ออด ออด
ไอ้ไฟมันให้ผมนั่งลงที่พื้นแล้วกดออดเรียกเจ้าของห้อง สักครู่หนึ่งบานประตูก็ถูกเปิดออก อิงค์มองมาที่ผมแล้วหันกลับไปมองที่ไอ้ไฟ
“ทำไมพี่ปืนเมามากขนาดนี้ล่ะคะ” นี่แหละอิงค์ พูดจาอ่อนหวาน ไพเราะเพราะพริ้งรื่นหูมาก ๆ
“ไม่รู้มันเหมือนกัน พี่กลับก่อนนะ” ไอ้ไฟมาส่งนี่ก็ดีเหมือนกัน มันไม่เผาผมให้อิงค์ฟัง มันเลือกที่จะเดินกลับไปเลย ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่น ๆ ยิ่งโดยเฉพาะพวกสาว ๆ มันคงฟ้องอิงค์กันหมดแล้ว
“ไปค่ะพี่ปืน อิงค์พาเข้าห้อง” อิงค์ย่อตัวลงแล้วจับแขนผมให้กอดคอเธอไว้ แล้วเธอก็กอดเข้าที่เอวผม ประคองพาผมเดินเข้าไปถึงห้องนอน
ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง มองอิงค์ที่กำลังเดินไปเอาผ้าขนหนูและกะละมังใส่น้ำมาวางที่ข้างเตียง เธอจัดการเช็ดใบหน้าและลำคอให้ผม เพียงเท่านี้เปลือกตาของผมก็ปิดลง ผมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอีก จนกระทั่งช่วงสายของอีกวันหนึ่ง
“อิงค์จะไปไหนอะ” ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าอิงค์กำลังแต่งตัวอยู่ เธอสวมชุดเดรสแขนกุดสีเหลืองพาสเทลลายดอกไม้เล็ก ๆ
“คาเฟ่ค่า อิงค์เห็นในเฟซเขาแชร์กันเพียบเลยค่ะ มีคาเฟ่เปิดใหม่แบบวิวทุ่งนาแถว ๆ นครนายก พี่ปืนพาอิงค์ไปหน่อยนะคะ”
ไปคาเฟ่! สภาพผมตอนนี้นี่น่าไปคาเฟ่จริง ๆ เหรอ?
“พาไปหน่อยนะ” อิงค์ขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วกอดแขนผมเอาไว้ ส่งสายตาออดอ้อนมาให้
เอาวะ ไปก็ไป กลางคืนกินเหล้าเข้าผับ เช้ามากินนมเข้าคาเฟ่ ลำไส้ของผมมันจะงงหรือเปล่า แต่ก็ช่างมันเถอะ ถ้าขืนไม่พาแฟนไปคงต้องงอนผมอีกแน่ ๆ ผมลูบแก้มอิงค์เบา ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะลงจากเตียง ลากสังขารเข้าไปอาบน้ำ
“พี่ปืนใส่เสื้อตัวนี้นะคะ” อิงค์ส่งเสื้อเชิ้ตผู้ชายมาให้ ไม่รู้ไปแอบซื้อมาตอนไหน
“ไม่เอาอะ พี่พาไปคาเฟ่นะไม่ได้ไปหาเสียงเลือกตั้ง” ผมเดินผ่านหน้าอิงค์ไปที่ตู้เสื้อผ้า ทั้งตู้ก็มีแต่สีขาว สีดำ สีน้ำเงิน สีประจำชีวิต ไอ้พวกเพื่อนผมก็มีแต่สีแบบนี้กันทั้งนั้น
สีเหลืองพาสเทลลายดอกแบบที่อิงค์จะให้ใส่นั่นอะ ผมไม่มีทางใส่แน่ ๆ
“งั้นเสื้อตัวนี้อิงค์เอาไปให้คนอื่นนะคะ”
“อือ”
ผมเลือกเสื้อของตัวเองได้แล้ว หันกลับมาหาอิงค์ก็รู้สึกว่าเธอหน้าเจื่อน ๆ แต่ก็ฉีกยิ้มกว้าง ๆ ให้ผม ผมไม่ได้แต่งตัวอะไรมากนัก รีบพาอิงค์ออกมาเลย
“พี่ปืนขับช้า ๆ หน่อยสิคะ อิงค์กลัว” อิงค์เอ่ยออกมา มือทั้งสองข้างของเธอจับเบาะไว้แบบเกร็ง ๆ
“ไม่เห็นจะเร็วตรงไหนเลย เหยียบแค่ร้อยสี่สิบเอง” ถึงผมจะพูดไปแบบนั้น แต่ผมก็ยอมเบาลง เห็นอิงค์เกร็งขนาดนั้นจะขับเร็วเหมือนเดิมก็ยังไงอยู่
“ฟู่ววว อิงค์พูดหลายครั้งแล้วนะคะเรื่องขับรถเร็วเนี่ย” ก็อย่างที่เธอพูดแหละครับ อิงค์บ่นผมประจำจนเธอแทบไม่นั่งรถผมเลย เธอขับรถของเธอเอง นอกจากวันหยุดหากเราจะไปไหนกันนั่นแหละถึงยอมมารถผม
ขับมาเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดหมาย ก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ นี่ถ้าไม่ลดความเร็วลงก็คงถึงตั้งนานแล้ว
“รับเป็นอาหาร หรือเบเกอรี่คะ” พนักงานที่ยืนรอต้อนรับตรงหน้าประตูเอ่ยถามขึ้นมา
“อาหาร”
“เบเกอรี่ค่ะ”
ผมและอิงค์พูดขึ้นมาพร้อมกัน พนักงานเลยมองหน้าผมสลับกับมองหน้าอิงค์ ผมเองก็หันไปมองหน้าอิงค์ด้วยเหมือนกัน ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินไรเลย จะให้กินแต่พวกเค้ก ขนมปัง ผมคงไม่ไหว
“ก็ทั้งสองอย่างอะครับ” ผมบอกกับพนักงาน
“ได้เลยค่ะ แต่อาหารจะเสิร์ฟแค่บริเวณสวนนะคะ ส่วนทางด้านนู้นสำหรับเบเกอรี่ค่ะ”
ผมพยักหน้ารับ ก็คงแบ่งพื้นที่ ไม่ต้องเดินเสิร์ฟไกล ๆ อีกอย่างทางด้านนั้นไม่ได้มีโต๊ะตั้งเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ คงจะเหมาะกับไปถ่ายรูป
“อิงค์อยากกินไรอะ” ผมรับใบรายการอาหารมาแล้วหันไปถามคนข้าง ๆ เธอก็ขยับเข้ามายืนข้าง ๆ ผม
“อิงค์เอา… เอาเป็น”
“เดี๋ยวพี่เลือกให้ก็แล้วกัน” ถ้าให้อิงค์เลือกก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะได้กินหรือเปล่า ผมเลยจัดการสั่งเป็นชุดข้าวคลุกน้ำพริกมาคนละชุด และจัดการสั่งเค้กพร้อมเครื่องดื่มให้อิงค์ด้วยเลย
เราพากันออกมาเลือกโต๊ะ บรรยากาศก็ดีเหมือนกัน แต่ส่วนตัวผมรู้สึกว่าร้อนไปหน่อย ผิดกับคนตรงข้ามที่ดูเหมือนเธอจะไม่ร้อนเลย ยังคงยิ้มหวาน ๆ ให้กับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
“เดี๋ยวพี่ถ่ายให้” ผมดึงโทรศัพท์มือถือออกจากมือของอิงค์ แล้วทำหน้าที่แฟนที่ดีจัดการถ่ายรูปให้ตามมุมที่เธอต้องการ
“รู้ใจซะด้วยแฮะ อิงค์นึกว่าพี่ปืนจะไม่รู้ซะอีกว่าอิงค์ชอบกินอะไร” อิงค์เอ่ยออกมาขณะที่พนักงานกำลังเสิร์ฟอาหาร
อันที่จริง… ผมสั่งมั่ว
ถ้าอิงค์รู้ว่าผมสั่งมั่วเธอต้องไม่พอใจแน่ ๆ ก็ปล่อยให้เข้าใจแบบนั้นไปแหละดีแล้ว ผมยิ้มแล้วจัดการแกะปลาทูทอดให้ เธอจะได้ตักกินได้เลย
“วันนี้ครบรอบหกเดือนแล้วนะคะพี่ปืน” อิงค์เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ผมเลยหยุดแกะปลาทูแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้อิงค์
“สุขสันต์วันครบรอบนะครับ” ผมจำอะไรพวกนี้ไม่ได้เลย ไม่ได้คิดที่จะจำตั้งแต่แรก และถึงแม้ว่าจะจำได้ ผมก็คงไม่นับเป็นเดือนอะ ก็นับเป็นปีเลยทีเดียว