[ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ] ข้อความจากลลิตาทำให้เขาฉีกยิ้ม หลังจากไปส่งเธอที่คอนโดมิเนียมมาแล้ว ไม่นานสาวเจ้าก็ส่งข้อความกลับมา
“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มพิมพ์ข้อความกลับ ระหว่างที่เดินเข้าไปยังบริษัทของเขา วันพรุ่งนี้ทำงานแล้ว ปกติหากไม่ได้กลับบ้านเขาก็นอนที่บริษัท ซึ่งมีห้องสำหรับนอนของเขาอยู่แล้ว
[คุณพีร์ถึงยังคะ]
“ถึงแล้วครับ กำลังจะไปอาบน้ำแล้วนอนเลยครับ”
[อ้อ ถ้าอย่างนั้น...ฝันดีนะคะ]
“ครับ ฝันดีนะครับ” รณพีร์พิมพ์ตอบกลับ ก่อนที่เขาจะกดออกจากห้องแชตของเธอ แต่พอจะกดออกจากแอปพลิเคชันไลน์ สายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับห้องแชตของเจนจิรา
“ยัยบ้า” เขาสบถด่าเธอออกมา ไม่เคยกดเข้าไปอ่านข้อความของหล่อนเลย แต่หลังจากวันที่ตนโทรไปต่อว่า ก็อยากจะรู้นักว่าหล่อนส่งข้อความอะไรมาหาเขา ชายหนุ่มกดเข้าไปอ่าน
[ทำไมทำอย่างนี้คะ ฉันมีพี่คนเดียว แต่ว่าพี่นอกใจฉัน]
“นอกใจบ้าบออะไรวะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำคนเดียว เมื่อไรตนจะหลุดพ้นจากเธอคนนี้ เจนจิราผู้หญิงน่ารำคาญที่สุดในโลก ทว่าพอเขาจะกดออก
ติ้ง!
ก็มีข้อความเข้าจากเธออีกครั้ง
[อ่านด้วย]
[ดีใจจัง]
[ยังไม่นอนเหรอคะ ฉันนอนไม่หลับเลย]
[นอนละเหรอ]
[ฝันดีนะคะ]
เจนจิรารัวข้อความมารัว ๆ ก่อนที่เขาจะออกจากห้องแชตของเธอ รณพีร์ไม่สนใจข้อความของเธอเสียด้วยซ้ำ เขาไม่อยากพูด ไม่อยากคุยอะไรกับเธอต่อ ชายหนุ่มไม่อยากยุ่งอะไรกับเธอทั้งนั้น...
หลายวันต่อมา...
ตึกสูงระฟ้านี้เป็นสำนักงานของบริษัทเอเจกรุป เจนจิรามาฝึกงานกับคนเป็นพ่อวันแรกหลังจากกลับจากอังกฤษ เธอไม่อยากมาเท่าไรนัก แต่ถ้าอยู่บ้านก็น่าเบื่อเกินไป พอจะไปหารณพีร์ก็ไม่อยากรบกวนเวลางานของเขา แม้นจะเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง แต่เธอก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก เพราะฉะนั้นแล้วอะไรที่เขาชอบ เธอไม่เคยขวาง ยกเว้นเรื่องผู้หญิง
“ต่อไปนี้บริษัทนี้จะเป็นของหนู พ่ออยากให้หนูตั้งใจฝึกงานนะ” โชคอานันต์ตั้งใจจะให้เจนจิราขึ้นเป็นประธานกรรมการบริหาร แม้นว่าเธอจะเป็นผู้หญิง และด้วยความที่เธออายุยังน้อยนั้นคณะกรรมการคนอื่นไม่เห็นด้วย หากแต่งตั้งมีหวังหุ้นร่วงระนาว แต่เขาก็เลือกแล้ว
“ค่ะ แต่หนูอยากให้พี่พีร์เป็นประธานบริษัทของเราค่ะ พี่พีร์เก่งมากเลยนะคะ ตอนนี้ก็บริหารบริษัทของตัวเองจนทำกำไรร้อยล้านทุกปีเลย” อันนี้เขาเห็นด้วย แต่ถ้าเจ้านั่นรักลูกสาวของเขาสักนิด โชคอานันต์จะไม่ขัดขวางเลยหากอีกฝ่ายจะนั่งเก้าอี้บริหารแทนเขา
“หึ เอาเถอะ รอให้ถึงวันนั้นก่อน ตอนนี้หนูก็ตั้งใจฝึกงานนะ” เธอยังมีเวลาอีกหลายปี อายุยังน้อยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้เยอะ ๆ เขาเชื่อว่าลูกสาวคนนี้จะเป็นผู้บริหารที่เก่งกาจ เชื้อไม่ทิ้งแถวหรอก
“ค่ะ หนูจะตั้งใจ...จีบพี่พีร์มาช่วยงานพ่อให้ได้” เธอยื่นหน้าไปกระซิบกับคนเป็นพ่อเบา ๆ ทำเอาบิดาหัวเราะลั่น
“ฮ่า ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิลูกพ่อ” ฝ่ามือหนาตบอกตัวเอง ทำทีเหมือนภูมิอกภูมิใจในตัวลูกสาว ทำให้เจนจิราตลกไปด้วย
“คุณพ่อกำลังประชดหนูใช่ไหมคะ ฮ่า ๆ” เธอหัวเราะเช่นกัน ไม่มีใครรักเธอเท่าพ่อแม่แล้ว หญิงสาวรู้สึกถึงความรักที่คนเป็นพ่อมอบให้ “แล้วเรื่องที่หนูขอล่ะ พ่อทำให้ยังคะ”
“เรียบร้อยแล้วแหละ เดี๋ยวก็ได้เรื่อง คลินิกส่วนใหญ่สต็อกอุปกรณ์ทางการแพทย์ไว้เยอะพอสมควร แต่เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงรู้ตัวว่าไม่มีบริษัทไหนขายอุปกรณ์ให้” เขาได้ทำการติดต่อบริษัทที่จัดจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์เรียบร้อยแล้ว ว่าไม่ให้ขายสินค้าให้กับคลินิกของหมอลลิตา
“โอเคค่ะ หนูรักพ่อที่สุด” เธอเดินเข้ามาคล้องแขนคนเป็นพ่อ ซึ่งบิดานั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ สมาร์ตในวัยเพียงห้าสิบต้น ๆ ซึ่งถือว่าไม่แก่เลยหากเทียบกับคนอื่นในวงการนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
“เอาละ ไปทำงานได้แล้ว” บิดาหาพี่เลี้ยงให้เธอ ซึ่งก็เป็นก้องเกียรตินั่นเอง เขามายืนรอเธอแล้ว
“หนูอยากได้คนอื่นค่ะ” เอ่ยพูดโดยไม่มองอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ
“เรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ พี่ก้องทำงานได้ดีมากเลยนะเจนนี่ อีกอย่างพ่อก็อยากให้หนูสนิทกับพี่เขา”
“แต่ว่า...”
“พ่อขอเรื่องนี้ได้ไหม เรื่องอื่นพ่อไม่เคยบังคับหนูเลย หนูก็รู้” เจนจิราเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เธอไม่ชอบขี้หน้าของก้องเกียรติเลย
“_” เธอย่นจมูกเล็กน้อยอย่างคนไม่พอใจ จนสุดท้ายแล้วคนเป็นพ่อก็ไม่อยากขัดใจเธออยู่ดี
“โอเค ๆ ถ้างั้นเดี๋ยวพ่อหาพี่เลี้ยงคนใหม่ให้”
“จริงเหรอคะ!!” โพล่งออกมาเสียงดัง เธอขยับเข้าคล้องแขนผู้เป็นพ่อพร้อมกับซบลงที่หัวไหล่ของท่าน
“อืม ทำไงได้ก็ลูกไม่อยากให้พี่ก้องเขาช่วยสอนงานนี่” เจนจิราฉีกยิ้ม ไม่ว่าอย่างไรคนเป็นพ่อก็ตามใจเธอเสมอ
“ขอบคุณนะคะ” เธออยากขอบคุณพ่อแม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“งั้นหนูไปนั่งรอก่อนก็แล้วกัน”
“ค่ะ” ว่าแล้วก็ผละตัวออกห่างจากผู้เป็นพ่อ แต่ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานที่คนเป็นพ่อจัดเตรียมไว้ให้นั้น สายตาของเธอก็ปะทะกับสายตาของก้องเกียรติเต็ม ๆ ซึ่งแววตาไม่พอใจของเขานั้นก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินบทสนทนาของเธอทั้งหมด กระนั้นเธอก็ไม่แยแส มิหนำซ้ำยังไหวไหล่ขึ้นอีกด้วย ราวกับว่าจงใจที่จะเยาะเย้ยเขา
“ได้ยินแล้วใช่ไหม” โชคอานันต์เดินไปพูดกับว่าที่ลูกเขย
“ครับ แต่คุณอาครับ ผมอยากดูแลเจนนี่จริง ๆ นะครับ”
“อาเข้าใจ”
“เข้าใจแล้ว แต่ทำไมถึง...”
“อาไม่อยากบังคับเจนนี่” ก้องเกียรติยังพูดไม่จบ คนอาวุโสกว่าก็รีบเอ่ยแทรก “เอาเป็นว่าเข้าหาน้องห่าง ๆ ก็พอ อย่าทำให้น้องอึดอัด” ได้ยินแล้วก็อยากจะสบถออกมาดัง ๆ อย่างคนหงุดหงิดไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่อดกลั้นไว้ในใจเพียงเท่านั้น
“ครับ” เขาทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้หรอก มันไม่ได้ง่ายอย่างที่ต้องการนัก ก้องเกียรติกำมือเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดหลังมือปูดโปน มองแผ่นหลังของโชคอานันต์ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ จนแผ่นหลังหนานั้นหายลับสุดสายตา...
ลลิตามีสีหน้าไม่สู้ดีนักหลังจากพยาบาลแจ้งว่าไม่สามารถสั่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้แล้ว แม้แต่ซิลิโคนเสริมดั้งจากโรงงานก็ไม่สามารถสั่งได้ ออร์เดอร์ถูกปฏิเสธอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่เธอรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
“นังเจนนี่” หญิงสาวพึมพำเอ่ยชื่อศัตรูตัวฉกาจ หากเป็นเช่นนี้มีหวังคลินิกของเธอไปไม่รอดแน่ ลูกค้าที่จองคิวได้ทำศัลยกรรมคงเตรียมด่าเธอแล้ว คิดได้อย่างนั้นเธอก็รีบกดโทรศัพท์โทรหารณพีร์ทันที
ติ๊ด!
ซึ่งรอไม่นานเขาก็กดรับ
[ว่าไงครับ คิดถึงผมเหรอ] พอรับแล้วเขาก็หยอดคำหวานทันที แต่ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย
“พีร์คะ อยู่ ๆ โรงงานก็ปฏิเสธออร์เดอร์จากคลินิกของลิตาค่ะ” เธอว่าเสียงอ่อน พยายามที่จะไม่ใส่อารมณ์ในน้ำเสียงนี้
[จริงเหรอครับ ฝีมือเจนนี่แน่เลย] เขามีน้ำเสียงแปลกใจ กระนั้นมันก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วง
“ทำไงดีคะ”
[เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ ไม่ต้องห่วง] เขาพูดประโยคเดิมก่อนหน้านี้ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่อง จะให้เธอไว้วางใจอีกครั้งก็คงยาก
“แน่ใจนะคะ”
[ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย] พอเขาพูดจบก็กดตัดสายทิ้งไป คงไปจัดการให้เธออย่างที่ปากพูด ลลิตาถอนหายใจออกมาเบา ๆ แต่จะถอยก็คงไม่ได้แล้ว เธอเดตกับเขามาหลายวัน เขาดีมากเกินกว่าจะปล่อยไป...