อิงค์ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวช้า ๆ เอื่อย ๆ อย่างไรชอบกล จะว่าไม่อร่อยก็คงไม่ใช่ ผมว่ารสชาติดีทีเดียว อิงค์กินเหลือครึ่งจาน เธอหันไปตักเค้กกินก็ดูเหมือนไม่อร่อย ผมมองหน้าอิงค์สลับกับอาหารบนโต๊ะ
“ไม่ถูกปากเหรอ” เอ่ยถามออกมาด้วยความงง ตอนแรกเธอยังพูดทำนองว่าชอบอาหารพวกนี้อยู่เลย
“อิงค์ไม่ชอบกินกะปิ ไม่กินกาแฟ แต่ไม่เป็นไรนะคะ ไม่ต้องสั่งใหม่แล้ว เดี๋ยวเราเดินไปถ่ายรูปตรงมุมนู้นกันนะคะ” อิงค์ชี้ไปที่สะพานไม้ที่ยื่นไปทางทุ่งนา เธอยังคงยิ้มสดใสเหมือนอย่างเคย
“กินไม่ได้ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก” ผมพูดเสียงเข้ม อีกฝ่ายก็เลยหุบยิ้มลง
“ตอนเลือกพี่ปืนเป็นคนเลือก ไม่ได้ให้อิงค์ดูด้วย”
“ตอนที่อาหารมาเสิร์ฟ ทำไมต้องพูดเหมือนชอบมาก ตลกมากปะอิงค์” ผมยังคงเสียงเข้ม ผมเองก็โกรธอิงค์ที่ไม่บอกตั้งแต่แรก จะได้ไปสั่งมาให้ใหม่
“อิงค์กำลังหลอกตัวเองอยู่ไงคะว่าพี่ปืนจำได้ ตอนคบกันช่วงเดือนสองเดือนแรก เราไปเดินตลาดกัน พี่ปืนยังหยอกอิงค์ด้วยการจะอุ้มอิงค์วิ่งหนีกะปิ” อิงค์พูดไปยิ้มไป เธอทำหน้าเหมือนไม่ได้รู้สึกเศร้าหรือทุกข์ใจอะไร
“อิงค์ไม่รู้นี่คะว่าพี่ปืนจะลืมง่ายขนาดนี้” เธอพูดต่อ
“พี่จำไม่ได้จริง ๆ”
“อ๋อค่ะ” อิงค์พยักหน้ารับหงึก ๆ และยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิม เธอลุกขึ้นยืนแล้วคว้ากระเป๋าสะพายมาคล้องเข้ากับเรียวแขน “อิงค์ขอไปถ่ายรูปก่อนนะคะ”
“อย่างอนอะไรไร้สาระได้ปะ วันนี้วันครบรอบนิจะมาบึ้งตึงกันทำไม”
“อะ ๆ ก็ได้ค่ะ นี่อิงค์เห็นว่าพี่ปืนง้อหรอกนะ อิงค์หายงอนก็ได้” อิงค์หย่อนสะโพกนั่งลงที่เดิม
ผมมองหน้าอิงค์นิ่ง ๆ ฟังดูก็รู้ว่าประชด คำพูดของผมแบบนั้นเรียกว่าง้อได้จริง ๆ เหรอ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากต่อว่าอิงค์ที่มาประชดผม ผมก็รู้ตัวว่าผมผิด ก็เลยเอื้อมมือไปคว้ามืออิงค์มาจับไว้
“พี่ขอโทษนะอิงค์” ผมเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ไม่ได้แข็งดุดันแบบเมื่อสักครู่ เธอก็พยักหน้ารับ
“เดี๋ยวพี่ไปสั่งมาให้ใหม่นะ แต่พี่ขอนึกก่อนว่าอิงค์ชอบกินเค้กอะไร” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่ก็นึกจริง ๆ นั่นแหละครับ ก็มันจำไม่ได้นี่หว่า
“คิก ๆ อิงค์บอกดีกว่านะคะ เค้กน่ะอิงค์ชอบกินหมดเลยเว้นกาแฟ กาแฟที่เป็นเครื่องดื่มอิงค์ก็ไม่ดื่มเพราะอิงค์ดื่มแล้วมึนหัว” เออว่ะ ผมจำได้นะว่าอิงค์ไม่ดื่มกาแฟ แต่เสือกสั่งเค้กกาแฟมาให้อิงค์ ผมเลยเขกหัวตัวเองเบา ๆ ที่สั่งอะไรบ้า ๆ แบบนี้
ผมลุกเดินเข้าไปในห้องกระจกแล้วเลือกเป็นครัวซองต์แฮมชีสมาให้อิงค์ เธอไม่ค่อยได้กินข้าวเดี๋ยวจะหิวเสียก่อน และเพิ่มเค้กสตรอว์เบอร์รีให้อิงค์ด้วย
เรานั่งกินกันแล้วคุยกันไป คราวนี้ไม่ได้ทะเลาะกันแล้ว อิงค์เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว เวลาง้อก็ไม่ได้ยากอะไร แค่บอกว่าขอโทษเธอก็หายโกรธแล้ว
“เดี๋ยวอิงค์ขับเองดีกว่าค่ะ” อิงค์เอ่ยขึ้นมาขณะที่กำลังเดินมาที่รถ สงสัยเธอคงจะกลัวว่าผมจะขับเร็วอีก
“ฮ่า ๆ จะขับให้เมื่อยทำไม เดี๋ยวพี่ขับเอง พี่สัญญาว่าจะไม่ซิ่ง” ผมเปิดประตูฝั่งด้านข้างคนขับให้อิงค์ขึ้นนั่ง เธอบีบแก้มผมเบา ๆ แล้วขึ้นนั่งประจำที่
ผมขับมาเรื่อย ๆ ไม่ได้ซิ่งอย่างที่พูดเอาไว้ คุยนั่นนี่กันมาเรื่อยเปื่อย จนใกล้จะถึงกรุงเทพฯ รถคันข้างหลังก็บีบแตรสองที ก่อนจะซิ่งแซงหน้าผมขึ้นไป ผมมองไปที่รถคันนั้นเห็นสติกเกอร์ที่แปะอยู่ท้ายรถ WIN ZONE ชื่อทีมของพวกเรา
เท้าเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อที่จะแซงคันนั้นให้ได้ คนขับก็คือสมาชิกทีมนี่แหละครับ เราแค่ขับซิ่งหยอกกันเท่านั้น ไม่ได้จะเอาเป็นเอาตายหรือแข่งกันจริงจังอะไร จนผมสามารถขับตีคู่กันได้ จึงลดกระจกลงแล้วหันไปพยักหน้าให้คันข้าง ๆ เป็นการทักทาย ก่อนจะเหยียบมากขึ้นเพื่อให้แซงนำหน้ามา
“อิงค์” ผมเอ่ยออกมาเบา ๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอขับเร็ว หันไปมองหน้าคนข้าง ๆ เธอแสดงสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา
“พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” ผมบอกกับอิงค์ด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความรู้สึกผิด ผมรู้สึกผิดจริง ๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าเธอกลัวแต่ผมก็ยังซิ่ง
“ถ้าตั้งใจจะขนาดไหนคะ” อิงค์ถามกลับมาแบบนี้แล้วผมจะตอบอย่างไร จึงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ไปให้
ผมจอดรถเข้าที่ข้างทาง คว้ามืออิงค์มาจับไว้ออกแรงบีบเบา ๆ เพื่อการปลอบให้เธอคลายความกลัว อิงค์มองที่มือแล้วมองหน้าผม เธอยิ้มบาง ๆ ทั้งที่แววตาสั่นไหว อารมณ์อิงค์ตอนนี้ยากที่จะคาดเดา เธอเป็นคนเก็บอารมณ์ เก็บอาการเก่ง
“ขอโทษนะอิงค์ จะไม่ทำให้กลัวอีกแล้ว” ผมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อิงค์จะไม่กลัวอีกแล้วค่ะ เพราะอิงค์จะไม่นั่งรถพี่ปืนอีกแล้ว” เธอพูดแบบยิ้ม ๆ ผมคิดว่าเธอไม่ได้พูดเล่นแน่ ๆ ฟังแล้วค่อนข้างมั่นใจว่าพูดจริง
“แล้วเราจะไปไหนกันยังไง”
“เราจะยังไปไหนมาไหนด้วยกันอีกเหรอคะ” เธอเลิกคิ้วขึ้นถาม หน้าตาท่าทางก็ดูกวน ๆ แต่ทำไมผมไม่รู้สึกว่าเธอกำลังกวนเลย
“ไปดิ อิงค์อยากไปไหนพี่จะพาไป”
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“อะไรนักหนาเนี่ยอิงค์ พี่ก็ขอโทษอิงค์แล้วไง อิงค์จะทำให้มันยุ่งยากทำไม” ผมเริ่มเซ็ง ไม่รู้ทำไมจะต้องให้มันวุ่นวายนัก ผมรู้ว่าผมผิด ผมก็ขอโทษแล้วไง
อิงค์มองหน้าผมนิ่ง ๆ ครู่หนึ่งเธอก็ถอนหายใจออกมาแล้วละสายตาจากใบหน้าของผม ไปมองทางข้างหน้าแทน
“ค่อยไปคุยกันที่ห้องก็แล้วกัน แต่ถ้าไปที่ห้องแล้วคุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุยกันนะ” ผมเหยียบคันเร่ง รถพุ่งออกอย่างรวดเร็ว ผมก็ลืมตัวเหยียบไปเพราะความโมโห แต่แค่แป๊บเดียวก็ลดความเร็วลง
ผมเป็นคนรักความเร็ว เพื่อน ๆ พี่ ๆ ก็รักความเร็ว ไม่งั้นก็คงไม่ตั้งกลุ่มรถกันหรอก พวกผมขับเร็วกันเป็นเรื่องปกติ จนมาคบกับอิงค์ที่ผมต้องพยายามคุมความเร็ว ยอมรับตามตรงว่าทำไม่ได้ เผลอซิ่งตลอด
กลับมาถึงคอนโด อิงค์ก็ไม่ได้พูดจาอะไร เธอทำตัวตามปกติ เก็บเช็ดเก็บทำความสะอาด ผมเห็นว่าเธอทำตัวปกติแล้ว ผมก็เลยไม่ได้รื้อฟื้นเรื่องขึ้นมาเคลียร์กัน ไม่อยากจะทะเลาะกันต่อ
“พี่ช่วยนะ” ผมคว้าไม้ถูพื้นที่อิงค์เตรียมไว้รอที่จะถูหลังจากที่เธอกวาดเสร็จ
“ถูเป็นเหรอ” อิงค์ถามแบบกวน ๆ ผมเลยกระตุกยิ้มแล้วแกล้งเอาไม้ถูถูให้ชนเท้าของเธอ
“พี่ปืน คิก ๆ อย่าแกล้งอิงค์สิ วันนี้ห้องจะสะอาดไหมเนี่ย คิก ๆ” อิงค์หัวเราะคิกคักแล้ววิ่งหลบไม้ถู ไม่ให้ผ้าชนกับเท้าของเธอ
“ฮ่า ๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้” เห็นว่าพื้นเปียกหรอกนะถึงได้หยุดแกล้ง กลัวว่าอิงค์วิ่งหลบไปหลบมาแล้วจะลื่นล้มเอาได้
ผมช่วยอิงค์ทำความสะอาดห้องเสร็จ ก็ตามไปช่วยเธอทำอาหารด้วย เรียกว่าเธอทำอะไรผมก็ทำด้วยหมดทุกอย่าง จนกระทั่งเวลาเข้านอน
“วันนี้ครบรอบต้องพิเศษหน่อยปะ” ผมยกแขนขึ้นพาดลำตัวของอิงค์ไว้แล้วเอ่ยออกมา
“ง่วงแล้วอ่า”
ปฏิเสธผม… ตอนแรกก็คิดว่าเธอปกติแล้ว แต่ปฏิเสธผมแบบนี้ ผมชักไม่มั่นใจแล้ว เรื่องบนเตียงอิงค์ตามใจมาตลอด แถมขี้อ้อนมาก ๆ จนแทบจะละลายไปกับอิงค์ แต่วันนี้กลับปฏิเสธ
“นี่ยังไม่หายโกรธเรื่องขับรถเร็วอีกหรือไง” ผมดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วดึงอิงค์ให้ลุกขึ้นมาด้วย
“ก็ไม่ได้โกรธแล้ว”
“แล้วทำไมถึงปฏิเสธ”
“แล้วทำไมอิงค์จะปฏิเสธไม่ได้ล่ะคะ”
เออ ทำไมวะ ผมตอบไม่ถูกก็เลยเงียบ ยกฝ่ามือขึ้นลูบหน้าตัวเองแรง ๆ
“เราแยกกันอยู่ไหมคะ พี่ปืนกลับไปอยู่คอนโดตัวเองหรือบ้านพี่ไฟไหมคะ เผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้น”
ผมนิ่งเงียบ ใช้ความคิดว่าจะเอาอย่างไรดี ข้อเสนอที่อิงค์เสนอมาผมคิดว่าน่าสนใจ รู้สึกว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน เราสองคนเริ่มเข้ากันไม่ได้ อะไรหลาย ๆ อย่างดูว่าไม่น่าไปด้วยกันได้เลย
ผมหันไปมองหน้าอิงค์ เธอก็มองผมนิ่ง ๆ ก่อนจะกลอกตาไปมา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่อิงค์แสดงท่าทางแบบนี้ เธอล้มตัวลงนอน ปิดเปลือกตาลง
“ถ้าพี่ปืนจะเอายังไงก็บอกอิงค์ด้วยนะคะ” เธอพูดจบก็พลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้ผม