โปรย+ปฐมบท

773 Words
โปรย ‘หากปรารถนาหัวใจสุภาพชนมาครอง จำต้องเรียบร้อยอ่อนหวาน พึงสำรวมกิริยา นุ่มนวลอ่อนโยน มิอาจห้าวหาญเผยท่าทีก้าวร้าว อย่าทำให้ชายในดวงใจสะดุ้งหวาดกลัวเชียว’ ปฐมบท ทุกปีงานเลี้ยงล่องเรือสำราญชมบุปผาผลิบานริมธารา ล้วนจัดขึ้นที่ทะเลสาบหลวงแคว้นฉิน ดรุณีน้อยวัยแรกแย้มจากสกุลชนชั้นสูงต่างลุกจากเตียงอุ่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่รับอรุณ เพื่อรับการปรนนิบัติแต่งกายให้งดงามที่สุดหมายเข้าร่วมงานให้ทันกาล บุรุษวัยหนุ่มแน่นก็เช่นกันหลายคนต่างตบเท้าเข้าร่วมงานเพื่อได้ยลโฉมงามวัยสะพรั่ง เฟ้นหาว่าที่ภรรยา แต่บางคนกลับถูกบังคับให้มาด้วยหน้าที่เท่านั้น ครั้นได้เวลาเปิดงาน ทุกคนได้รับเชิญขึ้นเรือร่วมลำ บุรุษฝั่งซ้าย สตรีฝั่งขวา มีเชื้อพระวงศ์เป็นประธานพิธีเปิดงานคือองค์รัชทายาทและพระชายา งานนี้เป็นเพียงงานเดียวในรอบปีของแคว้นฉินที่เปิดโอกาสให้ชายหญิงได้พบปะทำความรู้จักกันอย่างผ่าเผย สตรีทั้งหลายตื่นเต้นกันมาก หากโชคดีย่อมเข้าตาบุรุษจากสกุลเรืองอำนาจเสริมบารมีให้จวนตน ใช้ชีวิตสุขสบายไปทั้งชาติ แต่ก็มีสตรีบางคนที่ต้องมาตามคำสั่ง เพื่อทำตัวงามสง่าดุจนางพญาหมายเฟ้นหาบุรุษดีๆ ให้บิดามารดา เพิ่มวาสนาให้วงศ์ตระกูล ทว่ากลับมีเพียงสตรีหนึ่งนางที่ทำตัวเรียบร้อยอ่อนหวานอย่างจงใจหมายมาดแค่บุรุษที่นางตรึงใจ หาได้มีผลประโยชน์ใด แม่นางน้อยผู้นี้มีชื่อเสียงที่ปรุงแต่งจนดีงามนามขจรขจายว่า เว่ยลี่ และบุรุษผู้เป็นเป้าหมายมุ่งหวังเป็นที่ต้องตาพึงใจของนางก็คือคู่หมั้นของนางนั่นเอง ความคิดของเว่ยลี่ นางตั้งใจโปรยเสน่ห์ใส่คู่หมั้นของตัวเอง มิได้โปรยเสน่ห์ใส่คู่หมั้นของผู้อื่น คนย่อมทำได้เต็มที่ มิใช่เรื่องผิด ส่วนบุรุษที่ได้รับการโปรยเสน่ห์ไม่เว้นวันคือ คุณชายรองจากจวนบัณฑิตชั้นสูง โจวอวี่... วันนี้เว่ยลี่มาในชุดสีชมพูอ่อนหวาน ไล่ริ้วผสมผสานสีขาวดุจคลื่นบนผิวทะเลยามอาทิตย์อัสดงคงความเย้ายวนในระดับพอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แลดูสูงส่งแต่ไม่หยิ่งทะนง คงไว้ซึ่งความอ่อนน้อมถ่อมตนแต่ไม่ต้อยต่ำขลาดเขลา บนศีรษะปักปิ่นระย้าที่งดงามพลิ้วไหว เสริมดวงหน้าผุดผาดให้ยิ่งโดดเด่นยวนใจ รอยยิ้มของนางอ่อนโยน ยามเยื้องกรายทักทายสหายรอยยิ้มนั้นยิ่งเข้าที มองกี่ครั้งล้วนดึงดูดให้ต้องมองซ้ำ ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู ดวงตาทุกคู่ล้วนมิอาจละจากนางได้ ครั้นทักทายสหายพอเป็นพิธี เว่ยลี่ก็เดินมาหาคู่หมั้นทันที รอยยิ้มประดับมุมปากตลอดเวลาเมื่อเจอหน้ากัน แววตาหยาดเยิ้มชวนเสน่หาปานนั้น “พี่อวี่...” สุ้มเสียงไพเราะเสนาะโสตยิ่งนัก กลิ่นกายหอมกรุ่นกระทบจมูกโด่งสันเข้าไปถึงโพรงอก หากแต่ร่างสูงสง่าเพียงหันมานิ่งๆ ใบหน้าหล่อเหลาของโจวอวี่แขวนรอยยิ้มนุ่มนวลสำรวมเฉกสุภาพชนจากตระกูลมหาบัณฑิต แต่ดวงตากลับเย็นชามาก “น้องเว่ยลี่” เขาทักทายกลับด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท แต่นั่นมิอาจกลบความปิติยินดีในแววตากลมโตฉ่ำหวานของดรุณีอ่อนเยาว์วัยแรกรัก นางยังคงแย้มยิ้มงดงามดุจบุปผา “เราไปนั่งจิบชาฝั่งนั้นดีหรือไม่เจ้าคะ?” โจวอวี่ลอบถอนหายใจไร้สุ้มเสียง ขณะผายมือเดินนำหน้า กิริยาสุขุมถือตัว “เชิญน้องเว่ยลี่” เว่ยลี่ก้มหน้าสะเทิ้นอาย รักษาจริตมารยาทเข้าทีเหมาะสม หาจุดตำหนิมิได้ ทุกอากัปกิริยาล้วนคู่ควรกับคุณชายตระกูลบัณฑิตชั้นสูงทุกประการ แววตาที่ลอบมองแผ่นหลังสง่างามเผยซึ่งอาการตรึงใจ หนึ่งบุรุษรูปงามสูงศักดิ์ หนึ่งสตรีแสนดีเลิศล้ำ ทั้งสองนั่งจิบชาชมบุปผาเคียงคู่กัน เกิดเป็นภาพคู่รักราวกับอยู่ในห้วงฝัน พวกเขาทำเอาคนทั้งเรือต่างเมียงมองด้วยความริษยานัยน์ตาร้อนผ่าว ช่างเป็นคู่ยวนยางดุจสวรรค์สร้างโดยแท้... ความคิดนั้นคล้ายล่องลอยวนเวียนรอบกายคนทั้งสอง เว่ยลี่ลอบมองเสี้ยวหน้าคมสันของคู่หมั้นอย่างขัดเขินตลอดเวลา ในขณะที่โจวอวี่กลับไม่เหลียวมามองสบตานางเลยสักหน คนหนึ่งชัดเจนว่าหลงใหลมีใจ ปรารถนาแต่งงานโดยไว แต่อีกคนกลับครุ่นคิดตลอดเวลาว่าจะใช้วิธีใดถอนหมั้นนางดี...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD