EP16:ทำทุกวิถีทาง

2154 Words
ตอนที่ 16 : ทำทุกวิถีทาง "พี่พายุอย่าลืมที่บอกกับพราวไว้นะคะ ตั้งแต่ออกมาจากคลับจนถึงบ้านก็ยังติดต่อเขาไม่ได้เลย" พราวฟ้ายื่นหน้าเข้าไปในรถคันหรูของพี่ชายก่อนที่รถคันหรูจะขับออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่ "อื้ม...เราย้ำพี่ตั้งแต่ขึ้นรถจนลงจากรถ พี่คงไม่ลืมหรอก ดนัยมันก็จำได้ขึ้นใจแล้วล่ะ" พายุที่นั่งอยู่เบาะหลังรถคันหรูพูดเพื่อให้น้องสบายใจ พลางส่งสายตาไปที่คนด้านหน้า ก๊อก ก๊อก กำปั้นเล็กเคาะกระจกด้านหน้าข้างคนขับ ทำให้ดนัยลดกระจกลง "นายเป็นคนเก่งหวังว่าจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะดนัย" พราวฟ้าใช้น้ำเสียงเหมือนเด็กเอาแต่ใจ แสดงสีหน้าและแววตาเพื่อให้ลูกน้องพี่ทำตามคำสั่งเธอ "ครับคุณพราวฟ้า" ดนัยตอบกลับมาเพียงสั้นๆ "เข้าบ้านได้แล้ว ไฟในห้องรับแขกเปิดอยู่แสดงว่าคุณแม่ยังไม่นอนเพราะมีเด็กแอบหนีเที่ยว" "ไม่ได้หนีสักหน่อย พราวบอกกับแม่แล้วค่ะว่าจะกลับดึก" "ถ้ายังไม่หยุดเถียง เงินค่าขนมเดือนนี้พี่ตัดเหลือแค่ครึ่งเดียว" พายุใช้น้ำเสียงจริงจังและส่งสายตาไปหาน้องสาวตัวแสบบ่งบอกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น "ไม่ได้เถียงสักหน่อย…เข้าบ้านดีกว่าคุณแม่คงรอพราวอยู่" เด็กสาวรีบลนลานเดินเข้าบ้านทันทีเพราะกลัวโดนตัดเงินค่าขนม สายตาคมมองหลังของน้องสาวจนประตูบานใหญ่ปิดลง รถยนต์คันหรูขับออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ในเวลาต่อมา "ตายหรือยัง" เพียงแค่รถคันหรูออกจากประตูรั้วน้ำเสียงเข้มชวนขนลุกก็ถามลูกน้องคนสนิททันที "ตายทั้งเป็นครับ กระดูกขาขวาหักต้องใช้เหล็กดามขา แขนผิดรูปต้องเข้าเฝือก ตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวไม่แน่อาจเป็นเจ้าชายนิทรา คงอีกนานกว่าจะกลับมาหาคุณพราวฟ้าได้ครับ " "ดี...จัดฉากให้มันออกนอกประเทศพร้อมกับผู้หญิง และเอาหลักฐานปลอมมาให้ยัยพราว" "ครับคุณพายุ" ร่างสูงเอนกายพิงกับเบาะหนังของรถหรูพลางหลับตาลง วันนี้ทั้งวันมีเรื่องให้เขาต้องสะสางไม่รู้จบไม่แปลกที่ร่างกายจะเหนื่อยล้า ท่ามกลางความมืดพายุมักจะแสดงความอ่อนแอและอิดโรยออกมา แต่เมื่อไหร่ที่เขาอยู่ในที่สว่างท่ามกลางสายตาทุกคนเขาคือผู้ชายที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง ไม่มีใครได้เห็นมุมอ่อนแอของเขาแม้แต่คนเดียว ไม่เว้นแม้แต่ลูกน้องคนสนิท สองวันต่อมา @บริษัท สตอร์ม ซีเครท "ฟู่ว..." ริมฝีปากบางเป่าลมออกจากปากเบาๆเมื่อมาหยุดอยู่หน้าบริษัท ฉันต้องหอบหิ้วร่างกายที่บอบช้ำมาทำงานตามคำขู่ของเขา หลังจากที่เขากลับไปในวันนั้นฉันก็ได้นอนที่โรงพยาบาลเพียงแค่คืนเดียว และรบเร้าขอร้องพ่อกับแม่เพื่อที่จะกลับบ้าน จนได้พักฟื้นที่บ้านอีกเพียงหนึ่งวันก็ต้องแต่งตัวมาทำงาน ฉันต้องฝืนยิ้ม ฝืนกินข้าวทั้งที่ความจริงนั้นข้างในฉันปวดระบมจนร้องไห้ ข้าวสักเม็ดก็ไม่อยากจะกลืนลงคอ เช้าวันนี้ก็รีบแต่งตัวมาทำงานอย่างเช่นปกติด้วยใบหน้าที่สดใสเพราะถูกประโคมด้วยเครื่องสำอางอย่างหนักหน่วง ต่อให้พ่อกับแม่อยากให้ฉันพักผ่อนดูแลตัวเองต่อแต่ฉันไม่สามารถทำได้ อีกอย่างฉันก็อยากรู้ว่าป้าที่ทำความสะอาดบริษัทคนนั้นเป็นตายร้ายดียังไงเพราะคนอย่างพายุสามารถทำทุกอย่างได้อย่างเลือดเย็นเกินคน "เฮ้ย...หายแล้วเหรอแก้มใส คนหรือเหล็กทำไมถึกขนาดนี้ พี่เห็นสภาพรถและไม่อยากนึกภาพอะไรต่อเลย" ฝนถามรุ่นน้องด้วยความแปลกใจและรีบเข้าไปคล้องแขนช่วยพยุงกลัวว่าแก้มใสจะล้ม "ก็ยังมีระบมอยู่บ้างค่ะพี่ฝน ถ้าให้ทิ้งงานไปหลายวันคนอื่นต้องทำแทน แก้มไม่อยากให้คนอื่นต้องลำบากเพราะแก้ม" "ไม่มีใครลำบากเลยแก้ม ยิ่งรู้ว่าเจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องดูแลช่วยเหลือกัน แต่ที่พวกเราไม่ได้ไปเยี่ยมพี่ก็บอกแก้มในไลน์ไปหมดแล้วนะ แต่จะว่าไปพี่ก็แปลกใจอยู่นิดเพราะบอสสั่งงานมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อย่างกับจะเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่อาทิตย์นี้ยังไงยังงั้น นี่พวกเราก็แทบไม่ได้นอน แทบจะย้ายสำมะโนครัวมาอยู่บริษัทแทนบ้านอยู่แล้ว" เป็นปกติที่พนักงานจะแอบซุบซิบบ่นเจ้านาย แต่เธอเองก็ค่อนข้างแปลกใจพอแก้มใสเกิดอุบัติเหตุงานก็ทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก จนทุกคนไม่มีแม้แต่เวลาปลีกตัวไปเยี่ยมแก้มใสเลย "แก้มเข้าใจค่ะ ไม่ได้โกรธเลย รู้ว่าทุกคนอยากไปเยี่ยมแต่ติดงานที่บอสสั่ง" ฉันรู้ข่าวนี้มาตั้งแต่วันแรกที่ตัวเองฟื้นเพราะทุกคนต่างส่งข้อความให้กำลังใจฉันทุกวันและอยากไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลแต่กลับถูกคนใจร้ายใช้อำนาจกลั่นแกล้งเพื่อไม่ให้ทุกคนไปเยี่ยม ทำตีเนียนสั่งงานเพื่อกลบเกลื่อนความเลวของตัวเองเพราะจะได้ไปหาฉันได้สะดวก ไม่ใช่เพราะไปเยี่ยมแต่ไปข่มขู่และบีบบังคับ “งั้นอาทิตย์นี้พี่จะไม่ให้เราทำงานหนักนะ เดี๋ยวให้ยัยเฟิร์นช่วยควบคุม" "เหมือนได้ยินคนพูดชื่อเรา นินทาเฟิร์นอีกแล้วนะพี่ฝน...ว่าแต่จะรีบมาทำงานอะไรขนาดนี้แก้ม เป็นเราคงใช้สิทธิ์ลาป่วยให้ครบจำนวน อีกอย่างบอสก็ให้แก้มลาป่วยไม่มีกำหนดจนกว่าร่างกายจะหายดีไม่ใช่เหรอ แก้มควรนอนตีพุงอยู่บ้านนะ" สาวตุ้ยนุ้ยถามด้วยความสงสัย "หึ...ช่างเถอะ" ฉันได้แต่หัวเราะในลำคอออกมาและพูดปัดไปเพราะความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย เขาเล่นป่าวประกาศเป็นคนดีไปทั่ว แต่สิ่งที่ฉันได้รับมันคือความเลวต่างหาก "ว่าแต่ป้าคนที่มาทำความสะอาดในแผนกเราไปไหนเหรอ เอ่อ...แก้มเข้ามาก็ยังไม่เห็นแกเลย ทุกทีแกจะชอบเก็บกวาดอยู่ด้านหน้าบริษัท" "อ่อ...ป้าเขาลากลับบ้านต่างจังหวัด เห็นว่าญาติเสียนะขอลาสองอาทิตย์ หลายวันก่อนเราไปถามเพื่อนแกมาเลยรู้เรื่อง" "ให้เรียกว่าต่อมความอยากรู้มันทำงานตั้งแต่สองวันแรกที่ป้าแกหายไปต่างหากล่ะ" ฝนอดที่จะแซวรุ่นน้องไม่ได้ "พี่ฝนจะบอกว่าหนูเสือกใช่ไหมคะ ยอมรับค่ะ เพราะความเสือกทำให้เราได้คำตอบ" เฟิร์นไหวไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน ฉันได้แต่ยิ้มและส่ายหัวกับสองคนนี้ เวลาอยู่ด้วยกันทีไรก็มักจะพูดจิกกัดกันทุกที อย่างน้อยการได้เจอสองคนนี้ก็ทำให้ฉันยิ้มที่ออกมาจากข้างในจริงๆ แต่คำพูดของเพื่อนสาวคนสนิทก็ทำให้ฉันเบาใจไปเปลาะหนึ่ง เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าอีกสองอาทิตย์ป้าแกจะกลับมาทำงาน แสดงว่าเขายอมทำตามคำร้องขอของฉัน หวังแค่ว่าครบสองอาทิตย์แล้วจะได้เห็นแกมาเก็บกวาดเช็ดถูในแผนก หลังจากพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอทุกคนก็แยกย้ายกันทำงานในส่วนของตัวเอง เมื่อคนอื่นสนใจกับงานตัวเอง ทำให้ใบหน้าหวานแสดงสีหน้าเหยเกออกมาเป็นระยะ เพราะแค่ขยับตัวความเจ็บปวดก็เข้ามาทักทาย ตรงกลางหว่างขาที่บวมเปล่งถูกเสียดสีกับกางเกงชั้นในยิ่งเพิ่มความเจ็บแสบมากขึ้นกว่าเก่า หวังว่าวันนี้จะเป็นการกลับมาทำงานวันแรกที่ราบรื่นโดยที่ไม่เจอมารตัวร้ายอย่างเขา ถึงจะรู้ว่าเขาเข้ามาบริษัทแล้วก็ตาม 11.59 น. ติ๊ง เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นในจังหวะที่จะเตรียมตัวพักเที่ยง ดวงตากลมโตมองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูทำเอาหัวใจดวงน้อยตกไปที่ตาตุ่ม "ขึ้นมาหาฉันที่ห้องทำงาน" ฉันได้แต่มองข้อความที่เด้งเข้ามาในไลน์ส่วนตัวโดยยังไม่เปิดเข้าไปอ่าน ชื่อคนส่งระบุเด่นชัดว่าคือใคร ไม่นานแสงไฟบนหน้าจอก็ดับลงทำให้ไม่เห็นข้อความนั้น "พักเที่ยงไปกินส้มตำกันไหม" เฟิร์นพูดขึ้นแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนพึ่งออกจากโรงพยาบาล "อุ้ยลืม...แก้มไม่สบายอยู่คงจกปลาร้าไม่ได้แน่ อาหารแสลงทั้งนั้น" "เราก็อยากกินอะไรแซ่บๆอยู่พอดี เดี๋ยวเราเลือกกินตำอย่างอื่นแทน กินแต่อาหารจืดๆมาหลายวันไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไหร่" มือบางหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาปิดเสียงและเก็บไว้ลิ้นชักพร้อมกับล็อคกุญแจเสร็จสรรพ "เอาไงก็เอา ห้ามกันไม่ได้อยู่แล้วนิ ปะ...อ้าวคุณดนัยมีอะไรหรือเปล่าคะถึงลงมาหาพวกเราถึงชั้นนี้" ยังไม่ทันที่ฝนจะพูดกับรุ่นน้องจบ ก็ต้องหยุดชะงักและกล่าวทักทายเลขาของท่านประธานที่เดินดุ่มๆเข้ามาในแผนก แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะทุกครั้งถ้าสั่งงานมักใช้แอปพลิเคชั่นไลน์หรือโทรมาเท่านั้น นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เห็นเลขาลงมาถึงชั้นนี้ด้วยตัวเอง ฉันได้แต่ยืนนิ่งเมื่อเห็นหน้าลูกน้องคนสนิทของเขา สายตาของเราประสานกันอยู่ชั่วขณะและสุดท้ายฉันก็เป็นฝ่ายหลบสายตานั้นไปเอง มือบางจับชายกระโปรงไว้แน่นเพราะการที่ดนัยลงมาที่นี่แบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ "แก้มใสทำหน้าที่วิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของตลาดปัจจุบันใช่ไหม" ดนัยถามหัวหน้าแผนกเสียงเรียบ "ใช่ค่ะ คุณดนัยสามารถคุยกับแก้มใสได้เลยค่ะ น้องเขาเก่งมากแถมวิเคราะห์ตีตลาดแตกทุกคอลเลคชั่นเลย" "ไม่ใช่ผมหรอก แต่คุณพายุอยากให้คนที่ทำหน้าที่นี้ขึ้นไปอธิบายให้ฟังหน่อย เหมือนจะเจอจุดนิดๆหน่อยๆที่คุณพายุไม่เข้าใจ....หวังว่าแก้มใสจะขึ้นไปอธิบายให้คุณพายุฟังได้นะครับ คุณพายุต้องการฟังรายละเอียดเดี๋ยวนี้" ดนัยเน้นย้ำในประโยคสุดท้ายพร้อมกับปรายตามองหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนห่างออกไปไม่มาก เชื่อว่าคำพูดของเขาเธอคงเข้าใจความหมาย "ตอนนี้เลยเหรอคะ" เฟิร์นที่ยืนข้างแก้มใสถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ "ตอนนี้...หวังว่าจะเข้าใจ อาจรบกวนเวลาพักเที่ยงแต่ไม่ต้องห่วงบอสจะชดเชยเวลาให้ " ฉันเข้าใจในคำพูดของดนัยดี ทั้งสองคนอาจจะฟังเป็นคำพูดปกติ แต่สำหรับฉันมันคือคำสั่งบีบบังคับแบบไม่มีทางเลือกอื่น "บอสอยู่ที่ห้องใช่ไหม" ในเมื่อหนีไม่รอดก็มีสิ่งเดียวที่ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็คือการเผชิญหน้ากับเขา ไม่รอฟังคำตอบจากปากลูกน้องคนสนิท ฉันก็เลือกที่จะเดินออกมาเลย "สักวันความชั่วของคุณมันจะส่องแสงสว่างให้ทุกคนได้เห็น อย่างน้อยฉันก็เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม" ฉันได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆเมื่อเข้ามาในลิฟต์แล้ว พลางมองตัวเลขในลิฟต์ที่ขึ้นไปเรื่อยๆอย่างหวาดหวั่น ติ้ง... ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นเป้าหมาย มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นพยายามข่มความกลัว เท้าเรียวเล็กก้าวไปยังห้องเป้าหมาย หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่หยุด มือที่สั่นเทาค่อยๆเปิดประตูออกโดยไม่เคาะประตูส่งสัญญาณให้คนด้านในรับรู้ เชื่อว่าเขาคงรู้ทุกย่างก้าวของฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่ส่งลูกน้องลงไป ครืด.... พรึบ "อึก..." ฉันถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อใหญ่ แค่เพียงเปิดประตูออก มีดสีเงินปลายแหลมสะท้อนกับแสงไฟจนแวววาวก็จ่อเข้าที่คอระหงอย่างรวดเร็ว ด้านคมหันเข้าเนื้ออ่อนพร้อมจะลงมีดกรีด ดวงตากลมโตมองเจ้าของการกระทำที่สุดแสนชั่วช้านี้อย่างหวาดระแวง "เธอคิดว่าฉันโง่เหรอแก้มใส...เธอรู้ไหมว่าถ้ามีดที่มันอาบยาพิษสะกิดจนเธอมีเลือดออกมาเพียงปลายเล็บ ยาพิษมันจะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ไม่เกินห้าวินาทีร่างกายเธอจะกระตุกเกร็ง และเมื่อมันครบสิบวินาทีเธอจะน้ำลายฟูมปาก ร่างกายเธอจะทรมานจนถึงยี่สิบวินาที และสุดท้ายก็...ตาย" ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปากพลางจ้องหญิงสาวตัวเล็กตาเขม็ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD