ตอนที่7 ผู้จัดการสาว

1672 Words
ตอนที่7 ผู้จัดการสาว เช้าวันรุ่งขึ้น อัลฟาร์โน่นั่งรถปิคอัพโฟรวิลของไร่ออกสำรวจตรวจตราพื้นที่ในไร่ โดยมีอำนวยหัวหน้าคนงานขับรถพาดูพื้นที่ภายในไร่อัศวพงษ์ซึ่งมีอาณาบริเวณมากนับพันไร่ด้านทิศเหนือติดกับเชิงเขาซึ่งทำเป็นไร่กาแฟ ด้านทิศตะวันออกเป็นทุ่งกว้าง มีฟาร์มม้าและวัวนมนับร้อยตัว ด้านทิศใต้เป็นป่าไม้นานาพรรณที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งแม่ของเขาอนุรักษ์ไว้ ส่วนทางด้านทิศตะวันตกเป็นไร่องุ่น สตรอเบอร์รี่ และผลไม้เมืองหนาวหลายชนิด ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่ามารดาของเขาบริหารงานภายในไร่ที่มีบริเวณกว้างมหาศาลนี้ลำพังได้อย่างไร “ผมเพิ่งจะรู้นะครับว่าไร่อัศวพงษ์ของคุณแม่กว้างขวางขนาดนี้ คุณอำนวยนี่เก่งนะครับคุมคนงานเกือบร้อยคนได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร” อัลฟาร์โน่เอ่ยชมไกด์จำเป็นที่ช่วยขับรถพาเขาชมไร่เกือบทั้งวัน แม้จะเหมือนเป็นการถามคำตอบคำเพราะหัวหน้าคนงานผู้นี้เป็นคนพูดน้อยก็ตามที หากท่าทางสุขุมเยือกเย็นเหมือนคนอมภูมิของนายอำนวยก็ถูกใจอัลฟาร์โน่อยู่มากโขทีเดียว “ไม่ใช่ผมหรอกครับนาย” อำนวยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ หันไปมองสบตากับเจ้านายหนุ่มก่อนจะเอ่ยต่อ “คุณเอ๋ยน่ะครับ..เธอเป็นผู้จัดการไร่ของพวกเรา” “ใครกันครับคุณเอ๋ย!?” เจ้านายหนุ่มถามกลับอย่างสงสัย เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าไร่อัศวพงษ์มีผู้จัดการไร่ เนื่องจากการกลับมาเยี่ยมมารดาแต่ละครั้งเขาก็จะคลุกอยู่กับท่านแต่ที่บ้านพักเท่านั้น มาแต่ละทีก็เพียงแค่วันสองวันและไม่เคยก้าวก่ายงานของท่านจึงทำให้รู้ข้อมูลในไร่น้อยมาก และฟังจากที่นายอำนวยเล่ามาเนี่ย ‘ผู้จัดการไร่’ ยังเป็นผู้หญิงเสียด้วย ชายหนุ่มแปลกใจว่าทำไมมารดาไม่เคยเล่าเรื่องราวอะไรภายในไร่ให้เขาฟัง หรือนั่นอาจเป็นเพราะเขาไม่เคยสอบถามหรือเข้ามายุ่มย่ามในเรื่องต่างๆ ของไร่แห่งนี้มาก่อนก็เป็นได้ ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น เขาก็คงไม่ได้มาดูแลไร่นี้เป็นแน่ ชายหนุ่มวาดภาพผู้จัดการไร่เป็นผู้หญิงแล้วนึกปรามาสอยู่ในใจ พวกผู้หญิงในความรู้สึกของเพลย์บอยตัวพ่ออย่างอัลฟาร์โน่ ก็ไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตที่เก่งเรื่องนำพาความปวดหัวมาให้ และเครื่องบำบัดความใคร่บนเตียงแค่นั้น “อ้อคุณเอ๋ยเธอเป็นผู้จัดการไร่ครับ เธอลากลับบ้านไปทำธุระ ก่อนที่นายผู้หญิงจะถูกทำร้ายวันหนึ่งนะครับ คาดว่าเย็นนี้คงกลับมาถึงน่ะครับนาย” หัวหน้าคนงานบอกข้อมูลที่เขารู้เกี่ยวกับผู้จัดการสาวอย่างละเอียด หลังถูกถามจากเจ้าของไร่คนใหม่ด้วยน้ำเสียงและท่าทีสนใจ แหละความเป็นคนช่างสังเกตหัวหน้าคนงานอย่างอำนวยก็ไม่พลาดที่จะจับพิรุธท่าทางการแสดงออกบางอย่าง ที่ไม่ค่อยพอใจอยู่ลึกๆ ของเจ้าของไร่เมื่อรู้ว่าผู้จัดการของไร่อัศวพงษ์เป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งไม่ได้ “จริงสิ! ผมมีเรื่องที่ต้องขอให้คุณอำนวยช่วยเก็บเป็นความลับสักระยะ” “เรื่องอะไรครับนาย” หัวหน้าคนงานมองนายฝรั่งสีหน้าสงสัย “ระหว่างนี้คุณอำนวยห้ามพูดหรือบอกกับใครที่ไร่นี่โดยเด็ดขาดว่าผมพูดภาษาไทยได้” หัวหน้าคนงานย่นคิ้วที่มีสีขาวแซมด้วยอาการสงสัยเต็มเปี่ยม แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามถึงเหตุผลของเจ้านายด้วยความที่เขาเป็นผู้ใหญ่จึงไม่อยากแสดงอาการสอดรู้ บางทีเจ้านายคนใหม่อาจมีความจำเป็นบางอย่างที่ต้องปกปิดก็เป็นได้และสิ่งที่ขอให้เขาทำมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรือเรื่องผิดกฎหมายอะไร “เอ่อ… ได้ครับ” “ดี งั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ” อัลฟาร์โน่สั่งเสียงเรียบ ใบหน้าคมเข้มยังคงสงบนิ่งมีเพียงดวงตาเท่านั่นที่ฉายแววระยับออกมาอย่างลึกลับ ยากที่ใครจะคาดเดาความคิด บางทีก่อนจะออกไปจัดการกับเรื่องยุ่งๆ นอกบ้าน เขาควรที่จะทำความสะอาดบ้านซะก่อน… “พวกนายเป็นใคร **!!?” ** หญิงสาวหน้าใสท่าทางเอาเรื่องในชุดเสื้อลายสก๊อตแขนยาวพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก สวมกางเกงยีนรัดรูปเผยให้เห็นสะโพกกลมกลึง ผมยาวดำขลับถูกรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลังทำให้ดูทะมัดทะแมงแต่แฝงไว้ด้วยความน่ารัก ใบหน้าสวยรูปไข่เชิดขึ้นเล็กน้อยจ้องไปยังชายแปลกหน้าที่เธอไม่คุ้นเอาเสียเลยอย่างรอคอยคำตอบของฝ่ายนั้น รูปร่างอรชรสมส่วนแบบฉบับผู้หญิงหุ่นดีบวกกับเครื่องหน้าที่ผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉามองมาที่ชายชุดดำผมทอง ซึ่งยืนเฝ้าทางเข้าไร่อยู่อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก หลังจากเธอก้าวลงจากรถยนต์ส่วนตัวแล้วพบชายแปลกหน้ามายืนทำหน้าดุๆ ใส่เธอก่อนหน้าอีกฝ่ายโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้หญิงสาวหยุดรถ “พวกเขาเป็นคนของนายฝรั่งครับคุณเอ๋ย ผมต้องขอโทษแทนพวกเขาด้วยนะครับ” ชายในชุดรักษาความปลอดภัยคนเก่าพูดขึ้นหลังเดินออกมาจากป้อมยามข้างรั้วทางเข้า “นี่… คุณเอ๋ย… ท่าน… เป็น… ผู้จัดการไร่” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนออกมาทีหลังบอกกับชายชุดดำที่ยืนนิ่งอยู่ด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นบวกภาษามือ จนคนมองอดเวียนหัวไปด้วยไม่ได้กว่าทั้งสองจะสื่อสารกันรู้เรื่อง “เดี๋ยวนะ นายฝรั่งที่พูดถึงนี่หมายถึงลูกชายของเจ้าของคุณป้าดารินทร์คนที่เขาลือกันให้แซดว่าเป็นพวก… นั่นใช่ไหม” “ใช่ครับคุณเอ๋ย คุณอัลฟาร์โน่มาพักอยู่ที่ไร่ได้หลายวันแล้วล่ะครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยคนเดิมตอบกลับมา “อืมมม” หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ คิ้วเรียวเลิกขึ้น ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อยกลืนคำถามที่เหลือลงไปในลำคออันที่จริงแล้วเธอก็ไม่เคยพบหน้าชายหนุ่มลูกเจ้าของไร่มาก่อนหรอกนอกจากเคยดูในรูปถ่ายบนโต๊ะทำงานของนางดารินทร์ แถมยังเคยนึกหมันไส้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลกับใบหน้าหล่อเหลาคมคายแต่ดูเหมือนผู้ชายขี้เก๊กนั้น นายจ้างของเธอมักจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ของลูกชายนางให้เธอฟังอยู่เสมอ ตามประสาผู้เป็นแม่ที่มีลูกชายเพียงคนเดียวแต่หญิงสาวก็รับฟังแบบผ่านไปทีอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจมากนัก “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ… ไม่ทราบจริงๆ ครับว่าคุณเป็นใคร เชิญครับๆ” ชายชุดดำคนหนึ่งกล่าวขอโทษขอโพยอย่างนอบน้อมด้วยภาษาอังกฤษ หลังทราบถึงสถานะของหญิงสาวพร้อมกับเดินไปเลื่อนแผงกั้นออก เปิดทางให้กับผู้จัดการสาว “ไม่เป็นไรจ้ะ… เรื่องเล็ก” ผู้จัดการสาวไหวไหล่พร้อมยักคิ้วโค้งสวยได้รูปให้เป็นการตอบแทน ศรัญชญาส่งยิ้มให้ชายฉกรรจ์ผู้นั้นอย่างเป็นมิตร ก่อนเดินไปขึ้นรถยนต์คันเล็กของเธอแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกตื่นเต้นกับการมาของมาเฟียหนุ่มลูกชายเจ้าของไร่อยู่ไม่น้อยทีเดียวพร้อมกับความรู้สึกหวั่นใจแปลกๆ ที่ยังหาเหตุผลไม่ได้ ก่อนจะกลับมาที่ไร่อัศวพงษ์เธอได้แวะไปเยี่ยมนางดารินทร์ที่โรงพยาบาลมาแล้ว และพบกับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากกลุ่มคนแปลกหน้า ถ้าไม่บังเอิญพบกับหมอธีระดนย์ที่กำลังเข้าเวรอยู่ที่นั่นเธอก็คงไม่ได้เข้าไปเยี่ยมคนเจ็บแน่นอนแหละจากการพูดคุยซักถามอาการกับหมอธีระดนย์อยู่ครู่ใหญ่ทำให้ผู้จัดการสาวเบาใจในเรื่องอาการเจ็บของนายจ้าง พร้อมกับพอจะคาดเดาได้ว่ากลับมาไร่แล้วเธอจะต้องเผชิญหน้ากับใคร… สิบนาทีต่อมารถยนต์คันเล็กก็แล่นมาถึงหน้าบ้านพักของผู้จัดการสาวของไร่อัศวพงษ์ ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่ทางไร่จัดไว้ให้เป็นที่พักของผู้จัดการ ตัวบ้านพักรายล้อมไปด้วยบ้านพักคนงานที่อยู่ไม่ห่างไปมากนัก ภายในมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน รอบบริเวณบ้านหลังขนาดกลางร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ รอบรั้วที่ทำจากไม้ระแนงสีขาวมีกลุ่มดอกเข็มสีแดงสลับเหลืองที่ตัดแต่งอย่างสวยงาม ระเบียงหน้าบ้านเต็มไปด้วยกระถางกล้วยไม้หลากสีหลายพันธุ์ ที่กำลังแข่งกันออกดอกบานสะพรั่ง สุขสดชื่นในหัวใจยามได้มอง นับเป็นเครื่องช่วยผ่อนคลายยามเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดีทีเดียว “กลับมาแล้วหรือค๊าพี่เอ๋ย” เสียงสดใสเจือแววยินดีของเด็กหญิงตัวน้อยอายุราวห้าขวบในชุดกระโปรงสีชมพูสดใส ซึ่งขับให้เด็กหญิงตัวน้อยวัยน่ารักงดงามเหมือนตุ๊กตาเจ้าหญิงดังเจื้อยแจ้วขึ้น เรียกร่างอรชรให้หันกลับไปมองต้นเสียง หลังจากก้าวลงมาจากรถ เด็กน้อยวิ่งเข้ามากอดแข้งกอดขาออเซาะหญิงสาวด้วยอารามดีใจ ส่งสายตาไร้เดียงสาพร้อมรอยยิ้มน่าเอ็นดู ศรัญชญายิ้มตอบพรางยอบตัวลงอดยกมือขึ้นบีบจมูกเล็กๆ อย่างหมันเขี้ยวไม่ได้ “จ้าไหนมาให้พี่เอ๋ยหอมแก้มทีซิไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันแน่ะ โหย… ตัวหนักขึ้นนะเนี่ย” หญิงสาวช้อนร่างเล็กนุ่มนิ่มขึ้นมากอดไว้อย่างเอ็นดู พลางก้มหน้าลงหอมแก้มเล็กๆ ฟอดใหญ่พร้อมทั้งบีบแก้มสี ชมพูระเรื่อสลับไปมาข้างโน้นทีข้างนี่ทีอย่างหมั่นเขี้ยว เด็กหญิงหัวเราะคิกคักซบลงกับบ่าของเธอราวกับคิดถึงกันมากมายซะเหลือเกินน้องชมพู่เป็นลูกสาวคนเล็กของนายอำนวยกับนางมะลิภรรยาคนล่าสุดซึ่งเป็นแม่ครัวอยู่ในโรงเลี้ยง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD