บทที่5 คนขี้หึง
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ทั้งเวกัสและเจ้าแสนก็ใช้ชีวิตในมหาลัยตามปกติเรื่องของทั้งคู่ไม่มีใครรู้เพราะไม่ได้ป่าวประกาศออกไปอย่างชัดเจนแต่การกระทำและการแสดงออกของทั้งสองคนนั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรดี
"ไงแอบรักแบบหลงเขามาตั้งนานหลายปีสมใจแล้ว อะดิยัยแม่วัวแก่" เสียงนี้เจ้าแสนคุ้นเคยดีจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากเพื่อนสาวคนสนิท อย่างคุณหนูแอมแปร์
"ใครเป็นแม่วัวแก่กันห๊ะยัยแอมแปร์แกสิวัวแก่กินเด็ก ที่อายุน้อยกว่าตั้งกี่ปีอย่ามาว่าฉันนะ" เจ้าแสนไม่ยอมโดนว่าอยู่ฝ่ายเดียวต้องพาลให้คนต้นคิดด้วย
"ก็จริงของแก แก่แต่แซ่บเด็ก ๆ ก็จะติดเยอะแบบฉันนี้แหละ" เพื่อนสาวผู้สวยหมั่นหน้าอย่างแอมแปร์พูดออกมาอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
"เหอะหมั่นไส้แก อ่ะเชิญแกกินเด็กเยอะ ๆ ไปคนเดียวเถอะ" เจ้าแสนก็แอบหมั่นไส้ความหมั่นของเพื่อนนิด ๆ ก็คงชินแล้วแหละกับความแรดอย่างเปิดเผยของเพื่อน
"แหมม ๆ ๆ ๆ ช่วงนี้พอมีน้องเวกัสเข้ามาในชีวิตแล้วจะพาไปเหล่มองผู้ชายหน่อยก็ปฏิเสธตลอดเลยนะ" แอมแปร์พูดออกมาอย่างกับเจ้าแสนเคยไปตามคำขอร้องของเธออย่างงั้นและ
"แล้วปกติฉันไม่ปฏิเสธแก!? " พอเจ้าแสนถามกับแอมแปร์ก็มั่นใจมากว่าเจ้าแสนปฏิเสธเธอทุกครั้ง
"ไม่ปฏิเสธฝนก็คงตกอ่ะ แม่-งคนอะไรวะปฏิเสธน้ำใจของเพื่อนผู้แสนดีอย่างฉันได้ทุกรอบเลย" น้ำใจที่ว่าก็คือการพากันไปส่องเด็กหนุ่มให้เป็นอาหารทางสายตาของสาวหื่นอย่างแอมแปร์ พอคุยกันไปสักพักทั้งสองก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมา
ด้านเวกัสที่กำลังจะเดินตรงออกกไปเพื่อไปหาแฟนสาวของเขาก็ต้องชะงักนิ่งเมื่ออยู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาขวางทางเขาไว้ข้างหน้า
"เอ่อคือ.." ร่างอรชรของน้องปีหนึ่งที่แอบชอบเวกัสเข้ามาดักทางที่เขาเดินแล้วอ่ำ ๆ อึ่ง ๆ อยู่จนเขารำคาญ
"มีไร" เสียงห้วนของเวกัสพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด ทำเอาร่างอรชรหลบส่จตาหนีทันที
"คือหนูชอบพี่ค่ะ!! " เธอไม่ได้บอกชอบแค่อย่างเดียวยังรีบหยิบกล่องอะไรบางอย่างขึ้นมาดึงมือร่างสูงไปยัดใส่ให้ สายตาของเวกัสเหลือบไปเห็นแฟนสาวที่กำลังยืนดูอยู่ไม่ไกลไม่รู้มายืนดูตั้งแต่เมื่อไรแค่เห็นสีหน้าของเธอก็เล่นเอาเสียวสันหลังวาบก่อนที่แฟนเขาจะหันหลังเดินออกไป
"เดี๋ยว" เสียงเวกัสดังขึ้นทำให้ร่างบางที่สารภาพรักหันกลับมามองและอมยิ้มเขินเล็กน้อยเธอคงคิดว่าเขาจะรับรักเธอ แต่เปล่า
"เอาของเธอคืนไป ฉันไม่ชอบเด็กแก่แดด แล้วอีกอย่างฉันมีแฟนแล้วส่วนเธอไปตั้งใจเรียนให้พ่อแม่ภูมิใจเถอะไม่ต้องมาวิ่งไล่จับผู้ชายอย่างฉันเพราะฉันไม่เอา จำไว้ว่าฉันมีแฟนแล้วและไม่มีวันเอาเธอมาทำพันธุ์" พอเวกัสพูดจบก็กำลังจะเดินออกไปตามแฟนของเขาที่ตอนนี้เดินหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้
"พี่!! ว่าแรงไปปะคะ" ร่างอรชรที่สารภาพรักก็ตะโกนถามขึ้น
"ไม่แรงไปหรอกน้อยไปสิเธอทำให้แฟนฉันเข้าใจผิด เผลอ ๆ เขาอาจจะหึงฉันแล้วเอาน้ำกรดมาสาดใส่หน้าเธอวันไหนก็ได้ หึ เพราะฉะนั้นอย่ายุ่งกับฉันอีก" เวกัสว่าแค่นั้นก็เดินออกไปเลย ทำเอาร่างบางที่สารภาพรักกับเขาไปเมื่อกี้สะท้านเพราะคำขู่ของเขาที่ว่าแฟนเขาอาจจะเอาน้ำกรดมาสาดใส่หน้าเธอก็ได้
"ไอ้ดาวแกโอเคไหมว่ะ พี่เขาคงรักแฟนมากไม่งั้นคงไม่ตอบกับแกแรงแบบนี้หรอกสงสัยแฟนเขาจะเห็นจริง ๆ นั่นแหละมึงถึงรีบตามไปขนาดนั้นนะ"
"แฟนพี่เขาจะเอาน้ำกรดมาสาดกูปะว่ะ" ดาวดาราถามขึ้นด้วยความรู้สึกเสียวสันหลังและกลัวอยู่หน่อย ๆ จากคำขู่ของเวกัส
"ไม่หรอกแกแฟนเขาออกจะใจดีน่ารัก แต่ถ้าไปยุ่งกับพี่เวกัสก็ไม่แน่ใจวะ"
"แกพูดเหมือนแกรู้เลยนะ ไอ้ภูผาว่าแฟนพี่เวกัสคือใคร" เสียงของโดนัทพูดขึ้น
"ใครไม่รู้ก็โง่แล้วปะ เอ่อลืมไปแกสองคนไม่รู้นิเนาะ" เหมือนภูผาจงใจจะบอกว่าเพื่อนของเขาทั้งสองคนโง่ ภูผาบอกไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาจึงเลือกที่จะไม่บอกพวกมันจะดีกว่าเดียวแห้วกว่าเดิม
"ใครวะภูผา" เสียงของดาวดารากล่าวถามขึ้นด้วยความอยากรู้
"มึงอย่ารู้เลยเถอะไอ้ดาว มึงสู้พี่เขาไม่ได้หรอก" เสียงภูผาเอ่ยขึ้นมาปราบคนขี้สงสัย
"แต่กูอยากรู้" เสียงโดนัทพูดขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่ต่างจากดาวดารา
"อยากรู้เหรอ กูไม่บอกหลอก! แบร่" ภูผากวนประสาทของเพื่อนทั้งสองเสร็จก็วิ่งขึ้นห้องทันที
ทางด้านเจ้าแสน
"มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ" เสียงเรียกทำให้เจ้าแสนเงยหน้าขึ้น
"มาทำไม" เจ้าแสนพอเห็นว่าเป็นเวกัสก็พูดเสียงเรียบขึ้นมาทันที
"ก็แฟนกัสอยู่นี้ถ้าไม่มาหาแฟนแล้วจะให้ไปหาใครละหืม~" ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ แฟนตัวเองหลังจากพูดจบ
"ใครจะไปรู้ นายอาจจะมาหาสาวในสต๊อกของนายก็ได้นิ" เสียงใสพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
"หึงผมเหรอหืม" เวกัสเห็นท่าทางกะฟึกกะฟัดของแฟนสาวก็พอจะเดาอาการได้
"ไม่ได้หึง!! " ร่างบางเบิกตากว้างแล้วหันไปมองหน้าร่างสูงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เหรอไม่หึงจริงดิแล้วที่เป็นอยู่นี้คืออะไร อ่ะบอกหน่อย" เวกัสถามขึ้น เพราะดูท่าทางก็รู้ว่าหญิงสาวหึงเขาเอามาก ๆ ชอบอ่ะน่ารักดีอยากให้เจ้าแสนหึงเขาบ่อย ๆ
"แค่หงุดหงิด ไม่ได้หึง" ร่างบางบอกออกไปพร้อมกับสบตาจ้องหน้าคนตัวสูง อย่างไม่ปกปิดความรู้สึก
"ไหนหงุดหงิดอะไรบอกได้ไหม" ไม่รอช้าร่างบางก็พูดขึ้นมา เมื่อได้ยินคนที่ถามออกมา
"นายกับเด็กนั่น มันน่าหงุดหงิด" พอปากร่างบางกล่าวจบก็ทำเอาร่างสูงยิ้มแก้มปรินี่มันอาการคนขี้หึงชัด ๆ
"ไหนว่าไม่หึงแล้วอาการแบบนี้มันคืออะไร" เวกัสได้แต่อมยิ้มที่เห็นแฟนตัวเองขี้หึงขึ้นมาทำให้เขาหัวใจพองโต
"ใครหึงนายกันไม่ทราบแค่หงุดหงิด หงุดหงิดนะ หงุดหงิดรู้จักไหม" เขาได้แต่ส่ายหัวให้กับคนปากแข็งไม่รู้แยกแยะ ระหว่างอาการหึงหวง และหงุดหงิด
"หงุดหงิดก็หงุดหงิดครับแล้วเราจะกลับห้องกันหรือยัง 15:00 น แล้วนะกลับได้แล้วปะ" พอร่างบางได้ยินอย่างนั้นก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นเตรียมตัวกลับกับแฟนของเธอถึงอารมณ์จะยังหงุดหงิดอยู่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะเธอก็ต้องกลับไปทำงาน project ที่ค้างไว้เพื่อเตรียมจบมหาลัยของปีสุดท้าย