม่ออกว่าเขาหลงข้าขนาดไหน หากเขาขุดคุ้ยจนเจอที่มาที่ไปของทรัพย์สินแม่ข้าได้ ท่านคิดว่าท่านจะรอดไหมเจ้าคะ หากท่านยอมเสี่ยงจะแลกข้าก็ไม่ได้เดือดร้อนกระไร ท่านเก็บไปคิดให้ดีข้าจะมาตรวจสอบดูอีกครั้ง หากยังไม่เหมาะสมข้าจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนอนาคตที่ท่านวาดฝันไว้ต้องพังทลายลงกับตาให้ดู” ฮุ่ยหมิงข่มขู่จางฮูหยินออกไปอย่างหน้าตาเฉย พูดจบก็รีบสะบัดก้นออกจากเรือนใหญ่ไปทันที ปล่อยให้จางฮูหยินยืนโมโหหน้าแดงหน้าดำก่นด่านางตามหลังอยู่อย่างนั้น “คุณหนูแน่ใจหรือเจ้าคะว่านางจะยอมเพิ่มสินเดิมให้” เฟยเฟิ่งถามออกมาอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นคุณหนูใหญ่เดินออกมาทั้งที่ยังไม่ได้สิ่งใด “ทำไมเจ้าถึงคิดว่านางไม่เพิ่มให้หล่ะ ในเมื่อนางอยากได้หวงเฟยเทียนมาเป็นลูกเขยขนาดนั้น นางมั่นใจว่าหวงเฟยเทียนจะมาสู่ขอจางลี่เซียนแต่เขากลับยังเงียบอยู่ จางฮูหยินย่อมต้องเกิดความหวั่นใจขึ้นมาแน่นอน ในตอนนี้อะไรที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของจางลี่เซียนกับตระกูลจางให้เหมาะสมกับหวงเฟยเทียนได้นางย่อมต้องทำทั้งนั้น หากไม่ทำนางอาจจะพลาดโอกาสชิ้นโตเอาได้ แล้วอีกอย่างหากหวงเฟยหลงของข้าขุดคุ้ยขึ้นมาจริงๆ เขาย่อมเจอความผิดข้าแค่นั่งรอป่าวประกาศให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตสิ่งที่จางฮูหยินหวังไว้ ก็จะกลายเป็นเพียงสายลมทันทีเชียวหล่ะ” ฮุ่ยหมิงยิ้มเย็นอย่างผู้ชนะนางไม่ใช่หมูในอวยที่จะกินกันได้ง่ายๆ หรอกนะ “คุณหนูท่านช่างคิดได้ลึกล้ำร้ายกาจเสียจริง” เฟยเฟิ่งยกนิ้วชื่นชมฮุ่ยหมิง “ข้าไม่เข้าใจพวกเจ้าเลย ไม่ว่าคำชมหรือคำด่าพวกเจ้าก็เอาแต่บอกว่าข้าช่างร้ายกาจจริงๆ ไม่ว่าข้าทำดีหรือทำเลวกลับกลายเป็นคนร้ายกาจไปทั้งหมดเสียอย่างนั้น ข้าว่าพวกเจ้าเข้าใจผิดอะไรหรือไม่” ฮุ่ยหมิงเหลือบตามองค้อนเฟยเฟิ่งอย่างอดไม่ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD