ตอนที่ 6 อุบายของหลัวซิ่น

1694 Words
สามพี่น้องอาศัยกินมันเผากับผักป่าอยู่อีกหลายวัน จนในที่สุดลมหนาวก็มาเยือน ชาวบ้านล้วนหยุดการเพาะปลูก เตรียมตัวเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนทำให้เด็กสกุลถังทั้งสามหมดหนทางจะหาอาหารมาประทังชีวิตกันได้โดยง่าย นางหลัวซื่อก็ไม่ถึงกับคิดจะฆ่าจะแกงกัน นางยังนำข้าวสารกลับมาไว้ในครัว ตนเองก็ย้ายเอาเครื่องครัวและเสบียงกลับมาอยู่ที่เรือนสกุลเกาดังเดิม เพียงแต่นางและบุตรสาวไม่ยอมทำปรุงอาหารให้สามพี่น้องเท่านั้น จึงกลายเป็นหน้าที่ของถังเยียนและถังฮุ่ยหลินที่มาก่อไฟหุงหาได้แต่เพียงข้าวต้ม กินกับผักดองหรือเกลือตามมีตามเกิด “ท่านแม่ สิ้นสุดฤดูหนาวนี้ไปพี่ชายก็จะสอบแล้ว หากเขากลับมาแล้วรับนางเป็นภรรยาจริงๆ เราสองคนคงต้องเตรียมตัวย้ายออกจากเรือนสกุลเกากันแล้วล่ะเจ้าค่ะ” “เด็กนั่นดื้อรั้นนัก แต่แม่ก็ไม่รู้จะทำเช่นไรดีเหมือนกัน พวกเขาไม่มีญาติพี่น้องที่ใดแม้จะอยากออกไปจากที่นี่ก็ไม่มีที่ให้ไป เด็กเลวนั่นคงใคร่ครวญดีแล้วว่าต้องจับอาอวิ้นไว้ให้มั่น” “หากไม่มีนางก็คงจะดี” หลัวลู่จิ่วรำพันเบาๆ พี่ชายเกาซ่งอวิ้นยึดถือความกตัญญูเป็นเรื่องสำคัญ แม้จะดูออกว่าเขาไม่ได้ชื่นชอบถังจื่อรั่วแต่คงยอมรับนางเป็นภรรยาตามคำมั่นสัญญาเดิมที่บิดามารดาเป็นผู้จัดการเอาไว้ให้ มารดาอย่างไรก็เป็นแค่แม่เลี้ยง จะมีสิทธิ์ขาดเท่ากับภรรยาอย่างถังจื่อรั่วได้อย่างไรกัน หรือต่อให้เกาซ่งอวิ้นออกปากให้ตนสองแม่ลูกพักอาศัยอยู่ได้ เขาก็ไม่ค่อยได้อยู่ในเรือน ยิ่งหากสอบผ่านการคัดเลือกมีหน้าที่การงานต้องไปทำ ในเรือนจะเหลือพวกนางกับสามพี่น้องอยู่ด้วยกันเท่านั้น ยังไม่ทันจะตบแต่ง ถังจื่อรั่วก็ออกฤทธิ์ออกเดชถึงเพียงนี้ ชีวิตในภายภาคหน้าหากต้องร่วมชายคาก็ไม่มีวันเป็นสุข “ไม่ว่าจะเป็นเด็กบ้านถังหรือผู้ใด วันหนึ่งอาอวิ้นย่อมต้องแต่งภรรยา เราสองแม่ลูกคงหลีกหนีชะตานี้ไปไม่พ้น” นางหลัวซิ่นจับจ้องไปที่บุตรสาวพลางครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง นางไม่ใช่แม่พระพระโพธิสัตว์มาจากไหน จึงจะไม่รู้สึกมีความละโมบอยากได้อยากมีในสมบัติของเกาเหว่ยหลง แต่เมื่อเห็นว่าครอบครัวสกุลถังให้การช่วยเหลือเกาซ่งอวิ้นอยู่เมื่อครั้งพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ก็ยังละโมบอยากได้สินเดิมของถังจื่อรั่วจึงยินยอมอดทนทำตัวดี ทำงานหาเงินเลี้ยงดูเกาซ่งอวิ้น พอเด็กหนุ่มเริ่มเติบโตก็ฉายแววเป็นบัณฑิต ซ้ำยังกตัญญู ตนจึงเล่นตามน้ำไปต่อหวังว่าเด็กหนุ่มจะคิดถึงน้ำใจไมตรีที่ตนหยิบยื่นให้มาตลอดเป็นปากเป็นเสียงแทนนาง ไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นบุรุษไม่มีปาก จะหวังให้ปรามภรรยา เชิดชูมารดาเลี้ยงอย่างตนคงเป็นไปไม่ได้แน่ หากจะให้เกาซ่งอวิ้นยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของนางได้อย่างมั่นคง มีทางเดียวคือต้องหาทางยัดเยียดหลัวลู่จิ่วเป็นภรรยาเขาเสีย ขจัดปัญหาที่จะมาถึงตนในภายหน้า เกาซ่งอวิ้นเล่าเรียนอยู่ในสำนักศึกษามีแต่บุรุษล้วน กลับมาบ้านก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง มีเพียงหลัวลู่จิ่วคนเดียวที่เป็นหญิงสาวที่ใกล้ชิดเด็กหนุ่มมากที่สุด หากนางเปิดโอกาสให้หน่อย ไม่แน่ว่าแผนการนี้อาจสำเร็จ ติดอยู่ก็เพียงเด็กเลวสามพี่น้องนี้เท่านั้น ………. สภาพอากาศในเวลานี้เริ่มมีหิมะตกลงมาบางเบา สามพี่น้องสกุลถังได้กินแต่ผักต้ม ข้าวเปล่ามาเป็นเวลานาน เด็กน้อยสองคนผ่ายผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม้ฟืนในครัวนางหลัวก็จำกัดการใช้ เพื่อให้มีใช้ยาวนานไปตลอดฤดูหนาว หลายครั้งที่สามพี่น้องต้องมานอนกอดกัดเพราะไม่อาจจุดไฟเพิ่มความอบอุ่นได้ “พี่ใหญ่ ตัวท่านร้อนมากเลยเจ้าค่ะ พี่ไม่สบายหรือ” ถังฮุ่ยหลินเอามือเล็กๆ ไปแตะที่หน้าผากของถังจื่อรั่ว พยักพเยิดให้พี่รองของนางเข้ามาดูพี่สาวด้วยอีกคน “อืม เจ้าสองคนไปขอฟืนกับถ่านจากนังแก่นั่นให้ข้าสักหน่อยเถิด ข้าหนาวจนแทบจะขยับตัวไม่ได้อยู่แล้ว” ถังเยียนเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ เมื่อครู่พี่ใหญ่เพิ่งจะบอกว่าร้อนจนเหงื่อท่วมตัว ถีบผ้าห่มทิ้งลงบนพื้นอยู่หยก ๆ ครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นว่าหนาวอีกแล้ว แต่เมื่อพี่สาวสั่งเขาก็ทำตาม เมื่อนางหลัวได้ยิน นางก็ถึงกับมาดูอาการของเด็กสาวด้วยตนเอง สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับสามพี่น้องไม่น้อย “คงเป็นเพราะลมหนาวนั่นล่ะ คืนนี้พวกเจ้าก็เอาถ่านพวกนี้ไว้จุดเตาให้พี่สาวเจ้าหน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้ข้าจะรีบเข้าเมืองซุ่นโจวตั้งใจจะเอาถ่านกับผ้าไปเพิ่มให้อาอวิ้นที่สำนักศึกษา หากช้ากว่านี้คงจะเดินทางไม่ได้อีกแล้ว และข้าอาจจะไปต้องไปค้างคืนในเมือง ถ่านส่วนของข้าหนึ่งวันยกให้เจ้าสามพี่น้องก็แล้วกัน" ถังจื่อรั่วได้ยินชื่อซ่งอวิ้นนางก็ลุกพรวดขึ้นมาแม้ว่าจะยังรู้สึกมึนงง ตาลาย แต่โอกาสที่จะได้ไปพบเกาซ่งอวิ้นนางไม่อยากปล่อยไป “ข้าจะไปด้วย” “เจ้าป่วยมิใช่หรือ รอดูอาการพรุ่งนี้อีกสักวัน หากไม่ดีขึ้นข้าจะสั่งความลู่เอ๋อร์เอาไว้ให้นางไปตามท่านหมอมาดูเจ้า” “หากได้ถ่าน กับน้ำอุ่นสักหน่อยพรุ่งนี้ข้าก็หายดีแล้ว เจ้าคิดจะไปใส่ความเรื่องของข้าให้พี่อวิ้นฟังล่ะสิถึงไม่ยอมให้ข้าไปด้วย” เด็กสาวถลึงตาที่อิดโรยของนางอย่างไม่ยินยอม “เหอะ!! ข้ารึอุตส่าห์หวังดี แล้วแต่เจ้าเถิด อยากจะออกไปหนาวตายกลางทางก็แล้วแต่เจ้า” นางหลัวกล่าวจบก็สะบัดหน้าเดินออกจากห้องไป หลัวซิ่นระบายยิ้มออกมาเต็มใบหน้าอย่างมีความสุข สวรรค์เข้าข้างนางเหลือเกิน เดิมทีนางตั้งใจจะใช้อุบายนี้หลอกล่อให้ถังจื่อรั่วขอตามเข้าเมืองไปด้วยอยู่แล้ว และคิดจะนำเด็กสามคนไปทิ้งไว้ในที่ห่างไกล เวลานั้นนางก็จะประโคมข่าวออกไปว่าเด็กสาวไปถูกตาต้องใจชายหนุ่มในเมืองแล้วหลบหนีไปกับน้องสองคน กว่านางจะหาทางกลับมาที่หมู่บ้านหนิงป่อได้อีกครั้ง ก็กลายเป็นสตรีมีมลทิน เกาซ่งอวิ้นย่อมมีเหตุให้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายได้อย่างไม่รู้สึกติดค้างสกุลถังอีก ไม่คิดว่าจังหวะจะประจวบเหมาะที่ถังจื่อรั่วป่วยไข้เข้าพอดี เช่นนี้นางก็จะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัว หรือหากจะป่วยตายไปเสียเลยก็ยิ่งดี!! เช้าวันรุ่งขึ้นหลัวลู่จิ่วก็ตกใจไม่น้อย คนขับเกวียนวัวที่ท่านแม่ของนางว่าจ้างเอาไว้กลับเป็นท่านลุงแท้ๆ ของนาง ที่อยู่หมู่บ้านข้างๆ แต่เมื่อนางกำลังจะเข้าไปทักทายผู้อาวุโส หลัวซิ่นก็เข้ามาสะกิดพร้อมส่งสายตาบางอย่าง รวมเข้ากับเมื่อเห็นว่าท่านลุงเจี้ยนคังก็ไม่ได้หันมามองหน้าทักทายตนเช่นกัน หลัวลู่จิ่วจึงได้กลับเข้าเรือนไปโดยเก็บความสงสัยเอาไว้เงียบๆ “น้องรอง น้องสามมาช่วยพยุงข้า” ถังจื่อรั่วยังคงรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อยู่ แต่เมื่อเห็นว่าอาการของตนไม่ได้ย่ำแย่ไปมากกว่าเดิม นางก็อดทนลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าหลายชั้น เอาผ้าห่มมาคลุมร่างเอาไว้แน่นหนา คิดว่าครั้งนี้อย่างไรก็ต้องไปพบเกาซ่งอวิ้นให้ได้ นางหลัวหันไปสบตากับพี่ชายของนางครั้งหนึ่ง ในใจรู้สึกไม่ผิดคาดที่ถังจื่อรั่วจะพาเด็กน้อยทั้งสองไปด้วย ยามปกติที่แข็งแรงดี สตรีเลวทรามผู้นี้ก็จิกหัวใช้น้องสองคนราวกับเป็นบ่าวไพร่อยู่แล้ว ประสาอันใดกับเวลานี้นางกำลังป่วย “หลัวซื่อ นั่นจะไปไหนกันหรือ” ชาวบ้านที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ร้องทักเมื่อเห็นเกวียนวัวกำลังเคลื่อนผ่านหน้าเรือนตน “เอาของไปส่งให้อาอวิ้นน่ะพี่สาว ช้ากว่านี้หิมะตกหนักเข้าจะเดินทางไม่ได้ ข้าฝากดูลู่เอ๋อร์ด้วยนะนางอยู่ที่เรือนเพียงลำพัง” “เอ้านั่นไม่ใช่เด็กสกุลถังหรอกหรือนั่น” สหายสตรีเพื่อนบ้านอุทานออกมา แปลกใจไม่น้อยที่ว่าที่แม่สามีลูกสะใภ้คู่นี้จะเดินทางร่วมกันได้ “นางขอไปเยี่ยมอาอวิ้นด้วยน่ะ ช่วงนี้พวกเขาสามพี่น้องทำตัวดีหน่อย ข้าก็เลยคิดจะพาไปเปิดหูเปิดตาด้วยสักรอบ” นางหลัวสะบัดหน้าเบะปากเล็กน้อยไปทางสามพี่น้องที่นั่งกอดกันกลมเป็นก้อน ถังจื่อรั่วใช้ผ่าห่มคลุมร่างตนเอาไว้คนเดียว ส่วนน้องชายน้องสาวทั้งสองของนางแม้จะสวมเสื้อผ้าหลายชั้น แต่ก็ไม่มีผ้าห่มคลุมร่าง หลัวซิ่นมองไปก็อดใจหายไม่ได้ นึกเวทนาสงสารเด็กน้อยสองคน แต่นางจำต้องตัดใจเบือนหน้าหนี จะให้นางเลี้ยงงูพิษสองตัวเอาไว้ในเรือนก็คงจะไม่ได้การเช่นกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD