เมื่อเขาค่อยๆ เติบโตขึ้นก็ยังเห็นบิดาที่ยังคงพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจแต่มารดากลับเอาแต่ใจมากกว่าเดิม เรียกร้องมากขึ้น นางเกรี้ยวกราดอาละวาดอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ บุตรชายที่ถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมเพราะเป็นคนสำคัญของสกุลถูกกีดกันให้ออกห่างนอกวงจรปัญหาของบิดามารดาเช่นเขาจึงไม่เคยรับรู้อันใด วันๆ เอาแต่ร่ำเรียนตามหน้าที่พึงมีจนได้เป็นคุณชายอันดับหนึ่งในสำนักศึกษาสมกับชื่อเสียงของตระกูลใหญ่ การมีบ่าวไพร่ล้อมหน้าล้อมหลังมากมายทำให้ห่างข้างกายบุพการี ครั้นรู้อีกทีก็เป็นตอนที่มารดาเจ็บป่วยจนเกินเยียวยาไร้ทางแก้ไข
วันที่มารดาตายจากไปเขากลับมาไม่ทันล่ำลาด้วยซ้ำ
โจวอวี่จุดธูปเซ่นไหว้มารดาเงียบๆ เนิ่นนานก็ยังไร้วาจา มีเพียงแววตาทอดอาลัย หากแต่ในใจกลับตะโกนกู่ก้องขออภัยแทนมารดาไม่หยุด
เรื่องรักสามเศร้าเคล้าน้ำตาอำมหิตระหว่างบิดามารดาและจูเข่อเหริน โจวอวี่เพิ่งรู้เมื่อไม่นานจากปากคนสนิทของบิดา
อีกฝ่ายมีนามว่าอาสือ เป็นบ่าวชายที่เติบโตและเคียงข้างกับโจวเจ๋อผู่ตั้งแต่เด็ก เป็นบุรุษเงียบขรึมพูดน้อยถนอมคำ หากแต่นิสัยสัตย์ซื่อเถรตรงที่สุดเท่าที่เขาเคยพบพาน หากอาสือเอ่ยคำใดนั่นคือเชื่อถือได้มากที่สุดคนหนึ่ง
ตอนเยาว์วัยโจวอวี่คือบุตรที่มีบิดาห่วงแต่งานมิใคร่ใส่ใจและมีมารดาที่เอาแต่ไล่ตามบิดาไม่เคยมาดูแลมอบความรักให้ เขาก็มีเพียงอาสือผู้นี้ที่คอยปลอบประโลมยามร้องไห้
อาสือบอกว่าบิดามารดารักเขา เพียงแต่ทุกคนเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ย่อมมีเรื่องที่ต้องทำมากมายจึงมิอาจปลีกตัวมาหาเขาได้
เขารู้ว่าอาสือหวังดีด้วยใจจริงมาโดยตลอด ดังนั้น เรื่องราวทั้งหมดที่อีกฝ่ายบอกเล่าจึงเชื่อถือได้มากกว่าเป็นการบิดเบือนหมายเข้าข้างนายหญิงคนใหม่อย่างที่บ่าวไพร่ทั่วไปกระทำ
ที่สำคัญ เรื่องเลวร้ายที่มารดาเคยสร้างเอาไว้กับคู่รักคู่หนึ่งไม่มีผู้อื่นล่วงรู้ มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่ทราบ ส่วนนี้ทุกคนยังคงเก็บงำเอาไว้ จูเข่อเหรินยอมถูกตราหน้า บิดายอมถูกครหา ทุกคนแม้มิใคร่ไยดีมารดาแต่ก็ยังช่วยปกป้องชื่อเสียงหลังความตาย อย่างน้อยวิญญาณชั่วร้ายดวงหนึ่งย่อมไม่ถูกคนเป็นสาปแช่งทุกวัน สกุลเฉินไม่ต้องอับอายที่มีบุตรีจิตใจคดแคบ ตัวเขามิต้องได้ชื่อว่ามีมารดาเป็นหญิงใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตเลือดเย็น
โจวอวี่ยืนมองนามที่สลักบนแผ่นป้าย ‘โจวฮูหยินเฉินรุ่ยฟาง’ นางยังครองตำแหน่งที่ตั้งของป้ายในลำดับสำคัญของสกุลนี้
ดีแล้วล่ะ เขายิ้มบาง เท่านี้ก็พอแล้ว...
ร่างสง่าหมุนกายอย่างช้าๆ ออกจากห้องมืดสลัวมายืนรับแสงแดดร้อนแรงหน้าประตูห้องบรรพชน
สถานที่แห่งนี้แม้จะมีบ่าวไพร่คอยมาดูแลปัดกวาดเช็ดถู ทว่ารอบด้านยามนี้ไม่มีผู้ใดย่างกราย วังเวงอย่างยิ่ง
ลู่ซีรีบเข้ามา “คุณชายรอง ท่านจะลองตรองดูใหม่หรือไม่”
โจวอวี่โบกมือ “ข้าคิดดีแล้ว ไปเถอะ”
“ท่านจะไปจริงๆ หรือขอรับ”
“อืม...”
“แล้วนายท่านโจวเล่าขอรับ”
โจวอวี่เบือนหน้าหันไปมองทางฝั่งห้องโถงเรือนหลักที่เห็นเงาร่างสองสายรำไร บิดากับสตรีของเขายังคงนั่งพูดคุยเคร่งเครียด
ทว่าท่ามกลางบรรยากาศอันอึมครึมนั้นชายหญิงกลับทำให้คนมองคล้ายเห็นแสงทองอันอบอุ่นละมุนละไมแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งรักใคร่ที่มั่นคงมิแปรผัน
ชายหนุ่มล้วงเอาสิ่งหนึ่งออกจากสาบเสื้อพร้อมตั๋วเงิน “สัญญาขายตัวกับตั๋วเงิน ต่อไปนี้เจ้าได้รับอิสระมีชีวิตของตน เอาเงินนี่ไปสร้างเนื้อสร้างตัว หาสตรีที่ดีแต่งงานด้วยสักคนแล้วมีครอบครัวเป็นของตัวเอง”
ลู่ซีเบิกตา “คุณชายรอง...”
โจวอวี่นิ่วหน้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมรับสิ่งของตรงหน้า จึงจับมือเข้ามาแล้วยัดทุกสิ่งลงไป “การมีคู่ครองคือหน้าที่สำคัญยิ่ง คนเราเกิดมาต้องแต่งงานมีครอบครัว สร้างลูกสืบหลาน มีทายาทสืบสันดานไม่จบสิ้น จงรับไว้ ห้ามปฏิเสธ”
“แต่คุณชายรองยังไม่มีเลย บ่าวจะมีได้อย่างไร”
“เจ้ามีก่อนข้าจะเป็นไร ส่วนข้าค่อยหาเอาข้างหน้าก็ได้”
“ท่านจะไปหาจากที่ใดขอรับ สตรีแสนดีเช่นคุณหนูเว่ยลี่ ท่านยังสะบั้นสิ้น”
โจวอวี่หรี่ตา บ่าวคนสนิทผู้นี้หากมิใช่โตมาด้วยกันแต่เด็ก เขาอาจซัดฝ่ามือใส่โทษฐานเดือดร้อนแทนผู้เป็นนายไม่จบไม่สิ้น กระนั้นชายหนุ่มเพียงบอกความจริงที่ตนตั้งใจไว้เพื่อมิให้คนสนิทเป็นกังวลจนไม่ยอมแต่งภรรยา
“ข้าไม่ได้ชอบสตรีแสนดีมารยาทงามแบบเว่ยลี่ ข้าแค่ชอบสตรีที่สามารถติดตามข้าไปได้ทุกที่ไม่ว่าเหนือจรดใต้ เจ้าอย่าห่วง หากข้าเจอสตรีที่ว่า ข้าจะไม่ลังเลเลยที่จะสู่ขอนางมาตบแต่งทันที ออกเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อหาสตรีที่ชอบ เข้าใจแล้วหรือไม่?”
จากนั้นก็ล้วงจดหมายออกมาจากสาบเสื้อ “เจ้าเอาสิ่งนี้ไป หลังจากข้าออกเดินทาง ก็ช่วยส่งถึงมือท่านพ่อแทนข้าที”
ลู่ซีจะปฏิเสธอันใดได้ เขาเพียงก้มหน้าปฏิบัติตามเท่านั้น
สำหรับโจวอวี่ บุรุษพึงมีชีวิตเป็นอิสรเสรี การอยู่ต่อในสถานที่แห่งนี้ย่อมลดทอนศักดิ์ศรี เมื่อในอดีต มารดาเคยทำเรื่องถึงขนาดนั้น การแย่งชิงความโปรดปรานจากบิดาหรือแม้แต่ผลักดันตัวเองให้กลายเป็นบุรุษสูงส่ง ย่อมมิใช่สิ่งที่เขาภาคภูมิใจ และยิ่งไม่มีหน้าแต่งหญิงใดเข้ามาร่วมชะตากรรมอันน่ากระดากอาย
เว่ยลี่ผู้นั้นโชคร้ายเองที่มาเจอเขาตอนเป็นคุณชายสกุลโจว
หาไม่ นางอาจสมหวังก็ได้....