ตอนที่ 7 ถูกทิ้ง

1649 Words
“นี่ยังไม่ถึงอีกหรือ อีกนานเพียงใดกัน” ถังจื่อรั่วบ่นอุบ ยังดีที่วันนี้หิมะไม่ได้ตกและยังมีแสงแดดอ่อนๆ ทำให้การเดินทางไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่นางคาด แต่เมืองซุ่นโจวนี่ห่างไกลเพียงใดกันนะ เกวียนวัวหยุดพักให้วัวได้ดื่มน้ำ พวกนางก็ได้กินแป้งย่างไปคนละชิ้นแล้ว เท่ากับว่าอย่างน้อยเวลาก็ผ่านไปครึ่งค่อนวัน แต่นางยังมองไม่เห็นความเจริญหูเจริญตาเลยสักนิด สองข้างทางมีเพียงป่าเขาและพื้นที่รกร้าง ไม่มีบ้านเรือนสักหลัง “อย่ามาบ่น ใช่ข้าอยากจะพาเจ้ามาด้วยเสียเมื่อไร ถึงเมื่อใดก็เมื่อนั้นล่ะ หนทางไม่ใช่ใกล้ๆ” นางหลัวซื่อตวาดใส่ พลางมองพื้นที่โดยรอบ หวังจะหาสถานที่เหมาะๆ สักที่แล้วออกอุบายปล่อยให้เด็กสามคนลงจากเกวียน ตั้งแต่ออกจากหมู่บ้าน เกวียนวัวก็เลี้ยวไปคนละทิศทางกับเมืองซุ่นโจวมาตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาสองพี่น้องไม่ได้มีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัด ได้แต่พยายามไปให้ไกลที่สุด เดินตามเส้นทางที่สลับซับซ้อนไม่ให้เด็กสามคนจดจำเส้นทางได้ง่าย จวบจนเย็นย่ำท้องฟ้าเริ่มมืดลง ความหนาวกลับมาเยือนอีกครั้ง สายตาของหลัวซิ่นก็ได้พบสถานที่เหมาะที่ตนต้องการแล้ว “พี่ชายท่านนี้ ข้าว่าคืนนี้พวกเราไปพักค้างคืนที่นั่นกันสักคืนจะดีกว่า เมืองซุ่นโจวอยู่ข้างหน้าแล้วต่อให้ไปถึงก็ยังไม่สามารถไปพบบุตรชายข้าได้ พักที่นี่ไม่ต้องเสียค่าโรงเตี๊ยม แล้วค่อยไปหาเขาในยามเช้าจะเข้าท่ากว่ากระมัง” หลัวซิ่นชี้มือไปยังวัดรกร้างแห่งหนึ่ง นางมั่นใจว่าที่นั่นไม่มีผู้คนอาศัยอยู่แล้วอย่างแน่นอน ดูจากหลังคาที่พังทลายลงมาบางส่วนกับต้นหญ้าแห้งที่ขึ้นสูงรอบๆ ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดเหยียบย่ำมายังบริเวณนี้นานแล้วด้วยซ้ำ มีเพียงตุ๊กตาหินนักบวชยืนเฝ้าอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น “หากเมืองซุ่นโจวอยู่เบื้องหน้า เหตุใดเราจึงไม่รีบเดินทางไปให้ถึงเร็วๆ เล่า พักโรงเตี๊ยมย่อมสบายกว่าพักในสถานที่ที่แม้แต่นกยังไม่มาถ่ายเช่นนี้แน่นอน” ถังจื่อรั่วเบะปาก พอตกเย็นเนื้อตัวนางก็เริ่มสลับร้อนสลับหนาวเข้าอีกครั้ง นางต้องการพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เช้าใบหน้าของนางจะได้สดชื่นพร้อมที่จะพบกับว่าที่สามี “เจ้ามีเงินหรือไม่เล่า หากไม่มีก็หุบปากเสีย” หลัวซิ่นไม่ปล่อยให้หญิงสาวต้องคร่ำครวญอยู่นาน นางร้องสั่งคนขับเกวียนให้มุ่งหน้าไปทีวัดร้างทันที สองเด็กน้อยนั่งอยู่บนเกวียนเกือบจะทั้งวันจนพวกเขาแทบจะอดทนไม่ไหวอยู่แล้ว เมื่อลงจากเกวียนได้ก็รีบช่วยกันหาเศษผ้าที่ทิ้งไว้ในวัดร้างมาปัดกวาดเช็ดถู พาพี่ใหญ่ของพวกเขาลงมานั่งพักผ่อน นางหลัวหยิบตะกร้าแป้งย่างที่ยังเหลืออยู่เต็มตะกร้าออกมาวาง คนขับเกวียนก็กุลีกุจอช่วยก่อไฟเตรียมต้มน้ำอุ่นและขับไล่ความหนาวเย็น คนทั้งสองจงใจแบ่งแป้งย่างให้เด็กสกุลถังทั้งสามมากหน่อย เพื่อพวกเขาจะได้กินให้อิ่มและรีบหลับไปเสียเร็วๆ ………. เผลอหลับไปนานเท่าใดถังจื่อรั่วไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย ยามนี้ดวงตาของนางหนักอึ้ง สมองมึนงง และรู้สึกหนาวสั่นจนสะท้านไปทั้งร่าง รู้สึกได้ถึงมือน้อยๆ ของน้องสาวและน้องชายที่นอนอยู่ด้านข้างของนางฝั่งละคน เด็กน้อยพยายามซุกตัวมาใกล้นางให้มากที่สุดพร้อมกับกอดก่ายมือและเท้าไว้บนร่างแบบบาง ทำให้บางครั้งหญิงสาวก็ฝันกึ่งหลับกึ่งตื่นไปว่าตนกำลังถูกมัดด้วยเชือกเส้นใหญ่ ไม่สามารถกระดิกตัวได้แม้แต่น้อย ขณะที่กำลังทุรนทุราย หมายจะให้ร่างหลุดพ้นจากการถูกมัดตรึง หูของนางก็ได้ยินเสียงคนสองคนกำลังพูดคุยกันเบาๆ อยู่ไม่ไกล “แน่ใจนะว่าจะไม่มีผู้ใดมาเอาผิดเราได้” เสียงบุรุษลอยแว่วมาก่อน “พวกนางไม่มีญาติหลงเหลือ รู้จักก็แค่คนในหมู่บ้านเท่านั้นไม่มีผู้ใดสนใจตามหาพวกนางหรอกน่า” “แล้วอาอวิ้นเล่า นางเป็นคู่หมายเขานี่” “เขากำลังจะได้เป็นบัณฑิตอนาคตไกล สตรีอย่างนางหรือจะคู่ควรกับอวิ้นเอ๋อร์ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของอาอวิ้นด้วย พี่ใหญ่วางใจเถิดข้าเป็นน้องสาวท่าน ข้าย่อมไม่ทำให้ท่านเดือดร้อนเป็นแน่” ถังจื่อรั่วนอนฟังเสียงที่คุ้นเคยนั่นพูดคุยกันอีกหลายประโยค นางยังคงสับสนอยู่เล็กน้อย พี่อวิ้นของนางตัดสินใจอะไร หรือว่าพี่อวิ้นมาหานางที่นี่? พวกเขาจะเดือดร้อนเรื่องอันใดกัน? คิดอยากจะลุกก็ลุกไม่ไหว เวลานี้นางรู้สึกร่างทั้งร่างร้อนรุ่มดังเปลวเพลิง ลำคอและลมหายใจแห้งผากจนแสบร้อนไปหมด แต่ผิวกายภายนอกกลับหนาวจนสั่นสะท้านเข้าไปถึงกระดูก ความรู้สึกร้อนและเย็นสลับไปมาบนร่างช่างทำให้นางทุกข์ทรมาณยิ่งนัก ไม่นานเด็กสาวก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากับล้อเกวียนวัวที่เคลื่อนที่ผ่านหญ้าแห้งไกลออกไปทุกที นางยังคงครึ่งหลับครึ่งตื่นละเมอเพ้อไปด้วยพิษไข้ แต่นานเข้าก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่านางและน้องทั้งสองกำลังจะถูกทิ้งไว้ที่นี่!! และเกาซ่งอวิ้นคู่หมายของนางก็รู้เห็นเป็นใจ!! นางใช้ความพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือทั้งหมด พยุงร่างให้ลุกขึ้นนั่ง สองมือยันพื้นแล้วเริ่มคลานออกจากผ้าห่มหมายจะออกไปดูให้เห็นกับตาว่าเกาซ่งอวิ้นมาปรากฏตัวที่นี่หรือไม่ แต่สุดท้ายความคั่งแค้นในใจที่แทบจะระเบิดออก รวมเข้ากับอาการป่วยไข้ของเด็กสาว นางก็ทรุดร่างนอนคว่ำหน้าลงกับพื้นกระดานเย็นเยียบหลับใหลไปในที่สุด ………. ติ๊ด ติ๊ด!! เสียงเตือนอัตโนมัติของระบบ ดังขึ้นสองครั้ง จางจื่อรั่วเงยหน้าขึ้นมาก็พบเห็นเพียงความมืด เธอยื่นมือออกไปควานหาขวดยาตามความเคยชิน เมื่อสัมผัสได้กับขวดแก้วใบจิ๋ว เธอก็เปิดฝาส่งของเหลวใสในขวดเทเข้าปากทันที แล้วฟุบหน้าลงกับพื้นอีกครั้ง รอเวลาให้ยาออกฤทธิ์สักครู่หนึ่ง เมื่อลุกขึ้นได้ ร่างเล็กก็รีบมองหาแสงสว่างเพื่อสำรวจร่างกายตนเอง ในห้องแห่งนี้มืดเกินไป แต่ด้านนอกมีแสงจันทร์สาดส่องลงมา หญิงสาวรีบก้าวเท้ามุ่งหน้าออกไปภายนอกทันที “อุ้ย!” คล้ายว่าเธอเพิ่งจะเตะอะไรบางอย่างล้มลง “เอ๋! ทำไมมีสามขวดเล่า? ร่างกายฉันก็ปกติดีแล้วนี่” เด็กสาวงุนงงอย่างหนัก จางจื่อรั่วเป็นหญิงสาววัย 18 ปี ที่มาจากโลกอนาคต มารดาของเธอรับจ้างตั้งท้องอุ้มบุญให้กับคู่สามีภรรยาที่ร่ำรวย แต่ก่อนที่จะครบกำหนดคลอด สามีภรรยาคู่นั้นกลับเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน มารดาที่รับจ้างอุ้มท้องจึงคลอดจางจื่อรั่วออกมาแล้วทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล เพราะไม่มีปัญญาเลี้ยงดูทารกน้อย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจึงเลี้ยงดูจางจื่อรั่วเอาไว้ในโรงพยาบาล และเธอก็ได้รับโอกาสพิเศษในการทดลองใช้ระบบแพทย์เคลื่อนที่ ที่เพิ่งเริ่มพัฒนาและทดลองใช้เป็นครั้งแรก ทุกครั้งที่มีอาการเจ็บป่วย ระบบก็จะส่งขวดยาออกมา เธอก็ทำเพียงแค่ดื่มเข้าไปเท่านั้นเป็นประจำ เมื่อครู่เธอยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนป่วยด้วยเรื่องใด แต่ยาไม่เคยทำอันตรายกับเธอมาก่อนจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่เธอไม่ได้เลอะเลือนจนถึงขั้นจำไม่ได้ว่าตนดื่มยาไปแล้วหรือยัง เมื่อครู่เธอดื่มไปแล้ว 1 ขวด เหตุใดยังมียาอยู่อีก 2 ขวดกันเล่า? เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อยังมีคนป่วยอยู่ใกล้ๆ เธอแน่นอน เด็กสาวพยายามปรับสายตาในความมืด มองเห็นกลุ่มก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่งอยู่บนพื้นห่างจากเธอไม่ไกลนัก เธอค่อยๆ เดินไปใกล้ๆ ผ้ากองนั้นอย่างช้าๆ และเริ่มเห็นรูปร่างของมนุษย์สองร่าง “เป็นเพียงเด็กน้อยสองคน" จางจื่อรั่วไม่รอช้า หากระบบส่งยาออกมานั่นหมายความว่าเด็กสองคนนี้กำลังป่วย และต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน “โอ้ย ตัวเล็กแค่นี้ทำไมถึงหนักจัง” หญิงสาวยังไม่ได้ตระหนักว่าแท้จริงแล้วร่างที่เธอเข้ามาอาศัยอยู่เวลานี้มีอายุเพียง 14 ปีและยังอ่อนแอบอบบางกว่าร่างเดิมของเธอในวัย 18 ปีมากนัก หญิงสาวเปิดปากเด็กน้อยและป้อนยาให้ทั้งคู่คนละขวด จัดท่าทางให้เด็กสองคนได้นอนพักสบายๆ พร้อมกับห่มผ้าที่มีอยู่เพียงผืนเดียวให้กับทั้งคู่ ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจางจื่อรั่วก็ต้องทรุดตัวลงไปกุมขมับเอาไว้แน่น ความทรงจำจากร่างเดิมกำลังถ่ายทอดเข้าสู่เธอ แม้ศาสตราจารย์ฮันจะเตือนเธอเอาไว้แล้วว่าอาจจะพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ แต่หญิงสาวไม่คิดเลยว่ามันจะเจ็บปวดแสนสาหัสจนศีรษะแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD