บทที่ 6 ยืนเพียงลำพังคนเดียว(2)

3754 Words
บทที่ 6 ยืนเพียงลำพังคนเดียว(2) ด้านเกวลินเมื่อมาถึงที่หมายเธอก็ออกจากรถแท็กซี่ เดินลากกระเป๋าสองใบไปยังด้านหลังของร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต เธอมองประตูด้านหลังและคิดไปพลางว่าจะเอากระเป๋าเข้าไปด้วยดีไหม แต่เธอก็ตัดสินใจเอากระเป๋าไปซ่อนไว้ข้างถังขยะ แล้วรีบเปิดประตูเข้าไปด้านใน ส้มที่ทำงานอยู่ข้างในเมื่อเห็นเพื่อนเธอก็รีบโบกมือเรียกเพื่อน พร้อมทั้งทำท่าส่งซิกบอกเพื่อนให้ดูปากของที่เธอพูดว่า “เกวทางนี้..” “ส้ม มีอะไรเหรอ” เกวลินถาม พลางเดินตามเพื่อนไปยังหน้าห้องทำงานของผู้จัดการ “อ่านดูสิ” ส้มจับมือเพื่อนไว้แน่น ๆแล้วพยักหน้าให้เกวลินมองแผ่นประกาศที่แปะอยู่บนบอร์ดงานข้างผนังห้องทำงานของผู้จัดการ “นี่อะไร เราถูกปลดออกจากงานเหรอ” เกวลินหน้าซีดใจสั่นปากสั่น เมื่อได้อ่านใบประกาศปลดคนงาน ซึ่งมีชื่อของเธอด้วย ที่ทางร้านให้เหตุผลว่าที่ต้องให้เธออกเพราะเธอชอบหยุดงานและมาทำงานไม่ตรงต่อเวลา “ไม่ได้มีเธอคนเดียวนะ มีพี่เจี๊ยบด้วย พี่ธิดาก็ถูกปลดออกจากการเป็นหัวหน้าด้วยนะ” ส้มเอ่ยชื่อของพนักงานคนอื่น เพื่อนปลอบขวัญเกวลิน ความเมื่อยล้าไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ผสมกับความเครียดที่สะสมมานานให้เกิดอาการปั่นป่วนคลื่นใส้จะอาเจียน จนเกวลินรีบวิ่งออกไปด้านนอก อ้วกก!!..อ้วกกกก!!!!.. “ว้าย!!! เกว เธอเป็นอะไร” ส้มอุทานเสียงดังรีบร้อนวิ่งตามเพื่อนออกไปข้างนอก “ระ เราไม่เป็นไร” เกวลินยืนมือเกาะถังขยะหายใจโรยริน พลางเช็ดน้ำตาคลอหน่วย “ทำไมเธอหน้าซีดจัง จะเป็นลมเหรอ ไป ไปนั่งรอเราตรงนั้นนะ” ส้มประคองเพื่อนพาไปนั่งบนม้านั่งข้างร้าน และก่อนที่เธอจะเข้าไปข้างในร้าน เธอได้เอายาดมของเธอให้เพื่อนดม “ขอบใจมากนะส้ม” เกวลินนั่งหลับตาหลังพิงพนักม้านั่ง มือชื้นเหงื่อกำหลอดยาดมไว้แน่น พลางยกขึ้นจ่อปลายจมูกของตัวเอง ด้านส้มรีบร้อนเข้าไปข้างในร้าน ไม่ถึงห้านาทีเธอก็ออกมาหาเพื่อน พร้อมยื่นขวดน้ำเย็นให้เกวลิน “เอานี่น้ำ บ้วนปากซะ..” “..” เกวลินไม่ตอบ เธอดื่มน้ำเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นทั้งที่ยังมึนชาที่หัว ส้มมองเพื่อนเดินไปเอากระเป๋าที่กองอยู่ข้างถังขยะ เธอจึงถามเพื่อนว่า “นั่น เธอจะไปไหนเหรอ.. “เราถูกไล่ออกจากห้องนะ” เกวลินบอกเพื่อนเสียงสั่นเล็กน้อย “เธอว่าอะไรนะ” ส้มถามเพื่อนเสียงดัง “อย่างที่เธอได้ยินนั่นล่ะ เราถูกเจ้หยกไล่ออกจากห้องแล้ว” เกวลินถอนหายใจแรงๆ เธอยิ้มให้ส้ม ทั้งที่ข้างในหัวใจมันบอบช้ำแทบกระอักออกมาเป็นเลือด “แล้วนี่เธอจะทำยังไงต่อไป จะไปพักที่ไหน” ส้มถามเพื่อน “เรายังไม่รู้เลย” เกวลินบอกเพื่อนตามจริง เพราะเธอไม่รู้จริงๆว่าจะไปอยู่ไหน และทำยังไงต่อไป “เอางี้ไหม ไปพักที่ห้องของเราก่อน” ส้มถอนหายใจรู้สึกสงสารเกวลินที่เจอแต่เรื่องร้ายๆ ซึ่งหลายเดือนก่อนก็ถูกสามีบอกเลิก มาเดือนนี้ก็ถูกไล่ออกจากห้อง และหนำซ้ำยังมาตกงานอีก ‘เวรกรรมอะไรของเธอนะยัยเกว’ ส้มพูดในใจคนเดียว “จะดีเหรอ” เกวลินมองหน้าเพื่อน “ดีสิ” ส้มพยักหน้า “แล้วแฟนเธอเขาไม่ว่าเหรอ” เกวลินถามเพื่อนเพื่อความมั่นใจ เพราะเธอไม่อยากทำให้ส้มทะเลาะกับแฟน “พี่เทพเขาไม่ว่าหรอก” ส้มตอบอย่างมั่นใจ “เราเกรงใจเธอจัง ส้ม” เกวลินใจชื้นขึ้นมาหน่อย เมื่อวันนี้เธอกับลูกในท้องมีที่นอนแล้ว “อีกสองชั่วโมงเราก็เลิกงานแล้ว เธอนั่งรอเราอยู่ตรงนี้ได้ไหม” ส้มบอกเพื่อน “ได้ๆ เราจะรอเธออยู่ตรงนี้นะ” เกวลินดีใจมาก จึงพยักหน้างึกๆให้เพื่อน “เราเข้าไปทำงานก่อนนะ” ส้มบอกเพื่อน “ขอบใจมากนะส้ม” เกวลินยกมือไหว้ขอบคุณเพื่อน “จะขอบใจทำไม เราเป็นเพื่อนกันนะ อีกอย่างเธอก็เคยช่วยเหลือเราเหมือนกันนี่” ส้มรีบจับมือเกวลินไว้ ไม่ยอมให้เธอไหว้ เกวลินซึ้งน้ำใจเพื่อนจนน้ำตาคลอเบ้า ซึ่งเธอไม่อยากให้เพื่อนเห็นจึงแกล้งยกมือเช็ดเหงื่อบนหน้า แล้วปรับเสียงไม่ให้สั่นเครือบอกเพื่อนว่า “ส้มเข้าไปทำงานเถอะ..”… เวลาหกโมงเย็นที่ห้องพักของส้ม.. ส้มช่วยเกวลินเก็บกวาดห้องแล้วลากตู้พลาสติกใส่เสื้อผ้ามากั้นเป็นห้องให้เพื่อนได้มีพื้นที่ส่วนตัว พลางถามเพื่อนว่า “แคบไปไหมเกว ถ้าแคบเราจะได้เขยิบตู้มาทางเราอีก..” “ไม่หรอก ดูสิกว้างมาก นี่นอนสองคนได้อยู่นะ” เกวลินบอกเพื่อน พร้อมทั้งเอากระเป๋าลากไปตั้งพิงผนังห้องตรงปลายที่นอน “พรุ่งนี้ค่อยออกไปหาซื้อที่นอนปิกนิกกันนะ คืนนี้เธอเอานี่ปูนอนก่อนนะเกว” ส้มเอาผ้าห่มและหมอนข้างให้เพื่อนปูเป็นที่นอน “ได้สิ สบายมาก” เกวลินเมื่อปูผ้าห่มทำเป็นที่นอนแล้ว เธอก็เอากระเป๋าสะพายทำเป็นหมอนนอนกอดหมอนข้างให้เพื่อนดู “เราดีใจนะที่เธออยู่ได้” ส้มช่วยเพื่อนพับผ้าห่ม “เราจะไม่รบกวนเธอนานหรอกนะ” เกวลินบอกเพื่อน “ถ้าเธอไม่คิดอะไรมาก จะอยู่ด้วยกันที่นี่ก็ได้นะ” ส้มชวนเพื่อน “นี่เราให้เธอ” เกวลินตัดสินใจเอาเงินให้เพื่อนหนึ่งพัน เพื่อตอบแทน เพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องพาลูกในท้องเร่ร่อน “ไม่ๆ เราไม่เอา เธอเก็บไว้เถอะ” ส้มดันมือเพื่อน “เราอยากช่วยค่าเช่า ไหนจะค่าไฟค่าน้ำอีก ส้มรับไว้เถอะนะ” เกวลินไม่อยากเอาเปรียบและอยู่กับเพื่อนฟรีๆ “งั้นเราเอาแค่ห้าร้อยพอ” ส้มเอาเงินคืนให้เกวลินห้าร้อย “โอเค งั้นห้าร้อยนี่ เราจะซื้อของใช้ของกินเข้าห้องให้นะ แล้วถ้าเราได้ทำงานแล้ว เราจะช่วยเธอออกค่าเช่าห้องนะ” เกวลินบอกเพื่อน “ตามใจเธอก็แล้วกัน” ส้มไม่ได้ห้ามเกวลิน “ตอนที่เราเข้ามา หน้าปากซอยมีร้านขายของเยอะแยะเลย เราออกไปหาซื้ออะไรมาทำกินกันไหม” เกวลินชวนเพื่อน “อื้อไปสิ นี่เรากำลังจะออกไปซื้อปลากระป๋องมายำไว้ให้พี่เทพกินอยู่เหมือนกัน” ด้านส้มไม่ได้ขัดใจเกวลิน เพราะเธอก็จะออกไปซื้ออาหารมาทำกับข้าวเย็นไว้รอแฟนของเธอเช่นกัน “แฟนเธอชอบกินยำปลากระป๋องเหรอ” เกวลินถามเพื่อน แล้วกะพริบเปลือกตาเพื่อกักกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเอง เมื่อนึกถึงเตชินท์ ซึ่งเขาก็ชอบกินยำปลากระป๋องเหมือนกัน… ด้านเตชินท์เมื่อจอดรถที่โรงรถแล้ว เขาก็รีบร้อนเดินเข้าบ้าน โดยไม่ได้สนใจมองเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งเจสสิก้านั่งหน้าหักหน้างอรอสามีอยู่ เจสสิก้าเมื่อเห็นสามี เธอก็รีบเดินไปหาพร้อมทั้งถามว่า “ชินท์ค่ะ คุณหายไปไหนมา นี่ฉันโทรหาคุณเป็นร้อยๆสาย ทำไมคุณไม่รับคะ..” “คุณเจส” คำถามมากมายเหมือนคอยจับผิดของหญิงสาว ทำให้เตชินท์หยุดเดิน และก่อนที่เขาจะหันหลังไปมองภรรยานั้นเขาก็ยกมือลูบหน้าแรงๆ “คุณไปไหนมาคะ ฉันไปหาคุณที่ทำงาน ลูกน้องของคุณบอกว่าคุณออกมาตั้งแต่บ่ายสามแล้ว คุณไปไหนคะ” เจสสิก้าถามพลางเหลือบตาส่งซิกให้เตชินท์มองนาฬิกาข้างผนัง ซึ่งเป็นเวลาห้าทุ่มครึ่งแล้ว “คุณยังไม่นอนอีกเหรอครับ” เตชินท์ไม่ตอบคำถามของหญิงสาว แต่เขากลับถามเธอ แล้วเดินนำหน้าเจสสิก้าขึ้นบันได “จะนอนได้ไงคะ สามีไม่ยอมกลับบ้าน ฉันเป็นห่วงคุณนะ” เจสสิก้าพูดเสียงน้อยใจพลางเข้าไปเกาะแขนของสามีเดินเคียงคู่ขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอน “ผมไปคุยงานกับลูกค้ามานะ” เตชินท์ไม่มองหน้าของหญิงสาว และไม่ยอมบอกความจริงกับเธอว่าไปไหนมากันแน่ เขาเป็นคนเปิดประตูห้อง “คุณน่าจะโทรบอกฉันบ้างนะ ว่าไปไหนมาไหน ฉันจะได้ไม่ต้องห่วงและคอยคุณ” เจสสิก้าเดินเข้าห้อง แล้วไปนั่งบนเก้าอี้ตัวกลมตรงโต๊ะเครื่องแป้งท็อปหินอ่อนราคาแพง “ผมขอโทษครับ ว่าแต่คุณไปหาผมที่บริษัทมีอะไรหรือเปล่า”เตชินท์ปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ แล้วเขาก็ปิดประตูห้องเดินตามเธอ พลางพับแขนเสื้อดึงชายเสื้อเชิ้ตเนื้อผ้าดีออกจากเอวกางเกง “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ฉันอยากชวนคุณไปเดินหาซื้อของใช้นะคะ” เจสสิก้าบอกสามี “ผมขอโทษครับ” เตชินท์ยังนั่งหันหลังให้ภรรยา ซึ่งเขาแกะนาฬิกาออกจากข้อแขนวางไว้บนโต๊ะโคมไฟและเปิดลิ้นชักโต๊ะโคมไฟเอาถุงกระดาษที่เอามาจากอะพาร์ตเมนต์ยัดไว้ข้างในตู้ “แล้วนี่คุณกินอะไรมาแล้วหรือยังคะ” ท่าทีมีพิรุธของสามีทำให้เจสสิก้าลุกขึ้น เธอเดินเข้าไปยืนตรงหว่างขาของชายหนุ่ม ซึ่งแขนเล็กสองข้างของเธอก็คล้องคอหนาไว้ “ยังเลยครับ” เตชินท์ตอบ พลางขยับขาสองข้างให้กว้าง ส่วนมือสองข้างที่ลูบบั้นท้ายงอนงามแล้วจับกระชับเอวคอดฉุดเบาๆให้หญิงสาวเขามายืนอย่างใกล้ชิด “หิวไหมคะ” เธอถามพร้อมทั้งนั่งบนขาของสามี “หิวมากเลยครับ” เตชินท์พูดชิดหน้าผากนุ่ม แล้วอุ้มเธอให้นั่งบนเตียงข้างๆกัน “ทำไมคุณไม่หากินจากข้างนอกล่ะคะ ทำไมปล่อยให้ตัวเองหิวอยู่ได้” เจสสิก้าบ่นให้สามี แล้วคลานไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะโคมไฟฝั่งที่เธอนอน “ไม่ต้องโทรบอกแม่บ้านหรอกครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” เตชินท์ถอดเสื้อเชิ้ตออกจากทางหัว แล้วเดินไปยืนตรงหน้าต่าง สายตาสีเข้มส่อแววเคร่งเครียดมองไปยังบ้านหลังเล็กซึ่งเป็นที่พักของคนใช้ นี่สินะชีวิตของคุณหนูพ่อแม่รวยมหาศาล อยากกินก็โทรสั่งแม่บ้าน ไม่เคยสนใจว่า ณ ตอนนี้เป็นเวลากี่ทุ่มกี่ยามแล้ว “โอเค” เตชินท์ส่ายหัวไปมาเมื่อหันไปมองเจสสิก้า “โอเคค่ะ” เป็นเพราะเกิดมาบนกองเงินกองทอง ทำให้หญิงสาวไม่เคยทำอะไรให้ใครแม้แต่ตัวเองก็ยังมีคนใช้จัดการให้ทุกอย่าง เจสสิก้าวางมือถือไว้ที่เดิม แล้วเอนหลังพิงพนักหัวเตียง และไม่ลืมที่จะหยิบไอแพดมาเปิดดูโปรแกรมของวันพรุ่งนี้ว่าจะทำอะไร ซึ่งเธอไม่ได้เอาใจใส่สามีทำหน้าที่ของภรรยาเลยสักวัน “ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ” เตชินท์เคยชินกับการเอาใจใส่ชายหนุ่มยืนรอให้ภรรยาเตรียมเสื้อผ้าให้ แต่เมื่อเห็นท่าทีของเจสสิก้าแล้ว เขาก็ยิ้มมุมปากพลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า “ค่ะ” เจสสิก้าขานรับ โดยที่ไม่ได้มองเตชินท์เลยว่าเขาทำอะไร “หึๆ” เตชินท์หัวเราะในลำคอพร้อมทั้งพยักหน้าให้ภรรยางึกๆ แล้วเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนมาถือไว้พลางนึกถึงเกวลินขึ้นมาทันที.. “พี่เหนื่อยไหมคะ หิวไหม เกวทำกับข้าวไว้รอ พี่ไปอาบน้ำก่อนนะคะจะได้สบายตัว อื้อ เกวเตรียมผ้าเช็ดตัวแล้วก็เสื้อยืดกับกางเกงไว้ให้แล้วนะอยู่ในห้องน้ำค่ะ ไปอาบน้ำสิคะ จะได้มากินข้าวกันค่ะ..” ‘บ้าเอ้ย ทำไมเราต้องนึกถึงผู้หญิงแพศยานั้นด้วยนะ’ เตชินท์ดึงสติกลับคืนมา พร้อมทั้งดันประตูตู้เสื้อผ้าเสียงดัง ปัง! เสียงปิดประตูตู้ดังโครมคราม ทำให้เจสสิก้าตกใจ เธอร้องกรี๊ดโวยวายใส่สามีว่า “ว้าย! ชินท์ คุณเป็นอะไรคะ ทำไมต้องปิดประตูตู้เสียงดังด้วยคะ..” “ผมขอโทษครับที่ทำให้คุณตกใจ” เตชินท์บอกหญิงสาว “ไม่เป็นอะไรก็ไปอาบน้ำสิคะ” เจสสิก้าขยับตัวนั่งหลังตรง เธอมองท่าทีแปลกๆของเตชินท์อย่างสงสัย “ครับ” ด้านเตชินท์ขานรับเพียงสั้นๆ ทำตามหญิงสาว ถือผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อชำระร่างกายให้หายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า… สองอาทิตย์ต่อมา.. เกวลินยังอยู่ห้องพักของส้ม และยังหางานทำไม่ได้ ซึ่งวันนี้ก็เช่นเคยเธอออกจากห้องตั้งแต่เช้า เดินหางานทำไม่ได้หยุดพักก็ปาเข้าไปจะบ่ายสองแล้วเธอก็ยังไม่ได้งานเลย เกวลินเดินถือเอกสาร เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ทำจนเธอเหนื่อยและหิวมากด้วย เมื่อเห็นแม่ค้าขายไข่ปิ้ง เธอจึงเข้าไปถามว่า “ไข่ปิ้งขายไม้เท่าไรคะป้า..” “ไม้ละยี่สิบจ๊ะ..” “หนูเอาหนึ่งไม้ข้าวเหนียวด้วย” เกวลินยิ้มอายๆเมื่อขอซอสจิ้มไข่ปิ้งเยอะๆจากแม่ค้า “สองถุงพอไหม” แม่ค้าถาม “เท่าไรคะป้า” เกวลินพยักหน้า พร้อมทั้งถามราคา “สามสิบบาทจ๊ะ” ป้าขายไข่บอก “หนูเอาน้ำขวดหนึ่งด้วยนะป้า” เกวลินเอาน้ำโพลาลิสในถังแช่เย็น ชูให้ป้าขายไข่ดู “รวมน้ำด้วยก็สี่สิบห้าบาทจ๊ะ” ป้าขายไข่รับเงินมาห้าสิบบาทถือไว้ แล้วทอนให้เกวลินห้าบาท พร้อมทั้งเอาถุงไข่ปิ้งให้หญิงสาว ด้านเกวลินถือถุงของกินเดินไปนั่งที่ป้ายรถเมล์ เธอเอาไข่ออกมาปอกเปลือก แล้วกินไข่ปิ้งกับข้าวเหนียวจิ้มซอส พลางคุยกับลูกในท้องว่า “แม่ขอโทษนะ ที่ต้องกินไข่ปิ้งกับกับข้าวเหนียวแบบนี้ทุกวันเลย..” “ให้แม่ได้งานทำก่อนนะคะ แม่จะพาหนูไปกินของอร่อยๆ” คนท้องเห็นอาหารหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดกระเพราหมู หรือจะเป็นข้าวผัดคะน้าหมูกรอบ นั่นก็ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู เธอก็อยากกินไปหมดเสียทุกอย่าง ซึ่งเธอทำได้แค่กลืนน้ำลาย แล้วก้มหน้ายิ้มหวานให้ลูกในท้อง “อยากกินเหรอคะ” เกวลินถามลูกในท้องเมื่อเห็นพ่อค้าเข็นรถผลไม้เดินผ่าน เธอจึงรีบเรียกพ่อค้า “พ่อค้าเดี๋ยวค่ะ..” “จะเอาอะไรเหรอ” พ่อค้าถาม “ฝรั่งมะม่วงขายลูกเท่าไรคะ” เกวลินถาม “ฝรั่งสิบห้า มะม่วงสิบบาท” พ่อค้าบอก “เอาฝรั่ง” เกวลินอยากกินผลไม้ทุกอย่าง แต่เธอกินไม่ได้เพราะเงินในกระเป๋ามีไม่มาก ซึ่งเธอต้องประหยัดใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง “เอาอะไรอีกไหม” พ่อค้าถามเสียงห้วน “เอาแค่ฝรั่งค่ะ” เกวลินกลืนน้ำลายหลายครั้ง เมื่อมองสับปะรด องุ่น แตงโมและมะม่วง แล้วนั่นก็สตรอเบอรี่ ซึ่งคนท้องอยากซื้อและอยากกินของหมักของดองมาก “สิบห้าบาท” พ่อค้าบอก เกวลินนับเหรียญบาทเหรียญห้าให้เงินพ่อค้า แล้วเธอก็เดินไปนั่งที่เดิม กินฝรั่งจนหมดถุง แล้วเธอก็หันหลังไปมองห้างสรรพสินค้า พลางพูดเบาๆกับลูกในท้องว่า “ลูกแม่ หนูคิดว่าถ้าแม่ไปสอบถามของานทำข้างใน เขาจะรับแม่เข้าทำงานไหม” เกวลินอยากได้งานทำมาก เพราะถ้าไม่มีงานทำ เธอก็ไม่มีเงินเพราะเงินที่มีอยู่ในธนาคารไม่ถึงหมื่นก็ต้องถอนออกมาใช้จ่ายแน่ เกวลินเมื่อเข้ามายืนอยู่ในห้าง เธอเดินผ่านร้านกาแฟ ใจหนึ่งก็อยากหยุดมอง อีกใจก็ไม่อยากมองและจดจำ แต่เธอก็เลือกอย่างหลัง หยุดยืนมองเข้าไปในร้านกาแฟ และภาพในอดีตที่มีพี่ชินท์ก็ปรากฎขึ้น.. เตชินท์เดินจูงมือของเกวลินพาเข้าไปในร้านกาแฟ ซึ่งชายหนุ่มเป็นคนเลือกที่นั่งด้านในสุด พลางพยักหน้าให้น้องนั่ง “พี่” เกวลินตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าพี่ชินท์จะพาเธอเข้ามาในร้านกาแฟหรูหราที่เธอฝันไว้ว่าสักวันจะเข้ามานั่งกินอาหารสักครั้งหนึ่ง “อยากกินเค้กไม่ใช่เหรอ” เตชินท์รู้ว่าเกวลินชอบกินของหวาน เขาจึงขอเมนูจากพนักงาน แล้วหันมาถามเกวลิน “แพงจังพี่ เกวกินไม่ลงหรอก” เกวลินเหลือบตามองพนักงาน แล้วกระซิบเสียงเบาบอกสามี พลางมองไปรอบร้าน เธอฝันไว้เสมอว่าอยากมีร้านกาแฟแบบนี้ “เอาเค้กช็อกโกแลตไหม” เพราะน้องชอบพูดเสมอว่า อยากเข้ามานั่งร้านกาแฟหรูร้านนี้มาก เตชินท์จึงทำความฝันของน้องให้เป็นจริง “พี่มีเงินจ่ายเหรอคะ ถ้าเกวจะเอาอันนี้” เกวลินทำตัวเป็นเด็กน้อยอ้อนพี่ชาย “เอาชานมเย็นหรือชาไข่มุกดี” เตชินท์ยิ้มให้เมีย เมื่อเห็นความสุขของน้องในแววตาคู่งาม “เอานี่ด้วยค่ะ อันนี้ด้วย เกวอยากกิน” เกวลินชี้ให้สามีดูเธออยากกินทุกอย่างในเมนู ไม่ว่าจะเป็นแซนด์วิชปลาทูน่าหรือแม้แต่สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ “กินหมดเหรอ” เตชินท์ถามน้อง “หมดค่ะ” เกวลินทำหน้าทะเล้นใส่สามี “จะอ้วนเป็นหมูอยู่แล้วนะเรา” เตชินท์พูดเล่น พลางยกแขนพาดบ่าของน้อง เมื่อเธอขยับเข้ามานั่งกระแซะสีข้าง “ถ้าเกวอ้วนเป็นหมูจริงๆ พี่ชินท์จะรักเกวอยู่ไหมคะ” เกวลินไม่อายใครเธอกอดเอวหนา ใบหน้างามซบหน้าบนอกของพี่ชินท์นั้นเงยขึ้นมองชายหนุ่ม “ต่อให้เธออ้วนเป็นช้างน้ำหนักร้อยโล พี่ก็จะรักเธอ” ด้านเตชินท์ก็ไม่แคร์สายตาของใคร เขาก้มหน้าลงจูบหน้าผากของเมีย “เกวรักพี่ค่ะ” เกวลินอายหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ เมื่อพี่ชินท์แอบหอมแก้มของเธอ “อยากมีร้านกาแฟแบบนี้ไหมเกว” เตชินท์ถามน้อง พร้อมทั้งมองไปรอบร้านกาแฟหรู “ความฝันของเกวเลยค่ะ” เกวลินบอกสามี “พี่จะทำงานเก็บเงิน และสร้างความฝันของเธอให้เป็นจริงนะ”เตชินท์ให้สัญญากับน้องน้อย “เกวจะช่วยพี่เก็บเงินนะคะ” เกวลินยิ้มให้พี่ชินท์ เมื่อชายหนุ่มหยอกล้อเธอ ซึ่งเขาลูบหัวของเธอแล้วโยกไปมา.. “สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ต้องการรับขนมชิ้นไหนคะ..” เสียงถามอย่างสุภาพดังอยู่ข้างหลัง ทำให้เกวลินตื่นจากความคิด เธอหันไปมองพนักงานหญิง แล้วรีบเดินถอยหลังออกจากร้านทันที “รับชิ้นไหนคะ” พนักงานถามคำเดิม “ปะ เปล่าค่ะ” เกวลินอยากกินของหวานมาก แต่เมื่อมองขนมโปรดในตู้โชว์เห็นราคาขนมแต่ละชิ้นแพงมาก เธอก็ไม่กล้าซื้อกิน “ถ้าคุณลูกค้าไม่ซื้ออะไรขอความกรุณาคุณลูกค้าออกไปจากหน้าร้านได้ไหมคะ” พนักงานขายบอกอย่างสุภาพ “ค่ะ” เกวลินรีบเดินหนี เพราะอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเมื่อมีสายตาของผู้คนมากมายที่มองเธอเป็นสายตาเดียวกัน ซึ่งก็มีใครอีกคนเขายืนอยู่ในร้านขายเสื้อฝั่งตรงข้าม เพ่งมองเธออยู่เช่นกัน “ชินท์ค่ะ..” “ครับ” เสียงใสเรียกหา ทำให้เตชินท์ขานรับทั้งที่ยังยืนหน้ามุ่น หัวคิ้วสองข้างย่นเข้าหากัน เมื่อเพ่งมองผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเขามั่นใจว่าเป็นเกวลินแน่ ‘บ้าน่า ไม่ใช่เธอแน่’ เตชินท์หน้าขรึมเมื่อนึกถึงรูปร่างของเกวลิน เขาจำได้ไม่เคยลืม เธอจะตัวเล็กและอวบอั๋นได้สัดส่วนไม่ใช่ผอมแห้งเป็นไม้เสียบผีอย่างนั้น “มองอะไรอยู่คะ” เจสสิก้าออกมาจากห้องลองเสื้อ เธอถามชายหนุ่มพลางเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม “คุณเจสมีอะไรหรือเปล่าครับ” ด้านเตชินท์ไม่ตอบ แต่เขากลับหันมายืนเผชิญหน้าภรรยา “ติดกระดุมเสื้อด้านหลังให้หน่อยสิคะ” เจสสิก้าบอกพร้อมทั้งหันหลังให้ชายหนุ่ม “ได้ครับ” เตชินท์ไม่ตอบคำถามของเจสสิก้า แต่เขากลับเดินไปยืนด้านหลังของเธอ จับผมยาวดัดเป็นลอนใหญ่เบี่ยงข้าง แล้วเขาก็ติดตะขอชุดให้เธอ “คุณว่าชุดนี้ ฉันใส่แล้วเป็นไงคะ” เจสสิก้าหมุนตัวไปมาให้สามีดู “สวยดีครับ เหมาะกับคุณมาก” เตชินท์ยืนกอดอกมองชุดเดรสหรูมียี่ห้อราคาแพงเป็นหมื่น “ใจคอจะไม่ติกันบ้างเหรอคะ” เจสสิก้าอายจนหน้าแดง เมื่อสามีมอง “ก็คุณสวยจริงๆนี่ครับ” เตชินท์พูดจากใจ พร้อมทั้งเดินตามหญิงสาวเข้าไปยืนเกาะประตูห้องลองเสื้อ เขาแอบมองเธอกำลังเปลี่ยนชุด “คนบ้าแอบมองฉันเหรอ” เจสสิก้าแกล้งร้องโวยวาย ทำท่างอนชายหนุ่ม “ไม่ได้แอบมองครับ แต่ผมตั้งใจมองจริงๆ” เตชินท์ดันประตูด้วยเท้า เมื่อหญิงสาวจะปิดประตู “นี่ค่ะเอาทุกชุดเลย อยากไม่ติดีนัก จ่ายให้ฉันด้วยนะคะ” เจสสิก้ายืนหันหลังให้ชายหนุ่ม เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเขา และเมื่อเสร็จแล้วก็เอาชุดสวยให้สามี “ครับคุณผู้หญิง” เตชินท์ทำหน้าทะเล้นใส่ภรรยา แล้วทำเหมือนว่าเธอเป็นเจ้าหญิงแสนสวย เขาผายมือโค้งคำนำเชิญให้หญิงสาวเดินนำหน้า ซึ่งเขาเองก็เดินตามหลังไปยังเคาน์เตอร์จ่ายเงิน…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD