“จื่อรั่ว เจ้าก็ให้น้อยๆ ลงหน่อย เจ้ายังไม่ทันได้ตบแต่งให้กับอาอวิ้น เวลานี้นางหลัวซื่อ (1) เป็นเจ้าของเรือนที่ให้เจ้าสามพี่น้องเข้ามาพักอาศัย หากไม่ได้นางพวกเจ้าทั้งสามก็ต้องนอนหนาวตายอยู่กลางลานบ้านที่ว่างเปล่าของเจ้าไปแล้ว เป็นคนต้องรู้จักรู้คุณจึงจะถูก” เหลียงเปียวไม่อาจทนฟังอยู่เฉย ตนเป็นหัวหน้าหมู่บ้านสมควรจะทำสิ่งที่ถูกต้อง
“ก็อีกแค่ 6 เดือนเท่านั้น” ถังจื่อรั่วเบ้ปากไม่ใส่ใจคำตักเตือน
นางกางมือสองข้างออกมาพลิกดูผิวเนื้อที่ขาวผ่อง มองข้ามขี้เล็บดำปี๋เพราะไม่ชอบอาบน้ำอยู่บ่อยครั้ง เด็กสาวเวลาอาบน้ำก็ไม่รู้จักขัดเนื้อขัดตัว เรียกได้ว่าเป็นสตรีที่สวยแต่รูปลักษณ์ภายนอกโดยแท้
“ข้าจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายนั่นเสีย อาอวิ้นเคารพข้าไม่ต่างจากมารดาและข้าก็ไม่เคยทำร้ายจิตใจเขา เขาย่อมทำตามที่ข้าเห็นควร เป็นนางที่ไม่คู่ควรกับบุตรชายข้า” หลัวซิ่นชี้มือไปยังเด็กสาวใบหน้างาม
“กล้าชี้หน้าพี่สาวข้างั้นหรือ?” ถังเยียนเด็กชายวัย 9 ปี เดินมาตบมือของหลัวซิ่น สายตาจับจ้องไปที่สตรีสูงวัยด้วยแววตาอาฆาตแค้นก้าวร้าวเกินเด็ก
“ดูเอาเถิด สตรีที่เลี้ยงดูน้องชายจนเสียนิสัยเช่นนี้ ต่อไปจะคลอดบุตรที่ดีออกมาได้อย่างไรกัน ข้าไม่มีวันยอมรับนางเป็นสะใภ้สกุลเกาเป็นแน่”
“เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาออกหน้าแทนพี่อวิ้น หากจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายก็มีเพียงเกาซ่งอวิ้นผู้เดียวเท่านั้นที่จะมาร้องขอ ไม่ใช่นังแก่อย่างเจ้า”
ถังจื่อรั่วมั่นใจเต็มที่ว่าเกาซ่งอวิ้นจะไม่ยกเลิกสัญญาหมั้นระหว่างนางและเขาแน่นอน แม้ว่าที่ผ่านมาชายหนุ่มจะไม่ยอมพบหน้านาง แต่เขาก็รับรู้แล้วว่าหัวหน้าหมู่บ้านพานางมาไว้ในเรือนสกุลเกาด้วยสาเหตุใด หากเขารังเกียจชื่อเสียงที่ไม่ดีของตนก็คงจะปฏิเสธไปเสียตั้งแต่แรกแล้ว นางคาดว่าเกาซ่งอวิ้นก็คงจะพึงใจกับความงามของตนไม่น้อย
“อาอวิ้นอายุ 16 ปีแล้ว เติบโตพอที่จะตัดสินใจเรื่องส่วนตัวของตนเองได้ ข้าเองก็เห็นว่าเรื่องนี้เจ้าคงต้องให้หลานชายมาตัดสินใจเอาเองกระมังอย่างไรเขาก็นับว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวสกุลเกาอยู่” เหลียงเปียวออกความเห็น
แม้ว่าจะสงสารนางหลัวซื่อและบุตรสาวไม่น้อย เพราะสองแม่ลูกคู่นี้ช่วยกันทำงานหาเงินเป็นเสาหลักให้เด็กชายสกุลเกาอยู่หลายปี ความประพฤติการกระทำล้วนดีงามไม่ได้เป็นแม่เลี้ยงใจร้ายอย่างที่ทุกคนคาดเดาเอาไว้
แต่เกาซ่งอวิ้นก็เติบโตเป็นชายหนุ่มไม่ได้เป็นเด็กเล็กๆ แล้ว ถังจื่อรั่วก็งดงามอรชร ไม่แน่ว่าชายหนุ่มอาจพึงใจนางอยู่และนางหลัวซื่อก็เป็นเพียงมารดาเลี้ยงเท่านั้น เหลียงเปียวจึงคิดให้เกาซ่งอวิ้นเป็นผู้ตัดสินใจจะดีกว่า
“ได้ ในเมื่อนางกล่าวว่าจะฟังแต่ความเห็นของซ่งอวิ้น วันนี้อาอวิ้นจะกลับมาพักที่เรือนพอดี หากเขาตัดสินใจยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย เจ้าก็อย่าได้หาทางหลบเลี่ยงอีกต่อไปเลยแล้วกัน ทุกคนเป็นพยานให้ข้าด้วย”
ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เด็กบ้านสกุลถังเข้าไปขออาศัยอยู่ในเรือนสกุลเกาแต่ไม่เคยช่วยหยิบจับงานใดๆ หลัวซิ่นพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการไม่ทำอาหารส่วนของพวกเขา คิดว่าถังจื่อรั่วจะนึกสงสารน้องสองคนแล้วเริ่มต้นทำมาหากินเองบ้าง
แต่กลับกลายเป็นว่านางสั่งให้น้องสองคนคอยขโมยของกินที่ทำเสร็จแล้วจากในครัวมาซุกซ่อนเอาไว้ในห้อง แอบกินกันสามพี่น้อง กินเสร็จก็ไม่เก็บทำล้างถ้วยจาน แม้แต่ถังฮุ่ยหลินเด็กหญิงที่เคยขยันขันแข็งก็เริ่มติดนิสัยเสียจากพี่ของนาง จนหลัวลู่จิ่วทนกลิ่นอาหารบูดเน่าไม่ไหวต้องตามมาคอยรับใช้พี่น้องสามคนนี้อยู่ร่ำไป
หลัวซิ่วเองก็มั่นใจในความยุติธรรมของลูกเลี้ยง เกาซ่งอวิ้นเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดี อ่อนโยน หากไม่ติดว่าต้องไปร่ำเรียนอยู่ในตัวเมือง เขาคงจะช่วยงานในไร่ได้ไม่น้อย กลับจากตัวเมืองมาคราวใดก็มักจะมีขนมของฝากมาให้กับลู่จิ่วบุตรสาวของนางเป็นประจำ
ความประพฤติของเด็กสาวสองคนในเรือน เกาซ่งอวิ้นรู้เห็นด้วยตาตนเองมาหลายครั้งแล้ว นางเชื่อว่าหากตนให้คำแนะนำเกาซ่งอวิ้นสักหลายประโยคหน่อย เขาก็คงจะตัดสินใจทำตามคำขอของนางได้ไม่ยาก
“พี่อวิ้นจะกลับมาวันนี้หรือ? ไปเร็วอาเยียน อาหลิน ไปเตรียมน้ำให้ข้าอาบ ข้าจะรีบไปรอรับเขากลับมา” ถังจื่อรั่วไม่ได้สนใจเรื่องที่หลัวซิ่นและบุตรสาวมาฟ้องเอาความกับหัวหน้าหมู่บ้านสักนิด ปล่อยให้น้องสองคนประคองแขนสองข้างพานางเดินกลับไปราวกับเป็นคุณหนูผู้บอบบาง เดินบนหนทางขรุขระไม่ได้
……….
สำนักศึกษาเหวินไค เมืองซุ่นโจว
“ท่านอาจารย์ วันพรุ่งนี้ศิษย์จะขอกลับมาพักที่หอพักในสำนักศึกษาเหมือนเดิมนะขอรับ” เกาซ่งอวิ้นเดินมาขออนุญาตกับอาจารย์ภายในสำนักศึกษา
“คราวนี้สำนักศึกษาหยุดเรียนถึง 8 วัน เจ้าไม่คิดจะอยู่บ้านให้นานสักหน่อยหรือ ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยได้กลับไปอยู่แล้วนี่”
“ที่เรือนมีคนอยู่หลายคนขอรับ ศิษย์อยากตั้งใจอ่านหนังสือให้มากอีกหน่อยก็เกรงว่าจะไม่มีสมาธิ อยู่ในสำนักศึกษาก็ไม่ได้ลำบากอันใด ตำราก็หาอ่านได้ง่าย สะดวกกว่ามากนัก”
“อย่าได้เคร่งเครียดจนเกินไปนักเลย เจ้าอายุเท่าใดกันเชียวหากพลาดครั้งนี้ก็ยังสอบใหม่ได้อยู่ ความสำเร็จของบุรุษผู้หนึ่ง หากไร้ครอบครัวมาร่วมยินดีเจ้าจะพยายามไปเพื่อผู้ใดกันเล่า? เอาเถิดจะอยู่ก็อยู่ไประวังฟืนไฟให้ดีก็แล้วกัน”
เกาซ่งอวิ้นเพียงยิ้มรับและคำนับส่งท่านอาจารย์ด้วยความสุภาพ เขาไม่ได้เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวของตนไปมากนัก ทำให้ท่านอาจารย์ไม่ได้รู้ว่าตนสูญเสียบิดามารดาแท้ๆ ไปแล้ว
มารดาเลี้ยงมีบุตรสาวติดมาด้วยหนึ่งคน เวลานี้ทั้งเขาและนางต่างเติบโตกันแล้ว ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างหากต้องอยู่ในเรือนร่วมกับคนทั้งสองเป็นเวลานาน
หลัวซื่อและบุตรสาวของนางไม่เคยสร้างความลำบากใจให้ตน แต่อย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ กัน ชายหนุ่มกับสตรีสองคนพักอยู่ในเรือนเดียวกัน ในความรู้สึกของตนอย่างไรก็ไม่เหมาะสม ยิ่งเวลานี้มีสามพี่น้องสกุลถังเข้ามาอยู่ในชายคาเดียวกันอีกด้วย เขายิ่งไม่อยากกลับไปที่หมู่บ้าน
กับถังจื่อรั่ว คู่หมายตั้งแต่เยาว์วัย ตนและนางเคยเล่นสนุกด้วยกันเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก แต่หลังจากที่บิดาจากไปเกาซ่งอวิ้นก็เข้ามาเรียนในตัวเมืองซุ่นโจว กลับไปแต่ละครั้งก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องเพื่ออ่านตำรา ไม่ได้พบหน้ากับถังจื่อรั่วมานานหลายปีแต่ก็ได้ยินเรื่องราวนิสัยใจคอของหญิงสาวมาไม่น้อย
สามเดือนก่อน ถังจื่อรั่วและน้องสองคนต้องมาอาศัยอยู่ในเรือน เขาจึงได้รู้ชัดว่านางเป็นสตรีไร้ยางอายเพียงใด แม้แต่หลัวลู่จิ่วที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กยังต้องหลบหน้าเมื่อเขาปรากฏตัว พยายามรักษารักษาระยะห่างระหว่างหญิงชายเอาไว้ตามสมควร แต่สตรีผู้นั้นกลับพยายามเสนอหน้ามาวนเวียนอยู่รอบกายตลอดเวลา
เขาไม่ยอมมองใบหน้านาง เพราะไม่นิยมชมชอบกับความใจกล้าเกินงามของหญิงสาว หลายครั้งก็ได้เห็นเพียงเล็บมือที่สกปรกของหญิงสาวที่พยายามยื่นมาเหนี่ยวรั้งตนให้พูดคุยด้วยกับกลิ่นอับจากเสื้อผ้าที่นางใช้ให้น้องสาวกับน้องชายเป็นคนซักให้
เด็กเล็กสองคนจะทำงานละเอียดเท่าผู้ใหญ่ได้อย่างไร เสื้อผ้านางกระดำกระด่างสกปรก เนื้อตัวนางก็เหม็นอย่างน่ารังเกียจ!
“ข้าจะทำเช่นไรกับนางดี” เกาซ่งอวิ้นส่ายหน้าระอาใจ ไม่อยากกลับไปที่บ้านแม้แต่น้อย แต่อีกไม่นานก็จะมีการสอบแล้ว เขาคิดจะไม่กลับไปที่หมู่บ้านอีกนานหลายเดือนเพื่อเตรียมตัวสอบ อย่างน้อยก็ต้องบอกกล่าวกับมารดาเลี้ยงไว้บ้าง นางจะไม่ได้ต้องคอยห่วงกังวล
เด็กสกุลถังสามคนก็เป็นภาระให้หลัวซิ่นอยู่ไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรมานางหลัวก็ใช้เงินอย่างประหยัดเพื่อให้ตนได้ร่ำเรียนในสำนักศึกษา หน้าที่นี้ควรจะเป็นของตน ถังจื่อรั่วและน้อง ๆ ของนางก็ควรเป็นความรับผิดชอบของตน แต่กว่าจะสอบผ่านไปถึงจุดสูงสุดที่ตนคาดหวังก็ต้องใช้เวลาและใช้เงินอีกมาก
ชายหนุ่มเดินทางกลับไปพักที่บ้าน ด้วยความรู้สึกกังวลเกี่ยวกับชีวิตในภายหน้าของสามพี่น้องที่ชั่วร้ายกลุ่มนั้น
(1) ซื่อ เป็นคำที่ใช้ต่อท้ายสกุลเดิมของสตรีที่แต่งงานแล้ว เช่น หลัวซิ่น แซ่หลัวนามซิ่น พอแต่งงานก็จะถูกเรียกว่า หลัวซื่อ