3
นี่แหละคือครอบครัวของฉัน
“ผู้ชายคนนี้ทำไมน่ารักและใจดีขนาดนี้ทำไมถึงเป็นเพื่อนไอ้มากนั่นได้ฉันรู้สึกว่าเขาเหมาะที่จะเป็นพ่อขอลูกของฉันจริงๆ แล้วล่ะฉันเห็นแค่แวบเดียวเขาก็น่ารักสำหรับฉันแล้วล่ะ กรี๊ดๆ ๆ ๆ อยากได้อ่ะอยากได้ นี่ฉันคิดอะไรเนี่ย ฉันทำไมใจง่ายอย่างนี้เนี่ย’ ฉันคิดในขณะที่ฉันกำลังทำงานที่อาจารย์สั่ง
“ปุยนุ่นลูกเปิดประตูให้แม่หน่อยลูก” แม่มาเคาะประตูห้องฉันทำไมเนี่ย
“ค่ะแม่แป๊บค่ะ” ฉันรีบลุกไปเปิดประตูให้แม่
“มีอะไรคะแม่” ฉันเปิดประตูพร้อมกับถามแม่
“นอนยังจ๊ะ แม่เอานมอุ่นๆ มาให้หนูจะได้นอนหลับสบาย” แม่่พูดพร้อมกับยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น
“หนูกำลังทำงานที่อาจารย์สั่งน่ะค่ะ ขอบคุณนะคะแม่” ฉันรับแก้วนมมาจากแม่
“แม่เข้ามาในห้องหนูมั้ยคะ” ฉันถามแม่เผื่อแม่อยากเข้ามานั่งเล่น
“ไม่หรอกจ๊ะหนูรีบทำงานเถอะเดี๋ยวดึกนะ ฝันดีจ๊ะลูกรัก” แม่หอมแก้มฉันทีหนึ่งก่อนจะเดินไปที่ห้องนอนตัวเอง แม่ฉันก็อย่างนี้แหละทำแบบนี้ตั้งแต่ฉันเด็กๆจนตอนนี้ฉันเข้ามหาวิทยาลัยแล้วแม่ก็ยังคงเห็นฉันเป็นเด็กอยู่เสมอแต่ฉันก็มีความสุขนะที่มีแม่ดูแลแบบนี้ฉันจะตั้งใจเรียนให้จบแล้วหางานดีๆ ทำแม่จะได้ไม่เหนื่อยคนเดียว
“โฮ่ง ๆ ๆ ๆ” เสียงน้องหมาของฉันที่ฉันเลี้ยงมาได้หลายปีแล้วนางชื่อมีตังค์เรานอนด้วยกันทุกคืนไปไหนก็ไปด้วยกันแทบจะทุกที่ถ้าเอาไปด้วยได้
“ว่าไงมีตังค์หนูอยากกินนมหรอคะ” มีตังค์จะเห่าแบบนี้ทุกครั้งที่แม่เอาแก้วนมมาให้ฉันเพราะฉะนั้นฉันต้องไปชงนมแพะสำหรับมีตังค์สินะ
“ได้ ๆ ๆ เดี๋ยวพี่ชงนมให้นะคะสุดสวยมีตังค์ไปนอนรอนะคะโอเคมั้ยคะ” ฉันบอกให้มีตังค์นอนรอบนที่นอนของนางภายในห้องของฉันซึ่งนางก็ไปนอนรอตามที่ฉันบอก
มีตังค์เป็นหมาที่ฉันรักเพราะนางแสนรู้มากๆ นางน่ารักมากๆ เลยใครเห็นก็ต้องหลงรักเหมือนฉันตอนนี้ที่กำลังหลงรักพี่ชายสุดหล่อคนนั้น… เดี๋ยวๆ ๆ ๆ ก่อนคนละเรื่องแล้วปุยนุ่น (เนียนเลยนะ)
หลังจากที่ฉันทำงานเสร็จและเล่นกับมีตังค์แปปหนึ่งฉันก็เพลียและเผลอหลับไปจนเช้าถ้าไม่ได้เสียงนาฬิกาปลุกส่วนตัวของฉัน ฉันคงจะยังไม่ตื่นเสียงนาฬิกาปลุกก็ไม่ใช่เสียงจากนาฬิกาหรือมือถือหรอกแต่เป็นเสียงของคุณแม่ฉันเองคุณแม่ฝ้ายของฉันนั่นเองเรามาดูวิธีการปลุกของนาฬิกาปลุกส่วนตัวของฉันกันดีกว่าว่าจะปลุกได้โหดขนาดไหน
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก ปุยนุ่นตื่นได้แล้วลูกวันนี้ลูกมีเรียนเช้านะลูก” แม่เริ่มเคาะประตูจากเสียงเบาๆ กลายเป็นเสียงดังขึ้นๆ จนฉันทนไม่ไหวที่จะต้องตื่นมาบอกแม่ว่าวันนี้ฉันไม่มีเรียน
“ตื่น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ได้แล้วสายแล้วแม่เริ่มเอากะละมังมาเคาะชามถ้วยโถเอามาหมดบ้านแล้วมั้ง” เสียงแม่ปลุกฉันดังไปสามบ้าน
“ค่ะ ๆ ๆ ๆ ๆ ตื่นแล้วๆ ๆ ๆ แต่วันนี้หนูไม่มีคลาสเรียนนะคะ” ฉันหลับตาเดินไปเปิดประตูคุยกับแม่
“อ้าวก็แม่เห็นตารางเรียนหนูที่ติดไว้หน้าห้องมีเรียนเก้าโมงเช้าไม่ใช่หรอลูก” แม่บังคับฉันติดตารางเรียนไว้ที่หน้าประตูตั้งแต่ฉันเรียนประถมสี่จนตอนนี้ฉันขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วแม่ก็ยังบังคับให้ฉันติดตารางเรียนไว้ที่หน้าห้องอยู่ดี
“หนูลืมบอกแม่น่ะค่ะว่าวันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาส” ถ้าฉันบอกฉันคงไม่ต้องมาฟังเสียงนาฬิกาปลุกที่แสนจะปวดหูแบบนี้
“อ๋อจ๊ะยังไงก็ตื่นแล้วหนูออกไปซื้อของที่ตลาดให้แม่หน่อยสิลูกแม่จะไปส่งขนมให้เขา เขามาสั่งไปทำบุญน่ะลูก” แม่วานฉันไปซื้อของทั้งๆ ที่ไม่ได้ถามความพร้อมของฉันเอาซะเลย
“เอาอย่างนี้มั้ยแม่ให้หนูไปส่งขนมแทนก็ได้นะคะแล้วหนูก็ค่อยไปจ่ายตลาดต่อแม่จะได้ไม่เหนื่อยยังไงวันนี้หนูก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว”
“ถ้างั้นก็ได้เดี๋ยวแม่เอาที่อยู่ให้นะลูก” แม่ฉันทำขนมเก่งมากๆ ทั้งขนมไทยขนมเค้กขนมปังทำเป็นทุกอย่างเลยนี่แหละอาชีพของแม่ฉันแม่ค้าขายขนมส่วนมากแม่ไม่ได้ออกไปขายที่ไหนหรอกแม่ทำส่งจะมีคนมารับถึงบ้านรายได้ก็พอส่งฉันเรียนได้แต่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร
“ค่ะแม่ถ้างั้นหนูขอตัวอาบน้ำก่อนนะคะ”
“จ๊ะ เดี๋ยวแม่ไปเตรียมของก่อนนะลูก”
เวลาผ่านไป 30 นาที ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแม่ก็เตรียมของใส่หลังรถและเบาะหลังไว้ให้เรียบร้อยพร้อมสถานที่ไปส่งขนมและใบรายการที่ฉันต้องไปซื้อที่ตลาด
“มาแล้วค่ะแม่”
“เร็วๆ ลูกเดี๋ยวรถติดจะไปส่งของไม่ทัน” แม่เร่งฉันให้ไปส่งของให้ทัน
“ได้เลยเจ้าค่ะรับรองทันแน่นอนค่ะนายแม่” ฉันก็เอามีตังค์เพื่อนรักแสนรู้ของฉันไปด้วยซึ่งมีตังค์ก็รู้หน้าที่พอฉันเปิดประตูนางก็จะกระโดดขึ้นมานั่งข้างฉันทันที
“มีตังค์ มีตังค์ไปส่งของด้วยกันขึ้นมาเลยเร็วๆ” มีตังค์กระโดดมานั่งเบาะข้างคนขับแล้วฉันก็เคลื่อนรถออกไปทันทีเพื่อส่งขนมของแม่ให้ทัน