ตอนที่8 ความเปลี่ยนแปลง
“แล้วนี่พ่อน้องชมพู่ไปไหนล่ะจ้ะรู้ไหม?”
“แม่บอกว่าพ่อขับรถพานายฝรั่งไปดูไร่ตั้งแต่เช้าค่ะยังไม่กลับมาเลย พี่เอ๋ยคะ… พี่เอ๋ยเคยเจอนายฝรั่งหรือยังคะ นายฝรั่งตัวใหญ่มากและก็หน้าดุ๊ดุ” ประโยคหลังเด็กน้อยเอามือเล็กๆ ป้องหูกระซิบให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน ราวกับเป็นความลับที่บอกใครไม่ได้ เพราะกลัวมารดาที่กำลังเดินตามหลังเข้ามาหาจะเอ็ดเอา
“สวัสดีค่ะคุณเอ๋ยกลับมาแล้ว นี่คุณเอ๋ยทราบข่าวอาการของนายหญิงหรือยังคะเนี่ย” นางมะลิแม่ของเด็กหญิงเอ่ยถามและหันมาทำตาดุใส่ลูกสาวตัวน้อยที่ทำออเซาะผู้จัดการสาวออกหน้าออกตาอย่างน่าหยิก
“ทราบแล้วล่ะค่ะ ก่อนมานี้เอ๋ยก็แวะไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลมาแต่น่าเสียดายที่ท่านกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่เลยไม่ได้พูดคุยกัน แต่ก็ได้ทราบจากคุณหมอธีระดนย์ว่าท่านพ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะค่ะน้ามะลิ”
“อ้อค่ะ พวกเราที่นี่ก็เพิ่งจะทราบข่าวอาการของท่านเมื่อวานตอนสายๆ นี่เองค่ะ พี่นวยพาพวกเราบางส่วนไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลพวกคนของนายฝรั่งเขาไม่ยอมให้เข้าไปเยี่ยมก็เลยพากันไปถามข่าวนายหญิงกับนายฝรั่งที่บ้านพัก ถึงรู้ว่าท่านปลอดภัยดีแล้วคุณพระคุ้มครองแท้ๆ” นางมะลิเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่ผู้จัดการไม่อยู่ให้ฟัง
“แล้วน้ามะลิพอจะทราบไหมคะว่านายฝรั่งจะพักอยู่นี่กี่วัน”
“เอ… อันนี้น้าก็ไม่รู้จริงๆ คะคุณเอ๋ย แต่ลองถามตานวยดูสิคะ รายนั้นน่ะคงจะรู้อะไรบ้างล่ะค่ะวันนี้นายฝรั่งก็เรียกตัวให้พาขับรถไปดูไร่ตั้งแต่เช้าป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลยเห็นบอกเมื่อวานยังพาดูไม่ทั่วน่ะค่ะ เดี๋ยวน้าขอตัวก่อนนะคะจะไปเตรียมอาหารที่โรงเลี้ยง น้องชมพูไปกับแม่ไปลูกปล่อยให้พี่เอ๋ยพักผ่อนก่อน พี่เค้าเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ” นางมะลิอุ้มตัวลูกสาวลงจากบ่าของหญิงสาวขณะที่เด็กน้อยโบกมือหยอยๆ ให้กับเธอ
“จ้าแม่ชมพู่ไปก่อนนะคะพี่เอ๋ย” เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวลาจบก็เดินตามหลังแม่ไปติดๆ
“จ้ะเดี๋ยวอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วพี่เอ๋ยจะตามไปนะ”
หญิงสาวไขกุญแจเปิดประตูเข้าบ้านพักจัดแจงเก็บสำภาระที่ติดตัวมาเรียบร้อยแล้วก็อาบน้ำชำระร่างกาย ไม่ถึงชั่วโมงเธอก็ก้าวออกมาจากบ้านพักด้วยชุดลำลองสบายๆ คว้าจักรยานคันเก่งที่จอดอยู่มุมรั้วปั่นมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารของไร่ คนงานหลายคนทักทายเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เกือบสี่เดือนกับตำแหน่งผู้จัดการไร่ ที่ดูหนักหนาไม่น้อยสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบางอย่างเธอ ที่ต้องใช้ความพยายามและอดทนอย่างมากกว่าจะได้รับการยอมรับจากคนงานในไร่แห่งนี้ แรกๆ เธอก็ถูกต่อต้านกระด้างกระเดื่องจากคนงานบางกลุ่มที่เป็นพวกหัวรุนแรงไม่ชอบอยู่ในกฎระเบียบ
แต่เธอก็ผ่านมันมาได้และยืนอยู่อย่างสง่างามในตำแหน่งผู้จัดการไร่อัศวพงษ์เช่นปัจจุบัน ทว่าก็ต้องยกความดีความชอบให้กับนายอำนวยหัวหน้าคนงานที่คอยช่วยเหลือเธอมาอย่างดีโดยตลอด ผ่านไปครู่ใหญ่จักรยานสีชมพูก็พาร่างอรชรมาถึงโรงเรือนขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยไม้เนื้อดี ทาทับด้วยสีขาวแลดูสะอาดตา ภายในมีโต๊ะไม้ยาววางไว้หลายสิบตัว ด้านบนติดพัดลมเพดานให้คลายร้อน รอบโรงเรือนมีต้นเข็มหลายสีปลูกตามแนวขอบอาคารเหมือนรั้ว จักรยานถูกนำมาจอดพิงไว้ในโรงรถข้างเรือนไม้ หญิงสาวยิ้มรับและไหว้ตอบคนงานหลายคนที่ทักทายซึ่งต่างทยอยกันมารับประทานอาหารกลางวัน
“สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” สาวน้อยใบหน้าหวานรูปร่างอวบอัดสวมหมวกและเอี๊ยมกันเปื้อนสีขาวสะอาดสะอ้าน กำลังทำหน้าที่ตักอาหารถามขึ้นพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เพิ่งมาถึงสักพักใหญ่ๆ นี่แหละ วันนี้มีอะไรกินบ้างจ้ะพร”
“วันนี้มีต้มพะโล้ไก่ ผัดผักรวมมิตร และก็แกงไก่ใส่มะเขือพวงค่ะคุณเอ๋ยส่วนของหวานเป็นขนมบัวลอยค่ะ”
“โห น่าทานทั้งนั้นเลย งั้น… ฉันขอเป็นผัดผักรวมและก็ต้มพะโล้จ้ะพรเอาแต่ไข่นะ”
“ได้คะสักครู่นะคะ” แม่ครัวรีบกุลีกุจอตักอาหารให้ ผู้จัดการสาวรับอาหารและเดินมานั่งรวมโต๊ะกับอำนวยหัวหน้าคนงานที่นั่งอยู่เพียงลำพังโดยปกติแล้วเธอจะมารับประทานอาหารรวมกับพวกพนักงานในไร่แทบจะทุกมื้อย่างไม่ถือตัว พร้อมทั้งถือโอกาสทำให้สนิทสนมและเข้ากับพนักงานที่นี่ได้ง่ายขึ้น
“สวัสดีครับคุณเอ๋ย กลับมาเมื่อไหร่ครับเนี่ย” หัวหน้าคนงานเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน เมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้และนั่งร่วมโต๊ะกับเขา
“สวัสดีค่ะคุณลุง เพิ่งจะมาถึงไม่นานนี่เองค่ะ”
“แล้วน้องสาวคุณเอ๋ย เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” คู่สนทนาถามขึ้นอย่างห่วงใย เพราะรู้ถึงสาเหตุที่เธอลางานไปเยี่ยมน้องสาวเพียงคนเดียวที่ป่วยอยู่จากคำบอกเล่าของเธอเอง
“ไม่เป็นไรมากแล้วค่ะขอบคุณมากนะคะที่ช่วยดูแลงานในไร่ให้ตอนที่เอ๋ยไม่อยู่น่ะค่ะ ถ้าไม่ได้คุณลุงช่วยเอ๋ยคงแย่แน่ๆ เลย” คนพูดมองหน้าคู่สนทนาด้วยแววตาซาบซึ้ง
“ไม่เป็นไรหรอกครับมันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” อำนวยแก้เขินด้วยการยกน้ำในแก้วที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นดื่ม
“จริงสิได้ข่าวว่าวันนี้คุณลุงพานายฝรั่งไปดูไร่หรือคะ” หญิงสาวถามขึ้นด้วยความสนใจใคร่รู้เป็นพิเศษ เพราะต้องการเก็บข้อมูลของเจ้านายคนใหม่เอาไว้ให้มากที่สุด ก่อนที่จะได้ร่วมงานกันในอีกไม่ช้า เนื่องเพราะรู้คร่าวๆ มาแล้ว ว่าลูกชายเจ้าของไร่มาดูแลงานในไร่แทนมารดาที่เข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
“แหมคุณเอ๋ยนี่หูตาไวเหมือนกันนะครับ ใช่ครับนายฝรั่งท่านให้ผมพาดูบริเวณไร่ของเราและก็ซักถามปัญหาต่างๆ เห็นท่านบอกว่าจะมาดูแลไร่ระหว่างที่ส่งตัวนายหญิงไปพักฟื้นที่ต่างประเทศนะครับคุณเอ๋ย เห็นท่านบอกว่าอาจจะอยู่หลายเดือนหน่อยจนกว่าเรื่องยุ่งๆ นี่จะเรียบร้อย”
“อะไรนะคะ! อยู่หลายเดือนงั้นหรอ” ดวงตาคู่สวยเบิกโพล่งกับประโยคที่ได้ยิน เนื่องจากเกินคาดไปสักหน่อยทีแรกก็คิดว่าเขาจะมาดูแลงานเพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ที่ฟังจากหัวหน้าคนงานเห็นท่าว่าเขาอาจจะอยู่ยาวเลยทีเดียว หากพอคิดว่า’
มาเฟียที่ใครเล่าลือกันจะมาทำไร่
’ ก็นึกว่ามันเป็นเรื่องน่าขบขันขึ้นมาซะเฉิบ พลางข่มอารมณ์ที่อยากจะหัวเราะก๊าก! ออกมาจนแทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่ แต่ก็พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ คู่สนทนามองอาการแปลกๆ ของผู้จัดการสาวด้วยสีหน้างุนงง จนเจ้าตัวสังเกตเห็นและรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติโดยเร็วนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าคนที่แต่ตัวด้วยชุดสูทราคาแพงระยับเนื้อตัวเลี่ยมเล้ท่าทางสำอางสำรวยเหมือนในรูปถ่ายที่เธอเคยเห็นจะมาทำอะไรในไร่ซึ่งมีแต่งานหนักๆ ได้กัน
“คุณลุงก็เก่งนะคะเนี่ย ฟังนายฝรั่งรู้เรื่องซะด้วย” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องเหมือนเห็นสีหน้าของคู่สนทนามองเธอด้วยสาตาแปลกๆ
หัวหน้าคนงานยิ้มแฉ่งโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ ด้วยตกปากรับคำกับเจ้านายคนใหม่เอาไว้ว่าไม่ให้แพร่งพรายบอกใครออกไปว่าท่านพูดภาษาไทยได้แม้จะสงสัยข้องใจในเหตุผลของคนสั่งทว่าลูกจ้างอย่างเขาก็ขัดไม่ได้ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวดังขึ้น ศรัญชญาเลิกคิ้วทำหน้าฉงนเมื่อก้มมองดูเบอร์โทรที่เรียกเข้าเป็นเบอร์ที่คุ้นตาหากแต่คนที่เคยโทรมาหาเธอด้วยเบอร์นี้เป็นประจำยังนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล
“สวัสดีครับนี่ผมกำลังพูดอยู่กับคุณศรัญชญาหรือเปล่าครับ” เสียงภาษาอังกฤษดังมาจากปลายสาย
“ค่ะ…กำลังพูดสายอยู่” ผู้จัดการสาวกลอกตาไปมา
“ผมไซมอร์นครับเป็นตัวแทนของคุณอัลฟาร์โน่ พรุ่งนี้แปดโมงตรงเชิญที่ออฟฟิศของไร่นะครับ คุณอัลฟาร์โน่ต้องการพบคุณครับ แล้วกรุณามาให้ตรงเวลานะครับท่านไม่ชอบรอใครนานๆ” จบประโยคปลายสายก็ตัดไปทันที สาวน้อยอ้าปากค้างเหมือนจะถามอะไร แต่ปลายสายก็ดันตัดไปซะก่อน จึงได้แต่ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง และสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าเรื่องยุ่งยากกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ