ตอนที่ 16 ข้อสงสัย

1841 Words
“ข้ากับเด็กๆ หายป่วยได้รวดเร็วเช่นนี้ย่อมเป็นเพราะตัวยาของท่านหมอจาง และโรคที่เราเป็นคงจะไม่ใช่โรคระบาดอย่างที่เข้าใจหรอก เจ้าไม่ต้องกังวลแล้ว รีบไปนอนเสีย ข้ากินเสร็จก็จะเข้านอนเหมือนกัน” เหม่ยซื่อเห็นว่าข้าวต้มก็ได้ที่แล้ว นางจึงถอนฟืนออกจากเตาคิดจะปล่อยให้สามีจัดการที่เหลือเอง “ข้าจะเข้าไปดูเลี่ยงหรงสักรอบ ข้าฝากท่านดูเสี่ยวเป่าด้วยแล้วกันนะเจ้าคะ" ตั้งแต่บุตรชายและบุตรสาวล้มป่วย สามีก็แยกไปนอนรวมกับบุตรชายคนรอง ส่วนนางก็มานอนเฝ้าบุตรสาวคนเล็ก ปล่อยให้บุตรชายคนโตที่แต่เดิมนอนกับน้องชายแยกไปนอนคนเดียวลำพัง นางนึกถึงคำพูดของหลานสาวสกุลจางที่ให้หมั่นเข้าไปดูลี่เลี่ยงหรงในคืนนี้ จึงคิดจะทำตามที่ได้รับปากกับนางเอาไว้ เปิดประตูห้องพักของบุตรชายคนโต นางเหม่ยซื่อเห็นเขานอนห่มผ้าตะแคงหันหลังให้ตน ทีแรกนางก็คิดจะกลับออกไปเพราะไม่เห็นว่ามีสิ่งผิดปกติ แต่สุดท้ายก็เดินมาอังมือไว้ที่ศีรษะของเด็กหนุ่ม “สวรรค์! เป็นไปได้อย่างไรกัน” เนื้อตัวของลี่เลี่ยงหรงร้อนราวกับเปลวเพลิง และยังมีเหงื่อไหลเปียกชุ่มทั้งใบหน้า เมื่อนางเลิกผ้าห่มออกเพื่อสัมผัสร่างกายบุตรชายก็ได้เห็นว่าแผ่นหลังเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ “ท่านแม่ ข้าหนาวเหลือเกิน” เด็กหนุ่มเพ้อออกมาเบาๆ ว่าหนาวแต่ร่างกายเขากลับแสดงผลออกมาตรงกันข้าม “เจ้าดื่มน้ำก่อน เดี๋ยวแม่จะไปต้มยามาให้” นางเหม่ยซื่อรีบเทน้ำใส่ถ้วยประคองให้บุตรชายลุกขึ้นมาดื่มได้จนหมดถ้วย จางจื้อจัดยาทิ้งไว้ให้นางอีกสองห่อ แต่นางเห็นว่าสามีและลูกอาการดีขึ้นแล้วจึงไม่ได้ไปต้มยาไว้เพิ่ม อาการของลี่เลี่ยงหรูเหมือนกับคนอื่นในช่วงที่ป่วยเป็นไข้ครั้งแรกไม่มีผิด นางจึงคิดจะใช้ยาของท่านหมอจางกับบุตรชายคนโตเช่นเดียวกัน คืนนั้นทั้งคืน ลี่กังและภรรยากลับต้องคอยดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับลี่เลี่ยงหรงเกือบจะทั้งคืน หลังจากดื่มยาชามแรกไปแล้วเด็กหนุ่มก็ตัวเย็นลงไปบ้าง แต่ผ่านไปอีก 2 ชั่วยามเขาก็กลับมาตัวร้อนไข้ขึ้นดังเดิม จนนางเหมยต้องมาต้มยาให้เขาดื่มซ้ำ “แปลกนัก ข้ากับเป่าเอ๋อร์และเจียเอ๋อร์ดื่มยาชามเดียวก็เกือบจะหายเป็นปลิดทิ้ง แต่เหตุใดหรงเอ๋อร์จึงไม่หายดีเหมือนพวกเราสามคนทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งเริ่มป่วยยังไม่มีตุ่มแดงขึ้นเลยด้วยซ้ำ” ลี่กังไม่เข้าใจว่ายาชนิดเดียวกันแท้ๆ แต่กลับส่งผลให้ตนกับบุตรชายคนโตต่างกัน “พรุ่งนี้ท่านหมอจางจะมาเยี่ยมพวกเราอีกครั้งค่อยให้เขาตรวจให้ละเอียดอีกครั้งก็แล้วกันเจ้าค่ะ ข้าคงต้องขออภัยหลานสาวจื่อรั่วอีกยกใหญ่ทีเดียวล่ะ หากไม่เป็นเพราะนางเตือนไว้ล่วงหน้า คืนนี้เจ้าใหญ่คงมีอาการหนักกว่านี้เป็นแน่" เหม่ยซื่อละอายกับความคิดที่ปรามาสเด็กสาวไปแล้วครั้งหนึ่ง ยังดีที่นางไม่ได้พูดคำดูหมิ่นจางจื่อรั่วไปมากกว่านี้ ………. จางจื้อและจางจื่อรั่วมาดูอาการของสามพ่อลูกอีกครั้งในวันต่อมา เมื่อมาถึงและได้พบว่าลี่เลี่ยงหรงมีอาการป่วยตามพี่น้องคนอื่นเหมือนอย่างที่หลานสาวกล่าวไว้เขาก็ตกใจยิ่งนัก ชายชราไม่ได้ยกย่องอวดตนว่าเป็นท่านหมอมากฝีมือ บรรพบุรุษสกุลจางล้วนเป็นชาวบ้านธรรมดาที่พอจะมีความรู้เรื่องสมุนไพรอยู่บ้างและพัฒนาความรู้และวิธีการรักษามาหลายชั่วอายุคน แต่ด้วยประสบการณ์ยาวนานเขายังไม่สามารถตรวจพบอาการป่วยของลี่เลี่ยงหรงได้ กลับเป็นหลานสาวที่เพิ่งจะเรียนรู้วิชาแพทย์ไม่กี่เดือนที่สามารถมองเห็นความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น “ท่านปู่ นั่นเป็นเพราะข้าเคยได้เห็นผู้ป่วยโรคหัดมาก่อนเจ้าค่ะ ถ้าพวกเขาเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นข้าคงไม่รู้ด้วยซ้ำ เดี๋ยวข้าไปต้มยาให้พี่ชายลี่ก่อนนะเจ้าค่ะ” เด็กสาวปฏิเสธสายตาชื่นชมของชายชราด้วยความถ่อมตน นางไม่ได้โกหก นางไม่ใช่หมอตัวจริง แม้ไม่เคยกินเนื้อหมูแต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง(1) จึงสามารถระบุโรคที่จางจื้อไม่เคยพบเจอมาก่อนได้เท่านั้น แต่สำหรับคนสกุลลี่ ที่เวลานี้ไม่ได้มีเพียงชายชรา ลี่กังและครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเท่านั้น ยังมีครอบครัวของบุตรชายและบุตรสาวอีกสามคนของท่านปู่ลี่ที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาร่วมดูการรักษาของท่านหมอจางอีกด้วย ก่อนหน้านี้คนที่เหลือในสกุลลี่ต่างก็พากันปิดห้องแยกข้าวของเครื่องใช้กับครอบครัวของพี่ใหญ่ลี่กังของพวกเขา ด้วยเกรงว่าจะติดโรคระบาด อยากจะหนีไปเสียให้พ้นก็ทำไม่ได้เพราะหิมะยังคงตกหนักอยู่ เวลานี้ได้เห็นพี่ใหญ่ลี่กัง ลี่เป่าและลี่เจีย หายเป็นปกติดีแล้ว แม้แต่รอยตุ่มแดงก็จางจนแทบจะกลืนไปกับผิวเนื้อ พวกเขาจึงมั่นใจว่าไม่ใช่โรคระบาด ถึงได้กล้าออกมาดูอาการของหลานชายลี่เลี่ยงหรงและอยากให้จางจื่อรั่วมาตรวจดูในช่องปากของทุกคนด้วย เพราะไม่แน่ว่าอาจมีผู้ใดป่วยโดยที่ยังไม่แสดงอาการขึ้นมาอีก จางจื้อปล่อยให้หลานสาวไปต้มยาและตรวจอาการของคนที่เหลือเพียงลำพังด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เพราะคนสกุลลี่ต่างก็ชื่นชมจางจื่อรั่วและยังยกย่องจางหย่งบุตรชายตนว่าเป็นบิดาที่ดีจึงได้ให้กำเนิดบุตรสาวที่ประเสริฐเช่นนี้ กลับจางเรือนสกุลลี่มาถึงที่เรือนสกุลจาง จางจื้อก็เรียกจางจื่อรั่วเอาไว้ “เรื่องที่เจ้าระบุโรคได้อย่างแม่นยำ และยังรู้อาการของโรคอย่างละเอียดยิบนั่นข้าไม่ติดใจ แต่ข้าก็ไม่ได้เลอะเลือนจนถึงขั้นจดจำไม่ได้ว่าข้าได้จัดสมุนไพรอะไรลงไปห่อยาให้พวกเขาบ้างหรอกนะ” จางจื่อรั่วถึงกับใจหายวาบ นางคิดว่าการที่ตนแอบเทยาจากระบบใส่ไปในชามยาต้มของผู้ป่วยนั้นแนบเนียนดีแล้ว ไม่นึกว่าท่านปู่ก็ยังสามารถค้นพบความผิดปกติได้อย่างง่ายดาย “ข้าเห็นแล้วว่าท่านคัดเลือกสมุนไพรที่ช่วยในการดับร้อน ลดไข้และยังเติมฝูหลิง (2) กับไป๋จู๋ (3) เข้าไปอีกเล็กน้อย นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก ปรับสมดุลธาตุและช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขับถ่ายของพวกเขา” เด็กสาวยังทำไม่รู้ไม่ชี้ แจกแจงสมุนไพรที่จางจื้อจัดส่งให้นางตามตำรับยาสกุลจาง “แล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องตุ่มแดงที่ลดลงอย่างรวดเร็วของพวกเขาอย่างไร เรื่องนั้นข้ายังไม่อาจวิเคราะห์สาเหตุของมันได้ จึงไม่มีสมุนไพรสักชนิดที่เกี่ยวกับผื่นคันเหล่านั้นใส่ลงไปในห่อยา” จางจื่อรั่วเม้มปากพยายามคิดหาคำตอบ แต่สุดท้ายก็ยังตอบไม่ได้ อย่างไรนางก็เป็นเพียงหมอกำมะลอเท่านั้น อาศัยใช้ยาจากระบบจึงได้ประสบความสำเร็จ รายละเอียดที่ลึกซึ้งสำหรับการแพทย์ในยุคโบราณต้องมาเทียบเคียงกับการแพทย์สมัยใหม่ นางยังไม่สามารถอธิบายออกมาได้ “ยาลดไข้ แก้ไอ แก้ท้องเสีย พวกนั้นข้าใช้มาไม่รู้เท่าใด ปกติยาที่ข้าต้มเองชามเดียวยังไม่อาจรักษาผู้ป่วยให้ฟื้นฟูขึ้นมาในระยะเวลารวดเร็วถึงเพียงนี้ อย่างน้อยก็ต้องให้พวกเขากินอีกหลายหม้อสักหน่อย แต่เมื่อเป็นเจ้าต้มยาชนิดเดียวกันออกมา กลับกลายเป็นว่าพวกเขาหายป่วยได้เร็วยิ่งนัก เจ้าคิดว่ามันน่าแปลกหรือไม่เล่า” “ท่านปู่ ท่านหยุดก่อนเถิดเจ้าค่ะ” ร่างเล็กโบกมือโบกไม้ให้กับจางจื้อ หากท่านปู่ไม่หยุดถามนางก็จะร้องไห้จริงๆ แล้วนะ จะให้นางตอบได้อย่างไรเล่า! ยาที่ส่งออกมาจากระบบ รวมเอาผู้มีความรู้ความสามารถจากโลกใหม่มาวิจัยและพัฒนาร่วมกันจนประสบผลสำเร็จ ตัวยาจึงมีความแตกต่างจากยาสมุนไพรโบราณยิ่งนักเพราะสกัดเอาแต่ส่วนสำคัญที่ต้องใช้ แทบจะไม่มีผลข้างเคียงหลงเหลืออยู่เลยด้วยซ้ำ มันจึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็ว “ท่านปู่ไม่รู้แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรกันเจ้าคะ ข้าคงเป็นลูกรักของสวรรค์ หรืออาจเป็นเพราะท่านพ่อท่านแม่และพี่สาวน้องสาวดีใจที่เราสามคนเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ ก็เลยให้พรข้าเป็นพิเศษกระมัง” หาเหตุผลไม่ได้ นางก็อ้างเรื่องลี้ลับมาตอบก็แล้วกัน ยกความดีให้บิดามารดาตนเองและครอบครัวห้าคนของจางหย่งบิดาในนามไปเสีย เวลานี้ป้ายวิญญาณของพวกเขาล้วนถูกทำขึ้นมาครบทุกคน เพียงแค่บางรายชื่อต้องถูกวางเอาไว้โดยมีผ้าคลุม เพราะท่านย่าเฉินไม่อาจทำใจรับได้เท่านั้น และในผ้าคลุมก็ยังรวมบิดามารดาสกุลถังของนางไว้ด้วยอีก โชคดีที่จางจื้อก็เพียงแค่สงสัยแต่ไม่ได้คิดจับผิดหลานสาว เขาเลยเต็มใจพยักหน้าคิดเห็นตามว่าจางจื่อรั่วได้รับพรพิเศษมาเท่านั้น (1) แม้ไม่เคยกินเนื้อหมูแต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง สำนวนจีน หมายถึงเราอาจจะไม่เคยประสบสิ่งนั้นมาด้วยตนเอง แต่เคยได้ยินหรือไม่เห็นมาก่อน อย่างไรก็ต้องรู้มาบ้าง (2) ฝูหลิง โป่งรากสน มีคุณสมบัติในการบำรุงกระเพาะและม้ามให้แข็งแรง เหมาะสำหรับท่านที่ถ่ายเหลว ท้องเสียบ่อย และยังต้านอาการวิงเวียนศีรษะ ปัสสาวะบ่อย นอนไม่หลับอีกด้วย (3) ไป๋จู๋ โกฐเขมา มีคุณสมบัติคล้ายฝูหลิงในการดูแลกระเพาะและม้าม สลายความชื้น ควบคุมเหงื่อ มักจะเป็นสมุนไพรที่ใช้ดูแลเกี่ยวกับทางเดินอาหาร และยังเป็นสมุนไพรบำรุงสำหรับผู้วางแผนมีบุตรอีกด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD