บทที่ 14
เผชิญหน้า
โคร้มม!!!..
“เสียงดังจากห้องนอนคุณเกวนี่” โทนี่หยุดกินอาหารเช้า เขาวางส้อมและมีดแล้วตะแคงหูฟังเสียงตึงตังดังอยู่ในห้องนอนของเกวลิน
ด้านเกวลินเจ็บท้องจนหน้าเขียว เธอประคองอุ้มท้องลงจากเตียงเดินไปที่ประตู พลางพูดเสียงเบาหวิวผสมสั่นเครือว่า “ชะ ช่วยด้วยค่ะ คุณไซนัส คุณโทนี่ ชะ ช่วยฉันด้วยค่ะ ฉะ ฉันเจ็บท้องค่ะ..”
และเมื่อเสียงประตูห้องนอนของเกวลินเปิดดัง แกร็กก!!..ไซนัสก็หันไปมอง และตกใจมากที่เห็นเกวลินยืนตัวสั่นเกาะประตูห้อง
ไซนัสไม่เคยเห็นคนเจ็บท้องใกล้คลอด ไซนัสจึงไม่รู้ว่าน้ำใสที่ไหลเปื้อนชุดนอนของเกวลินนั้นเป็นน้ำคล่ำ จึงถามหญิงสาวว่า
“คุณเกว เป็นอะไร ละ แล้วชุดนอนคุณไปเลอะอะไรมาครับ”
“ชะ ช่วยด้วย ฉันเจ็บท้องค่ะ” เกวลินน้ำตาไหลอาบแก้ม พยายามกลั้นความเจ็บปวดจนหน้าตาแดงก่ำ
“จะ เจ็บท้องจะคลอดเหรอคุณเกว” ไซนัสสติยังไม่กลับมาก เขาละเมอถามคนท้องเพราะไม่รู้จะช่วยคนท้องอย่างไรดี
ด้านโทนี่มีสติอยู่ตลอดเวลา เขารีบไปประคองเกวลินและบอกไซนัสว่า
“ไซนัสคุณไปเอากระเป๋าฉุกเฉินไป เดี๋ยวผมจะอุ้มคุณเกวไปที่รถ..”
“ค ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เสียงดังของโทนี่ทำให้ไซนัสรู้สึกตัว เมื่อเห็นโทนี่อุ้มเกวลินออกจากห้อง เขาก็รีบเข้าไปเอากระเป๋าฉุกเฉิน และรีบวิ่งตามโทนี่ขับรถพาคนท้องไปโรงพยาบาล…
ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง..
สามชั่วโมงแล้วที่เกวลินออกจากห้องคลอดมานอนพักอยู่ในห้องพักฟื้น ซึ่งมีไซนัสและโทนี่ยืนจับมือกัน สายตาอิ่มสุขของพวกเขามองเด็กน้อยแรกเกิดอยู่ในห่อผ้าสีฟ้า ซึ่งเจ้าหนูน้อยนอนอยู่ในเปลโรงพยาบาล
“ไงครับลูกแม่ นอนหลับปุ๋ยไม่ร้องงอแงเลยนะครับ” ไซนัสจีบปากจีบคอพูด พร้อมทั้งโน้มตัวลงไปจับมือน้อยที่ใส่ถุงมือสีฟ้าลายการ์ตูน
“เด็กอะไรน่ารักน่าชั่ง เหมือนแกจะเจียมเนื้อเจียมตัวมากนะไซนัส”
โทนี่ยืนกอดอกยิ้มมุมปากมองเด็กน้อยตัวแดงเช่นกัน
“อุแว้วว!!!” เด็กน้อยแรกเกิดร้องไห้จ้าเมื่อถูกรบกวน
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ มามะ แม่อุ้มครับ” ไซนัสปลอบขวัญอุ้มเจ้าหนูน้อยออกจากเปลมาแนบอก เขาก้มหอมหัวของแกพลางเดินไปนั่งที่โซฟา
“คุณจะตั้งชื่อลูกของเราว่าอะไรดีครับ” โทนี่เดินไปนั่งข้างไซนัส พลางจับเท้าน้อยเท่าฝาหอยที่ใส่ถุงเท้าสีเดียวกับถุงมือ
เมื่อเด็กน้อยดิ้นร้องงอแง ไซนัสก็ร้องเพลงกล่อม พลางบอกแฟนหนุ่มว่า
“พ่อชื่อโทนี่ แม่ชื่อไซนัส ลูกชายของเราก็ต้องชื่อโจนัส คุณว่าดีไหม.”
“โจนัสเหรอ อื้อ เพราะมากครับ ผมชอบ เราจะเรียกแกว่าโจ คุณโอเคไหม” โทนี่พยักหน้า พร้อมก้มลงจูบเท้าของเด็กน้อย
“โจลูกแม่ ชื่อของหนูพะ..” ไซนัสไม่ทันพูดว่า ‘ชื่อของหนูเพราะมาก’ เขาก็หยุดพูดและเงยหน้ามอง เมื่อเสียงของเกวลินดังขึ้นว่า
“ละ ลูก..”
“คุณเกวรู้สึกตัวแล้วเหรอครับ” เป็นโทนี่เองที่เดินเข้าไปยืนตรงข้างเตียง เขาช่วยปรับเตียงและพยุงคนป่วยให้นั่งหลังพิงหมอน
“ลูกของฉันล่ะคะ” เป็นเพราะอยากเห็นหน้าลูกชาย เกวลินต้องกัดริบฝีปากอดกลั้นความเจ็บปวดแผลผ่าคลอดจนหน้าบูดเบี้ยว
“อยู่นี่ค่ะ” ไซนัสทำตัวเป็นผู้หญิง อุ้มเด็กน้อยแรกเกิดเดินเข้าไปนั่งหมิ่นบนขอบเตียง เขาทำหน้าเจื่อนเมื่อเอาหนูน้อยให้แม่แท้ๆของแก
ด้านเกวลินเมื่อได้อุ้มลูกเป็นครั้งแรก เธอก็หอมหัวหอมแก้มพลางกระซิบเสียงเบาหวิวชิดหน้าผากน้อยของแกว่า
“ดะ ดวงใจของแม่ นะ ในที่สุดเราก็ได้เจอหน้ากันแล้วนะ..”
“น้องน่ารักมากนะคุณเกว” ไซนัสพูดพร้อมทั้งยื่นมือเข้าไปลูบหัวของเด็กน้อยอย่างรักใคร่เช่นกัน
“ดื่มน้ำหน่อยไหมครับคุณเกว” เสียงแหบแห้งของเกวลิน ทำให้โทนี่เอาน้ำให้เธอดื่ม
ด้านเกวลินพยักหน้าดื่มน้ำ แล้วพูดกับโทนี่ว่า “ขอบคุณมากค่ะ..”
เมื่อเอาแก้วน้ำวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงแล้ว โทนี่ก็มีทีท่าอ้ำอึงไม่กล้าพูดอะไร แต่เมื่อถูกไซนัสทำตาเขียวใส่ เขาก็พูดว่า “คุณเกวครับ..”
“ค่ะ” เกวลินขานรับทั้งที่ไม่ได้เงยหน้ามองโทนี่ เพราะเธอเอาแต่มองหน้าลูก ซึ่งลูกของเธอมีหน้าตาคล้ายพ่อของแกมาก ริมฝีปากหยัก คิ้วหนาสีดำเป็นปื้นและใบหน้าจิ้มลิ้มก็ได้พ่อมาหมดเลย
“ผมกับไซนัสตกลงกันว่าจะให้ลูกของเราชื่อโจนัส คุณเกวโอเคไหมครับ”
โทนี่ย้ายที่ เขาเดินไปยืนเกาะบ่าของไซนัส
“ชื่อเล่นเราจะเรียกโจ คุณเกวว่าดีไหมครับ” ไซนัสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เอียงหน้ามองแฟนหนุ่มและกุมมือของเขาที่เกาะอยู่บนบ่าของตัวเอง
“แต่ฉันมีชื่อของแกอยู่ในใจแล้วค่ะ ฉันจะให้ลูกของฉันชื่อ กวินท์ค่ะ ส่วนชื่อเล่น ฉันจะเรียกวินท์ค่ะ” เกวลินยอมชายหนุ่มสองคนนี้มาตลอดเวลา แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องของลูก เธอจะไม่ยอมและทำตามพวกเขาเด็ดขาด
ซึ่งเกวลินวางแผนกับชีวิตว่า เมื่อได้ทำงานแสดงละครให้ครอบครัวของไซนัสและโทนี่เชื่อแล้ว เธอก็จะพาลูกขอออกไปอยู่ที่อื่น ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับชายสองคนนี้อีกแล้ว
“ผะ ผมว่า ชื่อที่คุณเกว..” ไซนัสไม่ทันได้พูดว่า ‘ชื่อที่คุณเกวตั้งฟังแล้วไม่เพราะเลย ผมว่า โจนัสนะเพราะและเหมาะกับตาหนูของเรามากนะครับ’ โทนีก็พูดขึ้นว่า “เพราะดีนะครับ ผมชอบชื่อที่คุณเกวตั้งให้ลูก..”
ไซนัสทีแรกก็ไม่พอใจโทนี่ที่คอยขัดตลอดเวลา แต่เมื่อชายหนุ่มกระซิบบอกเบาๆให้ได้ยินกันสองคนว่า “เราเล่นไปตามเธอก่อน ถึงเวลาเราค่อยเปลี่ยนก็ได้ตอนที่ไปจดทะเบียนรับแกเป็นบุตรบุญธรรม..”
“ครับเพราะดีครับ กวินท์ น้องวินท์ เหมาะเป็นชื่อหนูมากครับ” ไซนัสพูด พร้อมทั้งลูบหัวของเด็กน้อย แล้วค่อยๆสอดมืออุ้มแก
เกวลินไม่มีแรงที่จะขัดขืนปกป้องลูก เมื่อถูกไซนัสอุ้มลูกออกจากวงแขนของเธอ ซึ่งเธอทำได้แค่ถามว่า “คุณไซนัส คุณจะพาลูกของฉันไปไหนคะ..”
“ผมจะพาลูกไปนอนที่เปล” ไซนัสอุ้มหนูน้อยเดินไปที่เปล
“คุณเกวอย่าขยับตัวบ่อยสิครับ เดี๋ยวแผลหน้าท้องจะฉีกนะครับ มะ มานอนพักเถอะ ส่วนลูกไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวผมกับไซนัสจะช่วยดูแลให้ครับ” โทนี่พูดให้เกวลินเชื่อใจ
“ฉันอยากนอนกอดลูกค่ะ” เกวลินเอนหลังพิงหมอน สายตาคู่งามคลอน้ำตาก็ยังจ้องลูกร้องงอแงดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมแขนของไซนัส
“กินยานะครับ” เมื่อหญิงสาวพยักหน้าให้ โทนี่ก็ประคองหัวให้เธอดื่มน้ำผสมยาแก้ปวด และเมื่อเกวลินดันมือ เขาก็วางหัวเธอให้หนุนหมอนแล้วห่มผ้าให้
เกวลินไม่ยอมนอน แต่ด้วยความเมื่อยล้าผสมยาแก้ปวดที่โทนี่ให้กินเกินขนาดทำให้เธอง่วงนอน และก่อนที่เธอจะหลับตา เธอก็พูดเสียงติดขัดเบาหวิวว่า
“ฉะ ฉันอยาก นะ นอนกอดลูก ฉะ ฉันอยาก หะ ให้ นะ นมแกค่ะ..”…
ห้าวันแล้วที่เกวลินออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่ห้องพักของโทนี่ เธอถูกชายสองคนห้ามไม่ให้เธอทำอะไร แม้แต่จะให้นมลูกเธอก็ไม่มีสิทธิ์และเข้าใกล้ลูกเลย
“อุแว้วว!!! อุแว้ววว!!!!” เกวลินถึงจะยังรู้สึกตึงและเจ็บแผลตรงหน้าท้อง แต่เมื่อเสียงร้องไห้จ้าของลูก ก็ทำให้เธอกัดริมฝีปากจนเลือดไหลซิบลุกนั่ง เธอหายใจทางปากพยุงตัวเองลุกขึ้น มือหนึ่งเกาะผนังห้อง อีกมือกุมแผลหน้าท้องเดินไปยืนเกาะประตูห้อง
“วะ วินท์ลูกแม่” เกวลินเปิดประตูห้องพลางเรียกชื่อลูกรักเสียงสั่นเครือ
เสียงเปิดประตู ทำให้ไซนัสที่กำลังประคบประหงมเด็กน้อยวัยเพียงเจ็ดวันนั้นหันไปมอง และมีโทนี่คอยจับนั้นจับนี้ช่วยกันเลี้ยงดูเจ้าหนูน้อยยังกับไข่ในหิน
ซึ่งโทนี่เป็นคนเดินเข้าไปหาเกวลินและถามเธอเสียงไม่พอใจว่า “ออกมาทำไมคุณเกว ทำไมไม่นอนพักผ่อน ไป ผมพาไปนอน..”
“เอาแกมาให้ฉันเถอะค่ะ แกคงอยากดูดนมของฉัน” เกวลินถึงจะไม่มีแรงขัดขืน แต่เมื่อโทนี่จะพาเธอเข้าห้อง เธอก็ยืดตัวกัดปากเดินไปหาลูก
“ผมจะฝึกให้แกดูดนมจากขวด” ไซนัสกล่อมหนูน้อย พลางเอาขวดนมที่โทนี่เป็นคนชงให้เด็กน้อยดูด
“ฉันไม่เข้าใจ ทะ ทำไมต้องฝึกให้ลูกของฉันดื่มนมจากจุ๊กขวดด้วยคะ” เกวลินปวดหัวใจจนน้ำตาคลอเบ้ามาก เมื่อเห็นลูกไม่ยอมกินนมจากขวด ซึ่งไซนัสก็ยังคะยั้นคะยอให้ลูกของเธอดูดขวดนม
โทนี่ไม่อยากทำร้ายจิตใจของเกวลินมากเกินไป เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า
“ไซนัส ผมว่าให้คุณเกว เธอหายดีก่อนไหมเราค่อยบอกเธอ..”
“ถ้าคุณไม่กล้าบอกเธอก็อย่ามาห้ามผม ผมจะพูดเอง” ไซนัสยังคงอุ้มเด็กน้อยแรกเกิดที่เอาแต่ร้องไห้ พลางทำหน้ายักษ์ใส่แฟนหนุ่ม ซึ่งเขาไม่ได้สนใจความรู้สึกของเกวลินเลยสักนิด
“มีอะไรกันเหรอคะ?” เกวลินขยับก้นเข้าไปนั่งข้างไซนัส เพื่อเธอจะได้เห็นหน้าลูกชายที่อยู่ในอ้อมกอดของไซนัสได้อย่างชัดเจน
“มะรืนนี้เตรียมตัวไปพบญาติพี่น้องของผม และคุณต้องทำเป็นว่าคุณคือภรรยาของผม” ไซนัสจีบปากจีบคอพูดเสียงเหมือนผู้หญิงบอกเกวลิน
“ทำไมเร็วจัง ไหนคุณบอกว่าเดือนหน้าไม่ใช่เหรอ” เกวลินพยักหน้าให้ไซนัส แต่ไม่ยอมมองสบตาของเขา เพราะจุดสนใจของเธอ คือมือตัวเองที่ลูบแขนขาและใบหน้าจิ้มลิ้มของลูกชาย
“กลับเข้าไปนอนต่อเถอะ ดูสภาพของคุณสิ แค่แรงจะอุ้มลูกยังไม่มีเลย” ไซนัสไม่ยอมให้เกวลินจับเด็กน้อยจึงดันมือของเธอออก
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ฉันขออุ้มลูกบ้างจะได้ไหมคะ” เกวลินสะอื้นไห้ในอกก้มมองนมสองข้างที่มีน้ำนมไหลเปื้อนเสื้อนอนอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ได้ คุณยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย ยาที่คุณกินแก้โรคไทรอย์มันอันตรายต่อลูกนะ คุณก็รู้” เมื่อเกวลินไม่เชื่อ ไซนัสก็เอาเรื่องโรคที่เธอรักษาอยู่มาขู่เธอ
“ฉันไม่ให้นมแกก็ได้ ขอให้ฉันอุ้มแกและป้อนนมแกนะ” เกวลินยกมือปิดปากปิดจมูกจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของลูกรักที่ติดมือของเธอ เธอก็ยิ่งใจแตกสลายน้ำตาเอ่อเบ้า
โทนี่หายใจเบาๆ รู้สึกไม่ดีที่เห็นเกวลินแอบเช็ดน้ำตา แต่เพราะรักไซนัสมาก เขาจึงร่วมมือทำทุกอย่างที่แฟนหนุ่มต้องการ
“ไซนัส คุณช่วยชงนมให้ตาหนูหน่อยสิ” โทนี่บอกพลางอุ้มเด็กน้อย ไปนั่งข้างเกวลิน
“คุณโทนี่” ก่อนที่จะอุ้มลูก เกวลินก็หันไปมองไซนัส ซึ่งไซนัสยืนชงนมอยู่ เธอจึงหันมองหน้าโทนี่
“ลูกของคุณน่ารักมากนะครับ” โทนี่พยักหน้า พลางเอาลูกให้เกวลินอุ้ม
“วินท์ ละ ลูกแม่ มะ แม่คิดถึงหนูเหลือเกิน” เกวลินร้องไห้ไม่มีเสียง มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลอาบแก้มหยดลงใส่หน้าผากของลูก จนหนูน้อยร้องไห้เหมือนแกจะหิวจึงเอียงหน้ามาดูดเสื้อของเธอที่ฉ่ำน้ำนม
“แม่อยู่นี่แล้ว หิวก็กินเยอะๆนะครับ” เกวลินพูดเบาๆกับลูกชิดมือของแก แล้วก่อนที่จะเปิดเสื้อเอานมให้ลูกกินนั้น เกวลินก็รีบหันหลังให้โทนี่
เกวลินยิ่งสะอื้นไห้จนตัวโยงเมื่อลูกดูดนมจากเต้า เธอก้มลงจูบหัวจูบแก้มและจูบมือของแกที่คอยแต่จับเส้นผมของเธอ ซึ่งเธอกระซิบเสียงสั่นเครือว่า “แม่จะไม่ยอมให้ใครเอาหนูไปจากแม่อีกต่อไปแล้ว..”…
สามวันต่อมา..
ก๊อกก!!..เสียงเคาะห้องทำให้เจ้าของห้องที่ยืนมองรถเก๋งสีขาววิ่งเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านผ่านกระจกหน้าต่างนั้นหันไปมองประตูห้อง แล้วเขาก็ถามคนด้านนอกว่า “ใครครับ..”
แม่บ้านบัวเมื่อได้ยินเสียงของเจ้าของห้อง นางก็พูดว่า “ฉันเองค่ะ..”
เตชินท์หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวมาใส่ทับเสื้อกล้าม เดินไปเปิดประตู เมื่อเห็นหน้าแม่บ้าน เขาก็ถามว่า “ป้าบัวมีอะไรเหรอครับ..”
“คุณท่านให้ฉันขึ้นมาตามคุณชินท์กับคุณเจสลงไปข้างล่างค่ะ” แม่บ้านบัวบอกเตชินท์
“ครับ” เตชินท์บอกแม่บ้านบัว แล้วรีบปิดประตูห้องเมื่อได้ยินเสียงของภรรยา
“ใครเหรอชินท์” เจสสิก้าถามสามี ทั้งที่ยังยืนแต่งตัวอยู่ในห้องใส่เสื้อผ้า
“ป้าบัวนะ” เตชินท์บอกเจสสิก้า แล้วเดินไปยืนที่เดิม มองไปทุกมุมของสนามหญ้าหน้าบ้าน และสายตาสีเข้มก็ต้องหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง เหมือนเธออุ้มลูกเดินไปนั่งที่ม้านั่งตรงมุมตึก
“พวกนั้นมากันแล้วเหรอคะ” เจสสิก้าถามกับสามี
“คงงั้นมั้ง” เตชินท์ตอบเสียงเรียบ แต่หัวใจของเขากลับเต้นรุนแรงเมื่อเห็นเสี่ยวหน้าของเธอ
ความเงียบของสามี ทำให้เจสสิก้าชะโงกหน้าออกไปมอง แล้วพูดว่า “ชินท์คะ คุณว่าชุดไหนดีคะ” เธอชูชุดเดรสเกาะอกสีดำและชุดเดรสไหล่เบี่ยงสีแดงให้สามีดู
“คุณสวยเซ็กซี่อยู่แล้ว จะใส่ชุดไหนก็สวยทั้งนั้นแหละ” เตชินท์ไม่ได้มองเธอ เพราะจุดสนใจของเขาในตอนนี้คือ ผู้หญิงคนนั้น เธอนั่งหลบมุมตรงข้างตึกอยู่คนเดียว ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะเอานมให้ลูกกิน
เจสสิก้าใส่ชุดเดรสสีแดงไหล่เบี่ยง แล้วเธอก็เดินไปกอดสามีจากทางด้านหลัง ถามเขาว่า “มองอะไรอยู่คะ..”
“ไม่นี่ครับ” เตชินท์หันมายืนเผชิญหน้าภรรยา จูบหน้าผากเธอแล้วพยักหน้าให้เธอหันหลังให้ เพื่อเขาจะได้รูดซิบชุดเดรสด้านหลังให้เธอ
“ไปค่ะ ลงไปข้างล่างกัน ป่านนี้คุณพ่อคงรอแย่แล้ว” เจสสิก้าหันมากอดคอสามี เขย่งปลายเท้าให้สูงเท่าหัวไหล่กว้าง แล้วเหลือบตามองตามสายตาของสามีเมื่อครู่นี้ผ่านกระจกหน้าต่าง
ด้านเตชินท์พยักหน้า และก่อนจะออกจากห้องเขาก็หันไปมองตรงจุดเดิมผ่านกระจกหน้าต่าง เตชินท์กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงมุมตึกหายไป เขาจึงหันกระซิบเสียงทุ้มบอกกับภรรยาว่า “เชิญครับ..”…
ในห้องรับแขกขนาดใหญ่..ญาติพี่น้องสามสี่คนที่ตามโอชิมาจากญี่ปุ่นต่างพากันชื่นชมเจ้าเด็กน้อยแรกเกิดวัยเพียงสิบกว่าวันที่นอนดิ้นอยู่ในเปลไกว ซึ่งมี เกวลินนั่งเฝ้าลูกชายและคอยตอบคำถาม
ด้านโอชิมองว่าที่ลูกสะใภ้นั่งอยู่คนเดียว เขาก็สะกิดบอกลูกชายว่า “ไซนัส ทำไมปล่อยให้หนูเกวลินอยู่คนเดียวล่ะลูก ไปพาเธอมาหาพ่อสิ..”
“ครับ” ไซนัสขานรับพ่อแล้วเดินไปหาเกวลิน
“คุณไซนัส ฉะ..” เกวลินดีใจมากที่เห็นไซนัส ซึ่งเธอจะบอกเขาว่า ‘คุณไซนัสค่ะ ฉันอยากเข้าห้องน้ำค่ะ’ แต่เธอก็ไม่ได้พูด เมื่อไซนัสพูดแทรกขึ้นว่า
“คุณพ่ออยากให้คุณไปนั่งกับท่าน”
ไซนัสโปรยยิ้มให้ญาติทุกคนแล้วยื่นมือให้เกวลินจับ เมื่อไซนัสพยักหน้าให้เธอมองตรงหน้า ซึ่งโอชิก็กวักมือเรียก เกวลินยิ้มแห้งๆให้โอชิ แล้วขานรับไซนัสเสียงเบาหวิวว่า “ค่ะ..”
“หนูเกวลินมานั่งนี่มะ” โอชิตบมือลงบนเบาะโซฟาข้างตัว
“ค่ะ” เกวลินอุ้มลูกเดินตามไซนัสเข้าไปนั่งข้างโอชิ
“ไม่ต้องเกรงใจนะหนูเกวลิน ทำตัวตามสบายคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของหนูก็แล้วกันนะ” โอชิบอกเกวลิน แต่สายตาของชายชราเต็มไปด้วยความสุขกับจ้องมองเด็กน้อยแรกเกิด
“ค่ะ” เกวลินอึดอัดมากเมื่อต้องนั่งปั่นหน้าพูดเรื่องโกหก ซึ่งเธอไม่อยากทำ แต่ก็เพราะบุญคุณที่ไซนัสมีต่อเธอ เธอจึงตอบแทนและเมื่อจบเรื่องนี้แล้ว เธอก็จะพาลูกไปให้ไกลคนพวกนี้
“หนูเกวลินอยากให้พ่อไปคุยกับพ่อแม่ของหนูตอนไหนก็บอกพ่อได้นะ พ่อพร้อมที่จะเข้าไปคุยเรื่องของหนูกับไซนัส..”
คำพูดของโอชิ ทำให้เกวลินหันมองหน้าไซนัส “หนะ หนู..”
เสียงกุกๆกักๆของเกวลิน ทำให้ไซนัสต้องพูดให้พ่อเข้าใจใหม่อีกครั้ง
“ผมเคยบอกคุณพ่อแล้วนี่ครับ ว่าครอบครัวของคุณเกวอยู่ต่างประเทศ.”
“คุณไซนัส” เกวลินตกใจหน้าซีดที่ไซนัสสร้างเรื่อง ให้เธอเป็นลูกคุณหนูมีพ่อแม่ร่ำรวย แถมยังอยู่ต่างประเทศอีกต่างหาก
“คุณไม่ต้องพูดอะไร พยักหน้าอย่างเดียวก็พอ ที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเอง” ไซนัสพูดเสียงเบาบอกเกวลิน
“อื้อ พ่อก็ลืม ว่าแต่หนูเกวลินอยู่เมืองไทย หนูอยู่กับใครเหรอ” โอชิหยุดพูดเมื่อแม่บ้านบัวเดินเข้ามาหาบอกว่า
“คุณท่านค่ะ ฉันตั้งโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้วนะคะ..”
“อื้อ ไป ไซนัส โทนี่ หนูเกวลินไปกินข้าวกัน” โอชิชวนลูกๆ แล้วพยักหน้าบอกแม่บ้านบัวให้ไปเชิญญาติทุกคนไปที่ห้องอาหารขนาดใหญ่
ด้านไซนัสและโทนี่รวมทั้งเกวลินต่างก็ขานรับ “ครับ / ค่ะ..”
“แล้วนี่ยัยเจสกับเตชินท์ยังไม่ลงมาอีกเหรอ” โอชิถามหาลูกสาวและลูกเขยพลางลุกขึ้น โดยมีไซนัสช่วยพยุงให้ชายชราลุกยืน
ด้านเจสสิก้าเกาะแขนสามีเดินทักทายญาติพี่น้องทุกคน เสียงของพ่อถามหา ทำให้เธอพูดขึ้นว่า “อยู่นี่ค่ะ..”
“ยัยเจส เตชินท์ มาแล้วหรือ เข้ามาดูหลานและรู้จักหนูเกวลินสิ” โอชิกวักมือเรียกลูกสาวและลูกเขย ซึ่งชื่อเกวลินที่โอชิเอยถึงทำให้หัวใจของเตชินท์เต้นตึกตักๆ
“ไปค่ะชินท์ ไปดูหน้าหลานกัน จะเหมือนพ่อหรือว่าเหมือนแม่นะ” เจสสิก้าบอกสามี แล้วเดินผ่านหน้าโทนี่ เธอยิ้มมุมปากเหมือนรู้ความลับเมื่อได้สบตาไซนัส
“อิจฉาผมเหรอที่เห็นผมมีลูกมีเมีย” ไซนัสพยักหน้าให้โทนี่เข้ามายืนประคองโอชิ ส่วนเขาก็เข้าไปช่วยเกวลิน ซึ่งเกวลินหายใจไม่ทั่วท้องยืนอุ้มลูกหันหลังไม่กล้าที่จะหันไปมอง
“หึ!” เจสสิก้าทำเสียงไม่พอใจขึ้นจมูก เมื่อไซนัสรพูดแทงใจดำ
ด้านไซนัสอุ้มเด็กน้อยด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างจับมือของเกวลิน กระซิบเสียงนุ่มหูบอกเธอว่า “คุณเกวครับ นี่พี่สาวของผม พี่เจส และนั่นพี่เขย พี่ชินท์..”
เตชินท์เจสสิก้าชื่อนี่ที่ไซนัสแนะนำ ทำให้เกวลินยืนตัวแข็งเป็นท่อนไม้ หัวใจสั่นไหวเต้นแรงผิดปรกติ ซึ่งเธอไม่กล้าหันไปมอง เพราะกลัวจะเป็นเขาและเธอ มือของเกวลินเย็นเหมือนเกร็ดน้ำแข็ง ซึ่งไซนัสเข้าใจว่าเธอคงกลัว เขาจึงพูดปลอบใจเธอว่า “ไม่ต้องกลัว ผมจะอยุ่กับคุณ..”
“คุณไซนัส” เกวลินมองหน้าไซนัส แล้วหันไปยืนเผชิญหน้าทุกคน ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดค้างแม้แต่ลมหายใจเธอก็หายใจไม่ออก ดวงตาคู่โตคลอเบ้าเบิกโพรงมองหน้าหญิงสาว แล้วเหลือบตาไปจ้องหน้าของชายคนนั้น คนที่เธอไม่คิดว่าจะเป็นเขา
‘เตชินท์’ ซึ่งชายหนุ่มก็จ้องเธอตาเขม่งจนเธอหน้าซีดเป็นลมหมดสติ
“เฮ้ย! คุณเกว คุณเป็นอะไร” ไซนัสตกใจร้องเสียงหลง เมื่อเกวลินทรุดฮวบลงไปนอนกองบนพื้นโดยไม่รู้สาเหตุ โชคดีที่เขาคว้าเด็กน้อยไว้ทัน ไม่งั้นคงล่วงไปนอนกองกับแม่แกแน่
ด้านโอชิก็ตกใจเมื่อเห็นไซนัสพยายามปลุกเกวลิน เขาจึงบอกโทนี่ว่า
“หนูเกวลินเป็นลมแน่ๆ โทนี่อุ้มหนูเกวลินไปนอนในห้องโน้นไป..”
“ครับ” โทนี่ทำตามคำขอของโอชิ รีบเข้าไปอุ้มเกวลินที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น
ภาพของเกวลินแน่นิ่งไม่ไหวติ่งอยู่ในอ้อมแขนของโทนี่นั่น ทำให้เตชินท์หน้าเคร่งเครียด ดวงตาสีเข้มก็แดงก่ำ เขาเจ็บปวดขั้วหัวใจมากที่เห็นเมียที่เขายังรักมีชายอื่น เตชินท์กระตุกยิ้มมุมปาก พลางพูดเสียงเบาๆได้ยินเพียงตัวเองว่าร้าย เกวลินว่า
“หึ! แพศยา! ไอ้เกย์สองคนนี้เป็นชู้รักของเธอสินะ..”…