ตอนที่ 18 ชดเชย

1652 Words
“อาอวิ้น ข้าขอโทษ” หลัวเจี้ยนคังตกใจที่อยู่ดีๆ เกาซ่งอวิ้นก็โผล่มา จึงเผลอเอ่ยคำขอโทษออกมาอย่างน่าสงสัย “ท่านลุง ท่านขอโทษข้า ขอโทษสามพี่น้องสกุลถัง ท่านมีเรื่องที่ปิดบังข้าอยู่ใช่หรือไม่” “ข้าผิดไปแล้ว เจ้ายกโทษให้ข้าเถิด ข้าไม่ได้อยากทำเช่นนั้นเลยจริงๆ แต่เป็นเพราะบิดาเจ้าดีต่อข้า ข้าจึงอยากตอบแทนโดยการช่วยเหลือเจ้า” หลัวเจี้ยนคังตอบคำถามสับสนวกวนอย่างไม่มีสติ “เอาเถิดท่านลุง ข้าเองก็มีเรื่องทุกข์ใจอยู่เช่นกัน เช่นนั้นข้าจะนั่งดื่มเป็นเพื่อนท่านเอง” เกาซ่งอวิ้นนั่งลงกับพื้นดินข้างบุรุษสูงวัยที่กำลังประหม่า แต่สุดท้ายหลัวเจี้ยนคัง ก็เลิกคร่ำครวญแล้วส่งไหสุราไปให้ชายหนุ่ม “น้องสาวข้าดีกับเจ้าหรือไม่” หลังจากเงียบไปนานสุดท้ายหลัวเจี้ยนคังก็ควบคุมสติได้และถามคำถามออกมา “ท่านน้าเลี้ยงดูข้าไม่ต่างจากบุตรชายแท้ๆ ข้าย่อมสำนึกขอรับ” “หากนางทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงไป เจ้าจะอภัยให้นางได้หรือไม่” หลังเจี้ยนคังกล่าวพลางน้ำตาไหล หลานชายกำลังจะเป็นขุนนางซ้ำยังเป็นคนซื่อสัตย์ ตนอยากรับความผิดเอาไว้เพียงผู้เดียว แต่หากเปิดเผยออกไปหลัวซิ่นย่อมไม่พ้นต้องถูกลงโทษไปด้วย “ท่านลุง ข้าแอบฟังท่านมาพักใหญ่แล้ว และคิดว่าพอจะจับต้นชนปลายบางอย่างได้ ถังจื่อรั่วนางไม่ได้หนีไปใช่หรือไม่และเรื่องนี้ยังเกี่ยวกับท่านน้าหลัวและท่านลุงอีกด้วย ท่านเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ข้าฟังเถิดขอรับ หากแก้ไขสิ่งใดได้เราจะได้ช่วยกันแก้ ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องท่านน้า นางมีบุญคุณกับข้า” หลัวเจี้ยนคังเทสุราเข้าปากคำโต ก่อนจะเริ่มเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ชายหนุ่มฟังจนหมดสิ้น ตลอดเวลาเกาซ่งอวิ้นเผลอกำมือเอาไว้แน่นพยายามข่มกลั้นความสะเทือนใจเอาไว้ ภาพความทรงจำวัยเด็กที่ถังจื่อรั่วนำขนมที่นางชอบมาให้ตน แต่สายตาหวงแหนไม่ยินยอมของนางยังคงจดจ้องอยู่ที่ขนมชิ้นนั้นไม่วางตา เด็กน้อยน้ำตาคลอเบ้าแต่ก็ยังมอบขนมชิ้นนั้นให้เขาอยู่ดี นางจะไม่ดีกับผู้ใดก็ตาม แต่นางยังคงดีกับตนเสมอ เป็นเขาที่เอาหลัวลู่จิ่ว บุตรสาวของหลัวซิ่นไปเปรียบเทียบกับถังจื่อรั่วแล้วตั้งท่ารังเกียจนางขึ้นมา และยังไม่เคยออกมาตัดสินหรือสั่งสอนนางยามที่ทะเลาะกับหลัวซิ่น จนอีกฝ่ายย่ามใจกล้าลงมือกับเด็กสาว หลัวเจี้ยนคังเมามายหลับใหลไปด้วยความทุกข์ใจ และเป็นเกาซ่งอวิ้นที่แบกเขาขึ้นหลังกลับมาเรือนสกุลเกา ไร้ซึ่งความโกรธแค้น แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงนอนไม่หลับและนั่งพิจารณาเรื่องราวของสามพี่น้องแซ่ถังจนถึงรุ่งสาง ………. งานเลี้ยงร่วมแสดงความยินดีกับเกาซ่งอวิ้นถูกจัดขึ้นตามปกติ และเกาซ่งอวิ้นทำราวกับว่าเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขายังคงพูดคุยกับนางหลัวซื่อด้วยความนอบน้อม แม้กับหลัวเจี้ยนคังและคนอื่น ๆ ชายหนุ่มก็ไม่ได้ชักสีหน้าเข้าใส่แต่อย่างใด ทั้งยังไม่ได้เอ่ยปากถึงเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้เมื่อคืนแม้แต่ประโยค ชาวบ้านในหมู่บ้านหนิงป่อก็ไม่ได้คิดเอาเปรียบบ้านสกุลเกาและนางหลัว พวกเขาล้วนมีข้าวของติดไม้ติดมือนำมาเป็นวัตถุดิบส่งมายังเรือนสกุลเกาตั้งแต่เช้า สตรีในหมู่บ้านมาช่วยกันทำอาหารสำหรับงานเลี้ยง กล่าวคำชื่นชมเกาซ่งอวิ้นและนางหลัวไม่หยุดปาก ทำให้นางหลัวซื่อได้หน้าส่งสุราออกไปให้แขกเหรื่ออย่างไม่ตระหนี่ กว่าชาวบ้านจะลากลับไปด้วยความสุขและอิ่มจนพุงกางเวลาก็ล่วงมาถึงยามเซิน (15.00-16.59) เรือนสกุลเกาจึงหลงเหลือเพียงครอบครัวสกุลหลัวและเกาซ่งอวิ้นเท่านั้น “อาอวิ้น ข้ากับท่านลุงทั้งสองของเจ้าจะเดินทางกลับหมู่บ้านเสียวันนี้เลย ไม่อยู่ค้างคืนที่นี่ต่อหรอกนะ แต่ข้ามีเรื่องจะหารือกับเจ้าสักหน่อย” บิดาของนางหลัวเปิดปากออกมาเป็นคนแรกเมื่อทุกคนมานั่งพักผ่อนรวมตัวกันอยู่กลางลานเรือน “ท่านตามีสิ่งใดจะชี้แนะหลานหรือขอรับ” “เรื่องการหมั้นหมายของเจ้านั่นล่ะ เวลานี้เจ้าก็อายุ 17 ปีแล้ว อีกหน่อยยังต้องเข้าร่วมสำนักศึกษาของทางการเพื่อเตรียมสอบจูเหรินอีก กว่าจะเสร็จสิ้นการสอบที่ยาวนานเจ้าคงไม่มีเวลาคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ อีกอย่างเจ้าต้องจากบ้านจากเมืองไปอยู่ที่อื่น ไม่สู้ตบแต่งภรรยาไว้ก่อนจะดีกว่า” “หลานหมั้นหมายกับถังจื่อรั่วมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนก็ทราบเรื่องนี้กันดีอยู่แล้วมิใช่หรือขอรับ เวลานี้นางไม่อยู่ที่นี่การแต่งงานของข้าก็ยังไม่อาจจัดขึ้นได้” เกาซ่งอวิ้นก้มศีรษะลงเล็กน้อยตามองต่ำลงพื้นตอบคำอย่างสุภาพ “อาอวิ้น ข้าก็เล่าเรื่องของนางให้เจ้ารับรู้แล้วอย่างไร นางเป็นฝ่ายผิดต่อเจ้าก่อนเรื่องนี้คนในหมู่บ้านล้วนรู้กันทั่ว เจ้าไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบนางแม้แต่น้อย” นางหลัวขมวดคิ้วเขม็ง เอ่ยอย่างขัดใจ “เจ้าหยุดปากไปเสียน้องเล็ก ท่านพ่อท่านแม่ก็เช่นกัน นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของหลานชาย พวกเราเป็นผู้อื่นจะเข้ามาวุ่นวายด้วยเหตุใด” หลัวเจี้ยนคังรีบยับยั้งการกระทำของคนทั้งหมด ตลอดทั้งวันเกาซ่งอวิ้นไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็บุญเท่าใดแล้ว บิดามารดานั้นไม่เท่าใด พวกเขาไม่ได้ล่วงรู้ความลับนี้ด้วย แต่น้องสาวคนเล็กกลับสอดคำขึ้นมาหน้าตาเฉยอย่างไม่ละอายแก่ใจ ทำให้ตนโมโหขึ้นมา “ท่านลุงกล่าวตามจริงข้าก็คิดจะคุยเรื่องนี้หลังจากเสร็จงานเลี้ยงไปแล้วอยู่เช่นกัน ในเมื่อท่านตาท่านยาย ท่านน้ากล่าวออกมาก็คุยกันให้รู้เรื่องเวลานี้ไปเสียทีเดียวก็ได้ขอรับ” ได้ยินคำของเกาซ่งอวิ้น หลัวซิ่นค่อยเผยรอยยิ้มกว้างออกมาได้อีกครั้ง ที่แท้บุตรชายเลี้ยงก็ไม่ได้โง่งม ยังรู้จักวางแผนเรื่องการแต่งงานไว้ล่วงหน้า แต่เป็นเพราะยังไม่ทันได้พูดคุยกันให้รู้เรื่องเท่านั้น เรื่องการแต่งงานชายหนุ่มจะไปนึกถึงผู้ใดได้นอกจากบุตรสาวของตนที่ใกล้ชิดเขามากที่สุด หลัวเจี้ยนคังมองใบหน้าของน้องสาวแล้วก็ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง ที่แท้เกาซ่งอวิ้นก็ไม่ได้คิดปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป แต่เป็นเพราะเขาให้เกียรติหลัวซิ่นในฐานะมารดาเลี้ยงมากพอ จึงไม่ได้โวยวายทำลายงานเลี้ยง รอจนเหลือแต่คนในครอบครัวถึงได้คิดหยิบยกเรื่องนี้ออกมาพูด พอคนทั้งหมดได้ยินความจริงจากปากของเกาซ่งอวิ้น และยังมีหลัวเจี้ยนคังพยักหน้าละห้อยอย่างจำนนเป็นการยืนยันแล้ว มารดาของหลัวซิ่นก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไปทันที หลัวเจี้ยนคังจึงได้ไล่ภรรยาและสะใภ้รองให้พาหลานๆ แยกออกไปดูท่านยายด้วยความอับอาย “อาอวิ้น ทั้งหมดนี้ข้าก็ทำเพื่ออนาคตของเจ้านะ เจ้าคิดจะส่งข้าให้ทางการหรือไร” หลัวซิ่นหน้าซีดเผือด รีบร้องขอความเป็นธรรมอย่างไม่สลด “ท่านน้า หากข้าคิดเอาโทษกับท่าน ข้าคงจัดการไปเสียตั้งแต่เช้าแล้ว” เกาซ่งอวิ้นปรายตามองมารดาเลี้ยงอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก แทนที่นางจะสำนึกผิดกลับกลายเป็นอ้างว่าทำเพื่อตน แต่จะโยนความผิดทั้งหมดไปให้หลัวซิ่นก็ไม่ได้เช่นกัน เรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตนหลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบเจอถังจื่อรั่วและตั้งท่ารังเกียจนางอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ทำอะไรให้ชัดเจนก่อน “แล้วเจ้าคิดเห็นอย่างไรอาอวิ้น บอกพวกเรามาเถิดว่าเราสองคนพี่น้องจะชดเชยสิ่งใดให้กับเจ้าได้บ้าง” หลัวเจี้ยนคังมีสำนึกรับผิดชอบที่ดีกว่า หลานชายก็ไม่ได้มีท่าทีคุกคามทำให้ตนยินยอมอย่างราบคาบ “ข้าจะให้โอกาสท่านน้าแก้ไขความผิดที่ท่านก่อมาเอง หลังจากนี้ไม่ว่าด้วยวิธีการใด ท่านต้องอธิบายให้คนในหมู่บ้านเข้าใจว่าถังจื่อรั่วไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสีย แต่เป็นท่านที่โกรธเคืองนางจึงคิดปล่อยนางไปใช้ชีวิตกันเองตามยถากรรม” “เช่นนั้นก็ไม่เท่ากับว่าข้าต้องกลืนน้ำลายตนหรอกหรือ ข้าไม่ยอมหรอก” หลัวซิ่นคิดว่าตนยังคงควบคุมลูกเลี้ยงได้อยู่ นางจึงกล้าต่อปากต่อคำ “หากท่านไม่ทำเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ลังเลที่จะบอกความจริงทั้งหมดให้ทางการได้รู้ พวกเขาจะได้ช่วยกันตามหาสามพี่น้องสกุลถัง เวลานั้นท่านค่อยพูดความจริงกับเจ้าหน้าที่ทางการก็ย่อมได้” “พอที!! ซิ่นเอ๋อร์ เจ้าจะให้ข้าอับอายผู้คนจนตายไปเลยหรืออย่างไร!! อาอวิ้นกตัญญูไม่เอาความเจ้าก็ดีเท่าใดแล้ว” ผู้เฒ่าหลัวบันดาลโทสะอย่างหนัก เมื่อเห็นกิริยาต่ำทรามของบุตรสาว เขาปรี่จะเข้าไปทุบตีหลัวซิ่นให้สาแก่ใจเดือดร้อนถึงสองพี่น้องสกุลหลัวต้องมาช่วยกันห้ามปราม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD