“เจ้าใช้มีดได้คล่องแคล่วยิ่ง” มารดาของเหยาอิงหมิงมองด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นลูกสะใภ้ที่อาสามาช่วยในครัวตวัดมีดอย่างคล่องแคล่วทั้งสับผักและหั่นเนื้อหมู
หลังจากสองสามีภรรยาหนุ่มสาวกระชุ่มกระชวยกลับมาจากเรือนน้อยริมลำธาร ในฐานะมารดานางจึงคิดจะทำอาหารเลี้ยงคนทั้งสองก่อนกลับเมืองเชียนเยา เหยาอิงหมิงชมชอบรสชาติอาหารฝีมือมารดายิ่งนักจึงได้ให้ภรรยาไปคอยสังเกตดูวิธีทำอาหารของมารดา
เมื่ออาหารกลางวันตั้งโต๊ะเรียบร้อย คนทั้งเรือนก็มานั่งล้อมวง น้องชายของเหยาอิงหมิงแต่งงานก่อนเขาไปเมื่อสองปีก่อนมีหลานชายตัวน้อยให้กับ ท่านปู่ท่านย่าได้ชื่นชม
“พวกเจ้าอยากได้เรือนใหม่หรือไม่? ที่ดินผืนนั้นยังเหลือที่อยู่อีกมาก อีกไม่นานก็คงมีเจ้าตัวน้อย แม่ว่าสร้างเรือนเพิ่มอีกหลังใหญ่กว่าเดิมก็ดีนะ เดี๋ยวแม่ส่งสาวใช้สองคนให้ไปคอยช่วยดูแลอ้ายเหม่ย”
“รอก่อนเถอะขอรับ ช่วงนี้เราสองคนยังอยู่กันได้ เอาไว้ให้ข้าอยากได้เมื่อใดจะส่งจดหมายมาเรียนพวกท่าน” ชายหนุ่มยังคงกังวลเรื่องของนาง กลับไปคราวนี้ต้อทำให้นางได้อยู่อย่างเปิดเผยและมีสถานะชัดเจนเสียก่อน
ชายหนุ่มรับเอกสารจากหัวหน้าหมู่บ้านแล้วพาภรรยาหมาดๆ พานางเดินทางกลับเข้าเมืองเชียนเยาไปแนะนำตัวกับนายอำเภอโหลวซีห่าว
“นี่เจ้าแอบกลับไปแต่งงานไม่บอกสหายสักคนเลยหรือ?” สวีเสี่ยวถงหงุดหงิดเป็นกำลัง นางกับเหยาอิงหมิงทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันมานาน เจ้าคนน่าตายผู้นี้ยังไม่คิดจะบอกสักคำ
“ข้าไปแต่งงานที่บ้านนอกจึงไม่อยากให้ทุกคนไปลำบาก คืนพรุ่งนี้จะจัดเลี้ยงสหายทุกคนย้อนหลังที่ภัตตาคารของโรงเตี๊ยมเหย้าไคซินขอรับ”
“ได้! ดี! ข้าจะดื่มสุราที่แพงที่สุดก็แล้วกัน”
สวีเสี่ยวถงและสหายมือปราบล้วนรู้กันว่าเหยาอิงหมิงอยู่กินประหยัดยิ่งนัก เขาไม่ค่อยใช้จ่าย ผ่านมาหลายปีน่าจะมีเงินเก็บอยู่อักโข หรือไม่ก็อาจจะส่งเงินกลับบ้านไปจนหมดแล้ว
เคยมีคนบอกกล่าวว่าครอบครัวของเหยาอิงหมิงขายคฤหาสน์หลังใหญ่และกิจการค้าในอำเภอแล้วย้ายไปอยู่บ้านนอกแต่ไม่รู้สาเหตุ ดูเหมือนครอบครัวของเขาจะฐานะดีไม่น่าจะต้องส่งเงินกลับบ้าน สวีเสี่ยวถงเองสงสัยมานานแล้วว่าเหยาอิงหมิงเก็บเงินไว้เพื่อการใด?
โหลวฉางซี มือปราบหญิงที่เป็นน้องสาวนายอำเภอยิ้มน้อยๆ มองตามแผ่นหลังของสองสามีภรรยาสกุลเหย้า
“อาซ้อ มือปราบเหยาช่างกล้าโกหกพวกเรา”
“เอ๋? เรื่องอะไรหรือ?”
“สตรีผู้นี้เขามิได้ถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชนเสียหน่อย วันเปิดโรงเตี๊ยมเหย้าไคซิน ข้าแอบตามเขาไปถึงบ้าน เป็ดรมควันกับปลานึ่งซีอิ๊วสองจานนั้นเป็นเขาหอบหิ้วไปฝากสตรีที่ซุกซ่อนเอาไว้ในเรือน”
สวีเสี่ยวถงผงะ นางเริ่มนึกสงสัยในที่มาของเฉินอ้ายเหม่ย
“เจ้าไปสืบมาทีซีเอ๋อร์ ภรรยาของเหยาอิงหมิงผู้นี้ข้าเองก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน ฝีเท้านางเบามากดูเหมือนวรยุทธ์จะกล้าแข็งเชียว”
“เจ้าค่ะ”
โหลวฉางซีเพิ่งเข้ามาเป็นมือปราบได้ไม่นานกำลังกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะสร้างชื่อและผลงานเมื่อได้รับการมอบหมายงานสำคัญจากพี่สะใภ้ผู้เป็นหัวหน้ามือปราบก็ตื่นเต้นยิ่งนัก
คืนนั้นโหลวฉางซีในชุดดำรัดกุมลอบไปซุ่มอยู่บนหลังคาเรือนน้อยของ คู่ข้าวใหม่ปลามัน แต่ที่คาดไม่ถึงคือในยามที่เพิ่งรับประทานอาหารเสร็จสองสามีภรรยาก็จิบน้ำชาไปจูบกันไป ทำเอานางที่ซุ่มดูอยู่ถึงกับหน้าร้อนผ่าว ไม่เพียงเท่านั้น ครู่หนึ่งเหยาอิงหมิงก็อุ้มนางนั่งตักซ้ำยังสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อบีบเคล้นหน้าอก เฉินอ้ายเหม่ยส่งเสียงครางเบาๆ เมื่อสามีซุกไซ้ซอกคอทั้งยังนวดนางอกนาง อีกมือถลกกระโปรงขึ้นลูบต้นขา
คนซุ่มดูสีเลือดฝาดขึ้นบนพวงแก้ม ‘เจ้าสองคนนี้จะมาเร่าร้อนอันใดตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด ช่างไม่มีความละอายเอาเสียเลย’
หางตาของเฉินอ้ายเหม่ยมองเห็นดวงตาหนึ่งอยู่ตรงช่องกระเบื้องหลังคา นางจึงจับจอกน้ำชาขว้างขึ้นไปด้วยความเร็วและแรง
เฟี้ยว! ฟึ่บ!
จอกน้ำชาทะลุกระเบื้องนั้นขึ้นไปข้างบน โหลวฉางซีหลบได้พอดี
‘บ้าชะมัด! ขว้างขึ้นมาได้ ฝีมือของนางไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
เฉินอ้ายเหม่ยไม่ยอมให้สามีหงุดหงิด นางได้ยินฝีเท้าของคนบนหลังคาจากไปแล้วก็กระซิบบอกสามี “เขาแค่มาสอดแนมพวกเราเจ้าค่ะท่านพี่”
“อืม...ปล่อยนางไปเถอะ” เหยาอิงหมิงหัวเราะร่วน เขารู้ว่าโหลวฉางซีต้องลอบตามมาดูแน่จึงได้แสดงบทรักโจ่งแจ้งให้นางได้เห็น หญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานอย่างคุณหนูสี่สกุลโหลวเห็นแค่นี้ก็คงทนไม่ไหวยอมหนีกลับแล้ว
แต่สิ่งที่เหยาอิงหมิงไม่รู้ก็คือโหลวฉางซีแทบจะลอยหงายตกจากหลังคา ถ้าไม่มีบุรุษชุดดำอีกคนลอยมาประคองเอาไว้
“เจ้าเห็นสิ่งที่ไม่ควรเข้าหรือ?” น้ำเสียงเยาะหยันของบุรุษที่อุ้มนางลอยละลิ่วลงแตะพื้นแล้วทะยานขึ้นไปบนแตะบนกำแพงก่อนจะออกจากเขตเรือนน้อยไป
“ปล่อยข้า!” โหลวฉางซีสะบัดหลุดแล้วชักกระบี่ขึ้นมาต่อสู้กับบุรุษชุดดำ ทว่าเขาทั้งสู้ทั้งถอยจากนั้นก็กระโจนหนีหายไปในความมืดพร้อมเสียงหัวเราะ
สวีเสี่ยวถงใช้อำนาจรักษาการในพรรคมังกรเทพส่งสายสืบไปสองวันก็พอจะรู้เฉินอ้ายเหม่ยคือผู้ใด? นางจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาสามีผู้เป็นนายอำเภอ
“ท่านพี่ นางคือเด็กจากหมู่บ้านที่หน้ากากเงินเคยเข้าไปปล้นฆ่าแล้วจับเด็กหลายคนมาฝึกเพื่อให้หน่วยแทรกซึมหาข่าวและนักฆ่าเจ้าค่ะ”
“ในเมื่อนางยังไม่เคยฆ่าผู้ใดเช่นกันเราก็ละเว้นนางได้ ถือว่านางเป็นผู้บริสุทธิ์” โหลวซีห่าวคลายความกลัดกลุ้มให้กับภรรยา
“ข้าสืบชัดเจนดีแล้วจึงได้กล้ารับรองกับท่านพี่”
“เอาไว้มือปราบเหยายอมสารภาพกับเจ้าแล้ว เราค่อยคุยกันเรื่องนี้”
สวีเสี่ยวถงยืนยันว่าในคืนที่นางประลองยุทธ์กับหน้ากากเงินนั้นมีคนชุดดำส่วนหนึ่งคือนักฆ่าสตรีที่เพิ่งฝึกสำเร็จและเป็นสตรีถูกส่งออกมาทำงานแรก และนางก็ให้คนในพรรคมังกรเทพตามสืบเรื่องนี้จนกระจ่าง
แต่ที่เหยาอิงหมิงไม่ยอมบอกความจริงกับนาง คาดว่าคงจะมีเหตุผลสำคัญ นางรู้จักกับเขาไม่นาน มือปราบหนุ่มผู้นี้มิใช่คนที่จะเห็นแก่สตรีจนยอมทำผิดกฎหมาย
“หนทางเดียวคือ ข้าคงต้องบีบให้เขายอมพูดออกมา”
โหลวฉางซีหน้าแดงก่ำเข้ามาดึงแขนพี่สะใภ้ให้ออกไปนอกห้องแล้ว กระซิบฟ้องสิ่งที่ตนเห็นเมื่อครู่ในเรือนน้อยของเหยาอิงหมิง
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ดูเหมือนเหยาอิงหมิงจะจงใจเล่นบทรักให้เจ้าดูนะ”
“ภรรยาเขาช่างร้ายกาจนัก ข้าว่านางมีวรยุทธ์พอตัวเลยเจ้าค่ะ”
“อืม...ซีเอ๋อร์! ครั้งหน้าเจ้าอย่าไปคนเดียวอีกล่ะ”
********************
*บุรุษที่ช่วยโหลวฉางซี หาคำตอบได้จากเรื่อง “ปราบรักนักคุ้มภัย”