นางโค้งกายขอบคุณสองสามีภรรยาอย่างจริงใจก่อนจะให้เผยหว่าหวามากอดคอของนางเพื่อขี่หลังกลับ‘บ้าน’โดยที่นางเองเข็นรถเข็นตรงกลับเหิงเตี่ยนทันที ด้วยคงเพราะเริ่มจะบ่ายคล้อยเดินมาได้ครึ่งทางเจ้าตัวเล็กก็หลับแต่ก็ยังกอดลำคอของมารดาเอาไว้แน่นชวนเอ็นดูไปพร้อมกับชวนให้นางสงสารไปในคราวเดียวกัน
ถึงจะทั้งเหนื่อยจะทั้งร้อนจนเหงื่อกาฬไหลซึมออกมาท่วมกาย แต่ภายในใจของเผยหว่านอีกลับตื้นตันและมีความสุขอย่างยิ่ง ระหว่างทางเดินกลับ ‘บ้าน’ เสียงทักทายจากเหล่าคนในหมู่บ้านดังขึ้นเป็นระยะ ร่วมสองเดือนแล้วที่นางกับมารดาและเจ้าเทพธิดาตัวน้อยที่กำลังกอดลำคอและใช้สองขาหนีบเอวอรชรของตนเองเอาไว้อย่างแน่วแน่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านเหิงเตี่ยนนี้จึงคุ้นเคยและเอื้อเอ็นดูสามชีวิตผู้มาอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านแห่งนี้กันทุกหลังคาเรือน
“ท่านแม่ หว่านหว่านเองเจ้าค่ะ”
พอถึงหน้าบ้านก็ส่งเสียงให้มารดาทราบก่อน จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปก่อนเพราะจะเอา‘เจ้าตัวกลม’บนแผ่นหลังไปวางในห้องนอน จากนั้นก็เปิดหน้าต่างจนกว้างกับเปิดประตูห้องเอาไว้ กันไม่ให้บุตรสาวตื่นขึ้นมาแล้วอาจตกใจที่ตนเองนอนอยู่เพียงลำพัง จากนั้นนางจึงย้อนกลับไปเข็นรถคันขนาดกลางเข้ามาแล้วนำของสดใหม่จัดไปวางเอาไว้ภายในห้องครัว ส่วนของที่ต้องจัดการล้างทำความสะอาดก็แยกไปยังลานซักล้างที่ด้านหลังเรือนซึ่งมีบ่อน้ำสะดวกในการตักขึ้นมาล้างข้าวของกับซักเสื้อผ้าอาภรณ์ของทุกคนในเรือน
“ยังไม่พักก่อนหรือหว่านหว่าน?” นางเฉียวซื่อให้สงสารบุตรสาวยิ่งนัก เพราะอดีตเคยเป็นคุณหนูแสนสบายพอแต่งงานห้าปีในจวนสกุลเจียงหญิงสาวก็มีสาวใช้รองมือรองเท้า หากแต่ทุกวันนี้เผยหว่านอีนั้นในหนึ่งวันแทบไม่เคยหยุดพัก
“แดดกำลังดีเจ้าค่ะ หว่านหว่านอยากเร่งซักผ้าตากแห้งจะได้หอมกลิ่นแดดเจ้าค่ะ”
สองเดือนในการเดินทางกับอีกสองเดือนในเหิงเตี่ยนช่างเปลี่ยนบุตรสาวของนางไปมากจริง ไม่นานเผยหว่านอีก็ซักเสื้อผ้าเสร็จนางจึงจัดการขัดถูภาชนะต่าง ๆ ในการทำของขายจนสะอาดเอี่ยมพลางคว่ำตากแดดจนขึ้นเงาขาววาววับ ผู้ใดมองข้ามรั้วมาล้วนชื่นชม ‘นางเผยซื่อ’ กันทั้งสิ้น บางคนถึงขั้นหมายปองหญิงสาวมาเป็นสะใภ้เลยด้วยซ้ำ แต่ติดเพียงสิ่งเดียวก็คือเผยหว่านอีนั้นไร้กิริยาสนใจบุรุษใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะหนุ่มจะแก่นางก็วางตัวดิบดีไม่สนใจใครเช่นชู้สาวเลยสักคน
“ท่านแม่กินข้าวกลางวันแล้วหรือไม่ หากยังข้าจะไปอุ่นมากินเสียพร้อมกัน”
พอฟังว่าบุตรสาวนั้นคงยังไม่ทันได้กินมื้อกลางวันจึงเร่งเอ่ยให้อีกฝ่ายไปอุ่นอาหารมากินเสีย ส่วนนางนั้นอิ่มไปตั้งแต่ก่อนบุตรสาวกับหลานสาวตัวน้อยจะกลับมาได้ราวครึ่งชั่วยามเห็นจะได้ เผยหว่านอีที่กำลังหิวจัดเร่งไปอุ่นกับข้าว ครั้นกินจนอิ่มเจ้าแก้มกลมของนางก็ตื่นพอดี
“หิวไหมหว่าหวา”
เด็กหญิงส่ายหน้า นิ้วเรียวทว่าหยาบกระด้างมาหลายวันจึงชี้หมับเป็นเชิงเตือนว่า ‘ห้ามส่ายหน้า’ ให้ตอบเป็นคำเด็กหญิงพุ่งกายมาออดอ้อนมารดาและขอโทษเป็นการหอมแก้มทั้งซ้ายและขวาตามประสาของเด็กฉลาด
“เสี่ยวหว่ารู้ผิดแล้วท่านแม่จ๋า อย่าโกรธเสี่ยวหว่าเลยน้า…”
เจอลูกอ้อนพิฆาตจอมมารเข้าไปมีหรือดวงใจของเผยหว่านอีจะแข็งอยู่ได้ เป็นต้องโอบอุ้มเจ้า ‘ตัวกลม’ ยกขึ้นมาแล้วฟัดหอมพวงแก้มแดงระเรื่อ นี่แหละคือกำลังใจให้ตนเอง คำว่า ‘ท่านแม่จ๋า’ ช่างมีฤทธิ์ร้ายแรงยิ่งนัก ต่อให้ดวงใจแข็งแกร่งกว่าหินภูผานางก็คาดว่าคงอ่อนระทวยโดยไม่ยากเย็นเลย
“ประเดี๋ยวท่านแม่จะออกไปดูคนงานลงเมล็ดข้าวสักหน่อย เจ้าอยู่บ้านดูแลท่านยายให้ท่านแม่หน่อยจะได้หรือไม่”
“ย่อมได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
“ฟอด!...เด็กดี”
ชื่นชมเด็กน้อยไปเรียบร้อยเผยหว่านอีจึงหันไปคว้าหมวกสานนั้นมาสวมเพื่อเตรียมตัวออกไปเผชิญแดดร้อนในยามบ่ายแล้วไปตรวจดูแรงงานที่หยอดเมล็ดข้าวรอคอยสายฝนที่จะตกลงมาในเวลาอันใกล้นี้ทันที
ที่ดินห้าหมู่แบ่งไปปลูกข้าวเอาไว้กิน ส่วนอีกห้าหมู่นั้นแบ่งเป็นส่วนปลูกผัก ขุดบ่อปลา และโรงเรือนเลี้ยงเป็ดและไก่ กับอีกวูบแห่งความคิดก็คือเผยหว่านอีนั้นนึกไปถึงสมัยยังเป็นเดือนจรัสว่าตนเองเคยช่วยคุณตาเพาะเห็ดฟางและเห็ดนางฟ้าไปขาย ตั้งแต่สมัยยังเพิ่มจำความได้จวบจนขึ้นมัธยมชั้นปีที่หนึ่งจึงหยุดไปเพราะคุณตานั้นเริ่มแก่ชรามากแล้ว ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยจนสุดท้ายอีกหนึ่งปีท่านก็จากไปตลอดกาล
“เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ลงเมล็ดข้าวปลูกคราวนี้ยังต้องใช้เวลาอีกกี่วันจึงจะเสร็จสิ้น”
นางไปพบสามพ่อแม่ลูกสกุลซวนที่มารับจ้างนางปลูกข้าว หรืออันที่จริงแล้วสกุลซวนนี้เขาก็รับจ้างทำงานทั่วไปอยู่แล้วเพราะเขานั้นมีที่ดินไม่มาก ไถพรวนที่ดินที่ถูกถางหญ้าจนโล่งเตียนแล้วปลูกในส่วนนาของตนเองเสร็จย่อมมีเวลาว่างมากมาย ดังนั้นหากมีเพื่อนบ้านจ้างงานพวกเขาก็จะเร่งรับเอาไว้ทันที เพราะมันยังดีกว่าจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์หรือเก็บของป่ามาขายมากทีเดียว
“คงอีกสักราวสองวันก็เสร็จแล้วละหว่านอี เจ้ายังมีสิ่งใดจะจ้างพวกเราต่ออีกหรือไม่”
เพราะบ้านของนางเผยซื่อนั้นเป็นหญิงหม้ายแถมมีลูกที่ยังเด็กอยู่มาก อีกทั้งเรือนกายของเผยหว่านอีก็อรชรอ้อนแอ้นถึงเพียงนั้น นางเลือกทำอาชีพค้าขายแล้วจ้างครอบครัวพวกเขาบุกป่าถางหญ้านั้นย่อมถูกต้องแล้ว
“ข้าอยากได้บ่อเลี้ยงปลา แล้วก็สร้างโรงเรือนเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ กับทำคอกสำหรับสุกรทางด้านนั้นเจ้าค่ะ”
เผยหว่านอีชี้มือไปยังท้ายไร่ที่เหมาะสำหรับบ่อเลี้ยงปลาเพราะหากขุดเอาไว้ใกล้บ้านจนเกินไปนั้นอันตรายก็ย่อมมีมาก ด้วยเพราะมารดาของนางที่ตาไม่ดี ทั้งยังมีเผยหว่าหวาที่ยังเล็กนักอยู่ด้วย ส่วนคอกเลี้ยงสัตว์อยู่ใกล้บ้านและชิดใกล้เรือนของผู้อื่นย่อมส่งกลิ่นเหม็นจากมีมิตรอาจกลายเป็นศัตรูเอาได้ที่ดินว่างเปล่าท้ายไร่ต่อออกไปจากนาข้าวที่ปลูกบนที่ดอนจึงเหมาะสมอย่างยิ่ง
“ได้สิ เช่นไรเจ้าต้องการบ่อขนาดไหนก็นำไม้ไปปักจุดเอาไว้ให้พวกข้าก่อนก็แล้วกัน”
เพราะหญิงสาวอธิบายว่าโรงเรือนเลี้ยงไก่กับสุกรจะสร้างให้มันยื่นลงไปในบ่อปลาด้วย นางเคยไปดูงานตามหน่วยงานราชการเมื่อสมัยยังเรียนอยู่ในช่วงมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งและสองจึงได้ความรู้ทางด้าน ‘เศรษฐกิจแบบพอเพียง’ มาใช่น้อย ที่ดินไม่ต้องมากแต่เราต้องใช้ให้บังเกิดประโยชน์ทุกตารางนิ้ว
หญิงสาวคิดสร้างสรรค์อนาคตให้แก่ครอบครัวอย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่ต้องร่ำรวยมากมายแต่สามารถเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวให้อยู่รอดตลอดไปย่อมดีกว่า นางพูดคุยกับสามพ่อแม่ลูกสกุลซวนอีกครู่หนึ่งก็เอ่ยปากขอตัวเพราะตนเองยังต้องไปเตรียมทำของเอาไว้ขายในเช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งเผยหว่านอีนั้นนางอาศัยว่าร้านของนางขายหลายอย่างคนสามารถเลือกกินได้ ไม่ใช่ขายเพียงอาหารชนิดเดียว เพราะนางนำเทคนิคทางด้านการค้ามายุค 2022 มาปรับใช้ ใคร่จะทำการค้าในสมองมันต้องมีแนวคิดใหม่ ๆ ออกมาเสมอ
“วันนี้หักต้นทุนทั้งหมดแล้วเหลือหนึ่งร้อยตำลึงเงินกับอีกสามอีแปะ เอาละ สามอีแปะนี้แม่มอบให้เป็นค่าแรงของเสี่ยวหว่า เอาไปเก็บเอาไว้อีกหนึ่งปีเจ้าก็พร้อมเข้าสำนักศึกษาแล้วต้องเร่งเก็บออมเงินเสียตั้งแต่บัดนี้”
เผยหว่านอีในอดีตชาติปางก่อนนั้นมีวัยเพียงสิบหกปีก็จริง แต่บิดามารดากับคุณตาและคุณยายนั้นก็ฝึกฝนให้นางรู้จักเก็บรู้จักออม พอต้องข้ามภพมาปุ๊บแล้วลืมตาปั๊บกับพบว่าตนเองมีลูกสาววัยตั้งสี่ขวบถึงไม่พร้อมนางก็ต้องพร้อมที่จะเป็น ‘ท่านแม่’ แล้วละ
“ท่านแม่จ๋าให้ค่าแรงหว่าหวาด้วย!” เด็กหญิงถึงกับกระโดดดึ๋ง ๆ ไปอวดท่านยายของตนเอง และแน่นอนบ้านสกุลจางและบ้านสกุลซวนจะเป็นรายต่อไปให้เด็กน้อยได้โอ้อวดความภาคภูมิใจนี้ของนางอย่างไม่ต้องสงสัย
“เจ้ากลายเป็นคนใจเย็นลงไปมากเลยนะหว่านอีนับจากเจ้ายอม ‘ปล่อยมือ’ จากสามีเช่นเจียงซู่มาได้”
นางเฉียวซื่อกล่าวออกมาจากใจจริง เพราะนับจากหายรอดพ้นความตายมาในคราวนั้นแล้วเผยหว่านอีก็ไม่เคยดุด่าทุบตีบบุตรตัวน้อย หรือแม้แต่นางเองหญิงสาวก็ไม่เคยแสดงกิริยารำคาญใส่ตัวของนางอีกเลย
“เรามีกันเพียงเท่านี้แล้วนะเจ้าคะท่านแม่ หากพวกเราไม่รัก ไม่สามัคคี ไม่ห่วงใยกันจะมีผู้ใดอีกเล่าที่จะมารักและห่วงใยพวกเรา”
เผยหว่านอีอ้อมไปกอดเอวของผู้เป็นมารดาดังในอดีตที่เดือนจรัสชอบทำ เพราะต่อให้เราเหนื่อย เราทดท้อ หรือไปเจอเรื่องแสนย่ำแย่มา เพียงได้กอดแสนสั้นหนึ่งครั้งสำหรับนางก็ช่วยเยียวยาได้ทุกสิ่งแล้ว
“ท่านแม่กับท่านยายกอดกัน เช่นนั้นให้หว่าหวากอดด้วยคนนะเจ้าคะ”
เด็กน้อยที่วิ่งไปอวดค่าแรงของ ‘แม่ค้า’ ตัวจิ๋วเรียบร้อย พอเปิดประตูเข้าบ้านมาแลเห็นท่านแม่จ๋ากับท่านยายจ๋ากอดกันนางที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวจึงอยากมีส่วนร่วมทันที
“มาเร็วเจ้าตัวแสบ” เป็นเผยหว่านอีที่อ้าแขนอีกข้างกางออกให้บุตรสาวได้เข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน นางพึงใจยิ่งนักแล้ว ถึงมิได้ข้ามภพมาร่ำรวยแต่แค่เพียงมีครอบครัวเล็ก ๆ ให้ได้กอดกันในยามทุกข์ยากและเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ นางก็นับว่าชาติใหม่นี้สวรรค์ยังเมตตาของอยู่มากเหลือเกิน
คนที่พิการติดเตียงจนแผลติดเชื้อตายได้กลับมามีร่างกายอันสมบูรณ์แข็งแรง มีมารดาที่ดี มีลูกสาวที่น่ารัก กับบ้านหลังน้อยในเนื้อที่กำลังดี เพียงเท่านี้นางก็พึงใจมากมายแล้วจริง ๆ เผยหว่านอีคิดด้วยดวงใจอันเปี่ยมไปด้วยความสุข จะยากดีมีหรือจนขอเพียงคนในครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวต่อกัน เท่านี้ก็นับว่าสวรรค์ปรานีนางอย่างถึงที่สุดแล้วละ…เผยหว่านอี…