บทที่ 7 ไปทางไหนก็มีแต่ความหลังของกันและกัน

3363 Words
บทที่ 7 ไปทางไหนก็มีแต่ความหลังของกันและกัน ด้านเกวลินเดินถือเอกสารเข้าไปสมัครงานสิบกว่าร้านแล้ว แต่ก็ไม่มีร้านไหนรับเธอเข้าทำงาน เกวลินไม่คิดเกี่ยงงานเลย จะให้เธอเป็นพนักงานล้างห้องน้ำเธอก็จะทำ แต่ช่างน่าสมเพชเสียเหลือเกิน ขนาดพนักงานขัดห้องน้ำก็ยังต้องใช้วุฒิ ม.6 ซึ่งเธอจบแค่ ม.3 เกวลินเดินคอตกผ่านร้านขายไอศรีม ซึ่งคนท้องอ่อนๆอยากซื้อของหวานกินมาก แต่เธอก็ทำได้แค่มองและกลืนน้ำลายเสียงดัง ‘เอือก!’ “น่ากินทั้งนั้นเลย แต่เราไม่มีเงินซื้อของสุรุ่ยสุร่ายนะคะลูกแม่ ลูกแม่ต้องอดทนนะคะ” เกวลินเดินอ้อยอิ่งลูบท้อง พูดเสียงเบาหวิวปลอบขวัญลูกในท้องและตัวเอง เพราะความหิวนั้นหิวนี่ทำให้คนท้องน้อยใจที่ไม่มีเงินซื้อของกินบำรุงลูกจนน้ำตาคลอหน่วย เธอกะพริบเปลือกตากักกั้นน้ำตาไม่ให้ไหลมาประจานความอ่อนแอของตัวเอง และเมินหน้าหนีของกินแล้วสะดุดกับป้ายรับสมัครพนักงาน “ลูกแม่ ช่วยแม่ให้ได้งานนี้ด้วยนะจ๊ะ” เกวลินดีใจมากยิ้มจนปากจะฉีกถึงหู และก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในร้านขายรองเท้า เธอก็แอบมองเงาตัวเองในกระจกข้างร้านค้า “สวัสดีค่ะ ฉันเห็นป้ายติดอยู่หน้าร้านรับพนักงานขาย ฉันเลยเข้ามาสมัครงานนะคะ” เกวลินคิดว่าผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบกว่าๆนี่ต้องเป็นเจ้าของร้านแน่ เธอจึงยกมือไหว้ “เอ้า นี่ยังไม่มีใครเอาป้ายออกอีกเหรอ แก้ว มานี่สิ” เจ้าของร้านมองป้ายประกาศที่ยังติดอยู่หน้าร้าน แล้วรีบกวักมือเรียกลูกน้องให้มาหา พนักงานนามว่าแก้วเมื่อเดินมาหาเจ้เจ้าของร้าน ก็ถามว่า “ค่ะ เจ้ เจ้มีอะไรเหรอคะ..” “เจ้บอกให้เอาป้ายออกทำไมยังไม่เอาออกอีกฮ่ะ” เจ้เจ้าของร้านดุลูกน้องเสียงเบา “หนูลืมค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอาออกเดียวนี้แหละค่ะ” พนักงานนามว่าแก้ว เมื่อถูกเจ้านายดุ ก็รีบเดินออกจากร้านไปเอาป้ายประกาศสมัครคนงานออก เจ้เจ้าของร้านส่ายหน้าไปมาไม่พอใจในความสะเพร่าของลูกน้อง แล้วก็หันมาพูดกับเกวลินว่า “ทางร้านปิดรับสมัครหลายวันแล้วนะหนู..” “เหรอค่ะ” เกวลินยกมือไหว้ลาเจ้าของร้าน แล้วเดินหน้าเศร้าออกจากร้านขายรองเท้า “หนู เดี๋ยว..” “ค่ะ” เกวลินขานรับ เมื่อเจ้เจ้าของร้านขายรองเท้าเรียก “หนูลืมนี้จ๊ะ” เจ้เจ้าของร้านเอาเอกสารคืนให้เกวลิน “..” เกวลินไม่พูด ถึงจะผิดหวังเสียใจอยู่บ้างที่หางานไม่ได้ แต่เกวลินก็ยิ้มและยกมือไหว้รับเอกสารคืนมาถือไว้ เกวลินเดินเหมือนคนหมดสิ้นทุกอย่างออกจากร้านขายรองเท้า ซึ่งเธอเอาแต่ก้มหน้าเดินผ่านร้านขายเครื่องสำอาง จึงไม่เห็นว่ามีคนคุ้นเคยที่เธอรู้จักดีกำลังยืนดมน้ำหอมอยู่… “สวัสดีค่ะคุณลูกค้า..” “ครับ” เสียงของพนักงานขาย ทำให้เตชินท์ขานรับทั้งที่ยังยืนกอดอกมองขวดน้ำหอม จึงทำให้เขาพลาดเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งมีหญิงสาวตัวเล็กสูงเพียงแค่ราวนมของเขาเดินผ่านไปอย่างใจเลื่อนลอย “คุณลูกค้าต้องการน้ำหอมกลิ่นแบบไหนคะ” พนักงานขายน้ำหอมถาม “ขอดูก่อนนะครับ” เตชินท์ตอบพลางหยิบขวดน้ำหอมยี่ห้อ dior มาดม “น้ำหอมขวดนี้เหมาะกับผู้หญิงอ่อนหวานมากค่ะ” พนักงานแนะนำพร้อมทั้งฉีดหัวน้ำหอมใส่แผ่นกระดาษทดลอง แล้วยื่นให้ลูกค้า “ครับ” เตชินท์พยักหน้าให้พนักงานขาย แล้วเอาแผ่นกระดาษทดสอบน้ำหอมมาดม พลอยให้เขาหวนนึกถึงความหลัง เมื่อครั้งหนึ่งเขาเคยสัญญาว่าจะซื้อน้ำหอมกลิ่นนี้ให้เธอใช้.. “ดูอะไรเหรอเกว” เตชินท์ถาม พลางเดินไปยืนประกบหลังของน้อง “ปะ เปล่าค่ะ” เกวลินส่ายหน้าพร้อมทั้งวางขวดน้ำหอมไว้ที่เดิม “อื้อ หอมดีนะ แต่พี่ว่าขวดนี้เหมาะกับเกวมากกว่า” เตชินท์เอาแผ่นกระดาษทดลองน้ำหอมในมือของเกวลินมาดม แล้วเอากลิ่นน้ำหอมอีกยี่ห้อที่เขาฉีดใส่แผ่นกระดาษทดลองให้เธอดม “miss dior เหรอพี่” เกวลินยิ้มให้สามีเมื่อได้ดมกลิ่นน้ำหอม ซึ่งมันหอมดอกกุหลาบอย่างที่สามีเธอพูดจริงๆ “ชอบไหม” เตชินท์ถามพร้อมทั้งยกแขนกำยำพาดบ่าของเมีย “พี่จะซื้อให้เกวเหรอคะ” เกวลินเอาแขนของพี่ชินท์ออกจากบ่า แล้วเธอก็เดินไปยืนตรงหน้าเคาน์เตอร์ลิปสติก “ใช่ พี่จะซื้อให้เธอไง” เตชินท์หยิบน้ำหอมขวดที่เขาเลือก แล้วเดินตามหลังเธอ ซึ่งเขามองเธอหยิบลิปสติกสีนั้นสีนี้มาดู “พี่ชินท์ พี่จะซื้อให้เกวจริงๆเหรอคะ” เกวลินถามเมื่อเห็นสามีชูน้ำหอมให้เธอดู “ก็จริงนะสิ” เตชินท์ตอบ “พี่มันแพงมากนะคะ ขวดตั้งสี่พันกว่าบาทแนะ” เพราะไม่อยากให้พนักงานขายได้ยิน เกวลินจึงกระซิบกระซาบบอกสามีเสียงเบา “น้ำหอมยี่ห้อนี้พี่เลือกให้เกว กลิ่นหอมของดอกกุหลาบอย่างนี้พี่ว่าเหมาะกับเกวมากเลยนะ” เตชินท์อยากให้เมียได้ใช้ของราคาแพงๆ “อย่าซื้อเลยค่ะ ซื้อไปเกวก็คงไม่ได้ใช้หรอก” เกวลินส่ายหน้าไปมาจนผมยาวสยายถึงกลางหลังที่เธอมัดไว้เป็นหางม้าสะบัดไปมา “ทำไมละเกว” เตชินท์รักเกวลินมาก จึงอยากให้เธอมีของดีๆไว้ใช้ “หอมไหมพี่” เกวลินยิ้มหวานถามสามี เมื่อดมน้ำหอมกลิ่นของผู้ชายในกระดาษทดลอง “หอมดี” เตชินท์พยักหน้า เมื่อน้องเอาแผ่นกระดาษทดลองกลิ่นน้ำหอมให้เขาดม “กลิ่นนี้เหมาะกับพี่มากเลยค่ะ เกวจะเก็บเงินซื้อน้ำหอมขวดนี้ให้พี่ค่ะ” เกวลินบอกสามีพร้อมทั้งเอาน้ำหอมในมือชายหนุ่มไปวางไว้ที่เดิม แล้วเธอก็เดินจูงมือของเขาออกจากเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง.. “ชินท์ค่ะ..” “..” เงียบ เตชินท์ไม่ตอบ “ชินท์ คุณเป็นอะไรคะ ทำไมวันนี้ยืนใจลอยตลอดเลย” เมื่อเรียกสามีไม่ยอมตอบ จึงทำให้เจสสิก้าวางทุกอย่าง เดินเข้าไปยืนจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างสงสัย “ครับ คุณเจสมีอะไรเหรอครับ” เตชินท์ตื่นจากภวังค์ เมื่อถูกสะกิด “ฉันอยากเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมนะ คุณช่วยเลือกให้เจสหน่อยสิคะ” เจสสิก้ามองน้ำหอมในมือของเตชินท์ “ผมว่าให้พนักงานช่วยดีกว่าครับ”เตชินท์บอกภรรยา แล้วกวักมือเรียกพนักงาน “ชินท์ว่า ฉันใช้ขวดนี้จะเหมาะไหมคะ” เจสสิก้าเอาน้ำหอมในมือของสามีมาดม “ผมว่าขวดนี้เหมาะกับคุณมากกว่าครับ” เตชินท์ส่ายหน้า พลางหยิบน้ำหอมอีกขวดที่เขาไม่ได้ตั้งใจเลือกชูให้หญิงสาวดู “งั้นฉันเอาขวดนี้ค่ะ แล้วก็ขวดนี้ให้ชินท์ค่ะ” เจสสิก้าพยักหน้า พร้อมทั้งเลือกน้ำหอมยี่ห้อ chanel ให้ชายหนุ่ม “ของผมมีอยู่แล้วไม่ต้องซื้อหรอกครับ” เพราะน้ำหอมกลิ่นนั้นมันมีความหมายกับเขามาก เตชินท์จึงไม่อยากเปลี่ยน “ฉันอยากให้คุณเปลี่ยนยี่ห้อค่ะ เอา Bleu de chanel ด้วยนะ” เจสสิก้ายิ้มเซ็กซี่ยั่วยวนสามี พร้อมทั้งหันไปบอกพนักงานขาย “..” ด้านเตชินท์ไม่พูด แต่เขาพยักหน้าตามใจเจสสิก้า เขาจ่ายเงินและเอาถุงน้ำหอมมียี่ห้อมาถือไว้ แล้วก็เดินตามหลังภรรยา ซึ่งเธอยังคงเดินดูข้าวของเครื่องใช้อย่างใจเย็น และเมื่ออยากได้อะไรก็ยื่นให้เตชินท์เป็นคนจ่ายถึงแม้ว่าของชิ้นนั้นจะแพงมากแค่ไหน และไม่สำคัญเลยเธอก็ซื้อไปเก็บไว้… เวลาห้าโมงเย็นที่ป้ายรถเมล์.. “วันนี้พอแค่นี้ก่อนเนาะ พรุ่งนี้เราค่อยออกหางานทำไหม่กันนะคะ” เกวลินกระซิบกระซาบเสียงเบาหวิวกับลูกในท้อง พร้อมชะเง้อคอมองรถเมล์ ปิ้นน!!.. เสียงบีบแตรรถไล่กันดังสนันทั่วท้องถนนจนทำให้เกวลินที่นั่งดมมลพิษอากาศข้างถนนนั้นเงยหน้าจากมือที่สัมผัสลูกในท้อง มองรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง และภาพของชายหนุ่มขับมอเตอร์ไซค์และมีผู้หญิงนั่งซ้อนท้าย ซึ่งเขาทั้งสองดูจะรักกันมากก็เลือนลางกลายเป็นภาพของเธอกับเตชินท์.. ทุกเช้าบนท้องถนน.. “วันนี้เกวเลิกงานกี่โมงเหรอ” เตชินท์นั่งคร่อมขี่รถมอเตอร์ไซค์จอดติดไฟแดง พลางเอียงหน้าที่ยังสวมหมวกกันน็อคมองน้องน้อย ด้านเกวลินนั่งซ้อนท้ายรถของสามี แขนเล็กสองข้างสอดเข้าโอบกอดเอวหนาไว้แน่น เธอยิ้มมีความสุขและอบอุ่นมากเมื่อซบหน้าลงบนแผ่นหลังอันแข็งแกร่ง พลางบอกพี่ชินท์ชิดแผ่นหลังเบาๆว่า “สามทุ่มครึ่งค่ะ..” “งั้นพี่เลิกงานแล้วจะมารอเธอที่เดิมนะ”เป็นเพราะเตชินท์ทำงานในบริษัทษเลิกงานห้าโมงเย็นส่วนเกวลินยังคงทำงานขายของที่ซูปเปอร์มาร์เก็ต “อย่าลำบากเลยพี่ เดี๋ยวเกวนั่งรถเมล์กลับบ้านเองได้ค่ะ” เกวลินบอก “บ้าเหรอ พี่ไม่ยอมให้เธอนั่งรถเมล์กลับบ้านคนเดียวหรอก เธอรู้ไหมกลางค่ำกลางคืนกลับบ้านคนเดียวมันอันตรายมากแค่ไหนฮ่ะ” เตชินท์บ่นให้น้องน้อยยาวเป็นหางว่าว เกวลินเงียบไม่ตอบโต้ปล่อยให้สามีบ่นไป “นี่เธอฟังพี่อยู่หรือเปล่า” เตชินท์ถามน้องเพราะรู้สึกว่าเมียดื้อจะไม่ยอมฟังเขาเลย “ฟังค่ะ” เกวลินตอบสามีพร้อมทั้งย่นจมูกใส่แผ่นหลังกว้าง “ดื้อจริงๆ” คนตัวสูงบ่นไม่หยุดพร้อมทั้งยืดตัวตรงยกแขนขึ้นกอดอก เขาอยากจะแกล้งเมียเลยเอนหลังไปเสียดสีให้โดนอกอิ่มของเธอ “ไม่ได้ดื้อสักหน่อย เกวแค่ไม่อยากให้พี่ต้องลำบากไปนั่งรอเกวไงค่ะ” เกวลินรู้ว่าพี่ชินท์แกล้งให้เธออายผู้คนบนท้องถนน เธอก็แกล้งทุบหลังของเขาไปทีหนึ่ง “พี่ไม่เคยคิดว่าตัวเองลำบาก พี่ต่างหากที่ทำให้เธอมาลำบาก อดทนก่อนนะเกว ให้พี่ทำงานเก็บเงินก่อน แล้วพี่จะเปิดร้านกาแฟให้เธอ” เตชินท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ผ่านหมวกกันน็อค เมื่อเอียงหน้ามองเมีย ซึ่งน้องเกยคางบนบ่าของเขาจึงทำให้หมวกกันน็อคของเขาและเธอชนกัน “ค่ะ” เกวลินตอบสามี “พี่รักเธอนะ” เตชินท์เปิดกระจกหมวกกันน็อคของตัวเองขึ้น แล้วไม่ลืมเปิดให้น้องด้วยเพื่อเขาจะได้มองตาเธอยามพูดบอกรักเมีย “เกวก็รักพี่ค่ะ” เกวลินยิ้มยิงฟันพร้อมทั้งบอกรักเขาเช่นกัน “เราจะสร้างครอบครัว มีพ่อแม่และลูกๆกันนะเกว พี่จะทำให้เธอมีความสุข และไม่ลำบากทำงานเหมือนตอนนี้แน่” เตชินท์ถอนหายใจเบาๆเมื่อนึกถึงยายเจียม ซึ่งเขาเคยสัญญาไว้กับยายเจียมว่าจะไม่ทำให้เกวลินลำบาก “เกวบอกพี่แล้วไง เกวไม่ได้ลำบากอะไรเลยค่ะ อีกอย่างเกวก็อยากทำงานด้วยค่ะ” เกวลินพูดจริง “ถ้าพี่ได้เป็นผู้จัดการ เธอเตรียมตัวลาออกจากงานได้เลยนะ”เตชินท์บอกเมีย “เกวรักพี่นะ” เกวลินบอกรักสามีเพราะอยากให้ชายหนุ่มหยุดพูดเรื่องอนาคต “พูดอะไรนะ พี่ไม่ได้ยิน” เตชินท์ได้ยินเต็มสองหู แต่คนเจ้าเล่ห์อยากยั่วเมีย เขาจึงสอดมือไปข้างหลัง ดึงชายเสื้อยืดออกจากเอวกางเกงของเธอ แล้วลูบฝ่ามือไปตามผิวหน้าท้องแบนราบ “พี่ชินท์หยุดทำบ้าๆได้แล้ว อายคนอื่นบ้างสิคะ” ดวงหน้าหวานที่ซ่อนอยู่ในหมวกกันน็อคแดงระเรื่อ อายแสนอายเมื่อมีสายตาของคนร่วมถนนมองเธอกับพี่ชินท์ “บ้าที่สุดไม่ยอมหยุดหื่นแม้กระทั่งบนท้องถนน” เกวลินบ่นให้สามีพร้อมทั้งหยิกหลังของเขาไปหลายที เมื่อพี่ชินท์ยังไม่ยอมหยุดสัมผัสเธอ “ฮ่าๆ ถึงพี่บ้าแต่พี่ก็รักเธอนะ” เตชินท์หัวเราะร่วนชอบใจที่ทำให้เมียมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับเขา เตชินท์อยากทำทุกอย่างให้เมียอยู่อย่างสบายและมีความสุขมากกว่านี้... “อุดมสุขครับ อุดมสุข ใครจะไปซอยอุดมสุขก็รีบขึ้นรถเลยนะครับ” เด็กท้ายรถสองแถวกระโดดลงจากท้ายรถพร้อมตะโกนเรียกลูกค้าเสียงดังจนทำให้ เกวลินสะดุ้งตื่น เมื่อเด็กท้ายรถเขามาถามเธอว่า.. “เจ้ ไปอุดมสุขไหม..” “มะ ไม่จ้ะ” เกวลินส่ายหน้า “ไม่ไปอุดมสุข เจ้จะไปไปไหนเหรอ” เพราะท่าทางหวาดกลัวไม่อยากคุยด้วยของหญิงสาว จึงทำให้ไอ้เด็กท้ายรถมันได้ใจจึงยังพูดยั่วและตื้อเธอ “..” เกวลินก็กลัวเด็กท้ายรถสองแถวจริงๆแหละ เธอจึงไม่ตอบพร้อมลุกหนีเมื่อเห็นรถเมล์คันที่จอดอยู่ท้ายรถสองแถว และซึ่งช่วงเวลานั้นเองก็มีรถเก๋งยี่ห้อ ‘BMW’ สีดำขับตามหลังรถเมล์คันที่เธอขึ้น “บ้าเฮ้ย! นึกจะตัดหน้าก็เสียบหัวเข้ามาเลยนะมึง” เตชินท์เหยียบเบรครถ พร้อมทั้งบีบแตรไล่รถเมล์ที่ขับแทรกเข้ามาจอดดักหน้ารถของเขา “ชินท์ ระวังค่ะ” เจสสิก้าไม่ทันตั้งตัว เธอร้องกรี๊ดเมื่อหัวทิ่มจนหน้าผากของเธอชนอย่างแรงกับฝาครอบหน้ารถ “คุณเจส เป็นไรมากไหมเจ็บตรงไหนครับ” เตชินท์หันมองหน้าเจสสิก้า จึงทำให้เขาไม่ได้มีโอกาสเห็นผู้หญิงตัวเล็กกำลังก้าวขึ้นรถเมล์ “เจ็บสิคะ เนี่ยหน้าผากโนเลย” เจสสิก้าบอกสามี พลางลูบหน้าผากให้ชายหนุ่มดู “ผมขอโทษครับ” เตชินท์ยื่นมือไปแตะหน้าผากของภรรยา ลูบเบาๆเพื่อปลอบใจเธอ “เป็นอะไรคะ ทำไมคุณดูหงุดหงิดบ่อยจังคะ” เจสสิก้าถามสามี “จะไม่ให้ผมหงุดหงิดได้ไง คุณก็ดูสิ มันขับรถตัดหน้าผมฮ่ะ” เตชินท์บ่นเสียงไม่พอใจ พลางหันไปมองรถเมล์ผ่านหน้ารถ “ก็ฉันบอกคุณแล้วนี่คะให้ไปดูหนังรอ แล้วกลับตอนเที่ยงคืน คุณไม่ฟังเองนี่” เจสสิก้าก็บ่นชายหนุ่มยาวเป็นหางว่าว “ปิ้นนน!!! บ้าเฮ้ย!” เตชินท์ไม่ตอบโต้ภรรยา แต่เขากลับหักหัวรถแซงขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับรถเมล์ แล้วบีบเสียงดังให้คนขับรถเมล์ และช่วงเวลาที่เขามองคนขับรถเมล์นั้น สายตาของเขาก็ไปสะดุดกับเสี้ยวหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง “เกว” ใช่ เกวลินแน่ๆ เตชินท์เร่งเครื่องเพื่อให้ทันรถเมล์ จะได้มองเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นได้อย่างชัดเจน “ชินท์ คุณจะไปไหนคะ นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่คะ” เจสสิก้าถาม เมื่อเห็นเตชินท์ไม่ยอมเลี้ยวรถไปทางซ้าย แต่เขากลับขับรถตามรถเมล์คันนั้นไป คำถามของภรรยาถามอย่างสงสัย ทำให้เตชินท์หันมองหน้าเธอ เมื่อได้สบตาคู่โตเขาก็ชะลอรถขับให้ช้าลง พลางบอกเธอว่า “ผมจะเลี้ยวเข้าซอยหน้าก็แล้วกัน..” ในรถเมล์.. “ห่าเฮ้ย! คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของถนนเหรอวะ นี่มันป้ายรถเมล์นะโว้ย มึงนะสิเสือกขับมาจอดที่ป้ายรถทำไมว่ะ?” คนขับรถตะโกนด่าพร้อมทั้งมองรถBMWผ่านกระจกรถด้านข้าง ในความรู้สึกของคนขับรถเมล์ก็อยากจะยกนิ้วกลางให้เจ้าของรถBMWอยู่แหละ แต่เขาไม่ทำ “พวกคนรวยไม่มีน้ำใจนะพี่” กระเป๋ารถบอกคนขับรถให้ใจเย็นๆ “กูก็ไม่อยากมีเรื่องกับมันหรอก มีเรื่องทีไรกูเสียเปรียบทุกที” คนขับรถเมล์ยังบ่นไม่ยอมหยุด “มันบ้าไปแล้ว มันจะแซงก็ไม่แซง ดูสิแม่งยังขับตามอยู่อีก” เด็กกระเป๋ารถทำตามลูกพี่ ลงไปยืนเกาะประตูรถ พลางโบกมือขอทางให้รถBMWที่พยายามจะขับมาตีคู่ ให้ชะลอรถลง “มันขับรถจะแซงขึ้นมาทำห่าอะไรว่ะ เดี๋ยวกูขับเบี้ยดให้ตกขอบถนนเสียเลย” คนขับรถบ่นพร้อมทั้งหักหัวรถขับแซงหน้ารถBMW เสียงของคนขับรถตะโกนคุยตอบโต้กับเด็กกระเป๋ารถดังจนผู้โดยสารในรถเมล์ต่างหันไปมองรถBMWเป็นสายตาเดียวกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเกวลิน เธอก็หันหลังไปมองรถเก๋งหรูสีดำพยายามขับขึ้นมาคู่กับรถเมล์ “ไม่มีมารยาทในการใช้รถใช้ถนนเลย” เกวลินบ่นเบาๆ พร้อมทั้งมองรถBMW ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นเจ้าของรถเพราะกระจกเคลือบดำ แต่เกวลินก็ยังทำท่าทางรังเกียจโดยการย่นหน้าเบะปากใส่… “ชินท์! คุณมองอะไรคะ ทางกลับบ้านต้องไปทางซ้ายนะ..” “ครับ” คำถามของเจสสิก้า ทำให้เตชินชะลอรถ และเลิกคิดที่จะขับตามรถเมล์ ซึ่งชายหนุ่มได้แต่มองท้ายรถเมล์ด้วยความสงสัย “เป็นอะไรคะ” เจสสิก้าขมวดคิ้วถาม “ปะ เปล่าครับ” เตชินท์ตอบ “เหนื่อยเหรอคะ ดูหน้าคุณเครียดๆนะ ให้ฉันขับแทนไหมคะ”เจสสิก้า มองเสี้ยวหน้าหล่อของสามี “ไม่เป็นไรครับ ผมขับเอง คุณนั่งเป็นเจ้าหญิงนะดีแล้วครับ” คำว่า เจ้าหญิงที่เอ่ยบอกภรรยา ทำให้เตชินท์ยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วนึกถึงความหลัง เมื่อคำว่าเจ้าหญิงเขาเคยใช้เรียกผู้หญิงอีกคน.. “เจ้าหญิงของพี่ถึงแล้วครับ” เตชินท์จอดรถมอเตอร์ไซค์ แล้วหันไปบอกเมียที่นั่งกอดเอวของเขาอยู่ด้านหลัง “พี่พาเกวมาโชว์รูมทำไมคะ” เกวลินยังนั่งคร่อมรถ ปล่อยให้พี่ชินท์เป็นคนถอดหมวกกันน็อคให้ “มาดูรถไง” เตชินท์ฟันอยากซื้อรถ “เรายังไม่มีเงินนะพี่” เกวลินคุยกับพี่ชินท์ พร้อมลงจากรถ และเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในโชว์รูม เตชินท์เดินดูรถทั่วโชว์รูม แล้วพูดกับน้องเสียงเบาว่า “พี่จะซื้อคันนี้ และจะขับรถให้เธอนั่งเป็นเจ้าหญิงแสนสวย” เกวลินทำตาโตมองรถBMWสีดำ และมองรถราคาแพงนับล้านหลายคัน แล้วหันไปกระซิบเสียงเบามากถามพี่ว่า “คันนี้เหรอคะ..” “ชินท์เลี้ยวซ้ายค่ะ! นี่คุณจะไปไหนเหรอคะทางกลับบ้านไปทางซ้ายนะคะ” เจสสิก้าเริ่มไม่พอใจสามีขึ้นมาทันที เมื่อเห็นเขายังคงขับรถตรงไปเรื่อยๆ เสียงของเจสสิก้าดังมากจนเตชินท์ตื่นจากความหลังเมื่อเคยมีเกวลิน แล้วเขาก็หันไปมองภรรยา ซึ่งท่าทีของหญิงสาวไม่พอใจเขามาก จึงทำให้ผู้ชายที่ดูเหมือนเป็นช้างเท้าหลังพูดเอาใจภรรยาว่า “ก็จะพาเมียขับรถเล่นไงครับ ผมยังไม่อยากกลับบ้านเลยครับ..” “บ้า! หยาบคายพูดมาได้เมีย” เป็นครั้งแรกที่เขาพูดคำว่าเมียกับเธอ จึงทำให้เจสสิก้ายื่นมือเข้าไปหยิกแขนของเขาทีหนึ่ง ที่เขาทำให้เธออายจนแดงเป็นลูกมะเขือเทศ “หึ!” เตชินท์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และหัวเราะเสียงกระหึ่มในลำคอ เมื่อถูกเจสสิก้าเอาแต่ทุบๆแขนกำยำและหัวไหล่กว้างของเขา…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD