“ข้าเดาแผนการของเจ้าถูกใช่หรือไม่! เจ้านี่เป็นมารดาที่แย่เกินรับไหว คิดใช้บุตรเป็นเครื่องมือ ไม่สงสารนางบ้างหรือไร” หลิวอี้เฟิงพอจะคาดเดาแผนการของอันหรานได้ ก็ด่านางไปไม่ยั้ง จนบุตรสาวพ่อค้าได้แต่อ้าปากค้าง
“…”
“หึ ไม่เถียงเช่นนี้ คงเป็นเรื่องจริงสินะ”
“ท่านเว้นช่องให้ข้าได้พูดหรือไรเล่า! เป็นบ้าหรือไร พูดเองเออเอง คิดเพ้อเจ้อไปกันใหญ่!”
“นะ นี่เจ้าตะคอกข้าหรือ” ชายหนุ่มถึงขั้นขยับถอยห่างภรรยา
“ตกใจหรือ เข้าใจความรู้สึกข้าแล้วใช่หรือไม่ มาถึงก็ด่า ด่า ด่า แล้วยังพูดเพ้อเจ้ออีก ท่านหาเวลาไปพบหมอเสียบ้างนะ ข้าว่าท่านคงมีอาการทางประสาท”
“…”
“อ่อ แล้วข้าก็มิได้มีแผนการร้าย เพียงอยากให้หลิงหลิงรักข้าบ้างก็เท่านั้น” ว่าแล้วสาวงามก็ลุกพรวด ปัดฝุ่นผงใส่สามี ก่อนออกไปวิ่งเล่นกับบุตรสาว ทิ้งให้ราชครูผู้เก่งกาจนิ่งค้างไปชั่วขณะ
จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร ทุกทีไม่ว่าเขาจะดุด่านางอย่างไร นางก็ไม่เคยโต้ตอบ แต่นี่กลับด่าว่าเขาเสียงดัง คราก่อนก็หนหนึ่งแล้ว
ไม่น่าไว้ใจ อย่างไรก็ไม่น่าไว้ใจ
คืนนั้นพ่อบ้านหานชุนจึงถูกเรียกเข้าพบนายท่านของเรือน เพื่อรายงานพฤติกรรมของฮูหยินน้อยอย่างละเอียด
“ช่วงนี้ฮูหยินน้อยไม่ได้ทำสิ่งใดเลยขอรับ นอกจากดูแลคุณหนู”
“กับท่านแม่และท่านย่าเล่า นางมีท่าทีอย่างไรบ้าง”
“ดีขอรับ ยังเคารพฮูหยินทั้งสองเช่นเคย กับบ่าวไพร่ทุกคนก็เช่นกันขอรับ จะมีก็เพียง เอ่อ” พ่อบ้านชราเงียบปากลง เหลือบตามองผู้เป็นนายอย่างไม่แน่ใจ ว่าควรพูดหรือไม่
“ว่ามาเถิด เจ้าเห็นว่านางทำเรื่องชั่วช้าอันใด”
“มิได้ขอรับ เพียงแต่คนที่ฮูหยินน้อยปฏิบัติแปลกไป ก็คงจะมีเพียงนายท่าน เพราะปกติแล้วฮูหยินมักจะทำอาหาร เตรียมอาภรณ์ เครื่องเขียนต่างๆ ไว้ให้ท่านเอง แต่…”
“…”
“ตอนนี้ฮูหยินน้อย ไม่มาเหยียบเรือนใหญ่เลยขอรับ” หานชุนค้อมตัวลง เมื่อเห็นใบหน้ามืดครึ้มของผู้เป็นนาย
“หึ คงเป็นแผนหลอกให้ข้าตายใจอีกแล้วกระมัง จากนี้เจ้าจับตามองนางทุกฝีก้าว อย่าให้คาดสายตาเป็นอันขาด”
“ขะ ขอรับ”
เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนายแล้ว พ่อบ้านอาวุโสก็ทำตามอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าอันหรานจะเดินไปที่ใด เขาก็จะคอยเดินสอดส่องบริเวณนั้นอยู่ตลอดเวลา จนคนถูกจับตามองรู้สึกตัว
“ฮูหยินเจ้าคะ พ่อบ้านหานมาอีกแล้วเจ้าค่ะ”
“อืม หลิวอี้เฟิงคงให้มาจับผิดข้าเป็นแน่”
“คราวนี้ลงทุน มุดพุ่มหญ้ามาแอบฟังเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูกระซิบกระซาบกับผู้เป็นนาย พลางพยักพเยิดหน้าไปทางพุ่มไม้นั้น
“หึ เจ้าไปเอาหมึกอันใหม่มาให้ข้าทีสิเสี่ยวจู”
“คิก ได้เจ้าค่ะ”
หลังจากนอนกลางวันเสร็จ เซี่ยอันหรานก็ขออนุญาตท่านย่า พาบุตรสาวออกมานั่งเล่นที่ศาลาในสวน
คนเป็นแม่หากิจกรรมให้บุตรสาวทำอย่างเคย วันนี้เป็นการหาสิ่งของธรรมชาติ มาพิมพ์ลายลงบนกระดาษ เด็กน้อยวัยสามหนาวจึงเปื้อนหมึกไปทั้งตัว
“ท่านแม่เจ้าขา ลูกพิมพ์ลายดอกไม้”
“เก่งมากลูกรักของแม่ แต่แม่ว่าสีมันเริ่มจางแล้ว เราเปลี่ยนหมึกดีหรือไม่ แม่กำลังให้พี่เสี่ยวจูไปเอาแท่งหมึกอันใหม่มา เราเอาน้ำหมึกนี้ไปทิ้งดีกว่า”
“เจ้าค่ะ” ว่าแล้ว หลิงหลิงก็ยกถาดหมึกไปเททิ้ง ในบริเวณที่มารดาบอก
อันหรานเองก็ช่วยสาดหมึกไปยังจุดที่ต้องการ
จนคนซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้สะดุ้งโหยง แต่ก็ทำสิ่งใดมิได้ นอกจากอดทนและเอ่ยตัดพ้อคุณหนูน้อยอยู่ในใจ
จากที่พ่อบ้านหานคิดว่าพอน้ำหมึกหมดแล้ว จะไม่โดนกลั่นแกล้งอีก ก็เป็นอันต้องคิดใหม่ เพราะขนไก่ ขนนกที่บ่าวในเรือน ขนมาให้คุณหนูน้อยพิมพ์ลาย ก็ถูกโยนมาใส่ตัวเขา จนสภาพดูไม่ได้ ต้องรีบถอยร่นออกจากตรงนั้นไป
“นายท่านขอรับ”
“พะ พ่อบ้านหานหรอกหรือ” ชายหนุ่มตกใจผวา เมื่อเดินเข้าเรือนมา ก็พบก้อนขนนั่งรออยู่ แต่เมื่อพิจารณาดีๆ ก็เห็นว่าเป็นพ่อบ้านหาน
“ขอรับ นายท่านยกเลิกคำสั่งให้บ่าวจับตาดูฮูหยินน้อยเถิดขอรับ ถือว่าเห็นแก่บ่าวชรา ใกล้ลงโรงผู้นี้เถิด”
“นี่นางกล้ากลั่นแกล้งเจ้าถึงเพียงนี้เลยหรือ! กำเริบเสียจริง”
“มิได้ขอรับ เป็นคุณหนูที่ทำบ่าวเป็นเช่นนี้” ว่าแล้วก็เล่าความเป็นมาของเรื่องทั้งหมด ให้เจ้าของเรือนฟัง
อี้เฟิงที่รับรู้ก็กระแอมไอ กลั้นขำจนตัวสั่น สงสารก็สงสาร แต่พอนึกภาพก็อดขำกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้
สมกับเป็นสตรีแพศยานางนั้น ใช้ลูกเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งผู้อื่น
“เอาเถิด แล้วตอนนี้นางทำสิ่งใดอยู่”
“ก่อนบ่าวจะออกมา เห็นว่าจะฮูหยินพาคุณหนูไปอาบน้ำขอรับ”
“แล้วมีคนของท่านย่าไปด้วยหรือไม่”
“ไม่ขอรับ ช่วงนี้คุณหนูอยู่กับฮูหยินน้อยตามลำพังได้แล้ว ฮูหยินเฒ่าจึงไม่ให้พี่เลี้ยงตามมาดูแลแล้วขอรับ” ได้ฟังเช่นนั้น อี้เฟิงก็ตกใจเป็นอย่างมาก แม้จะเข้าใจเจตนาของท่านย่า ที่อยากให้แม่ลูกใกล้ชิดกัน แต่เขาไม่ไว้ใจเซี่ยอันหราน
“ทิ้งหลิงหลิงไว้กับนางตามลำพังได้อย่างไร! ข้าจะไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปอาบน้ำอาบท่าเสียเถิด”
เซี่ยอันหรานวักน้ำ ขึ้นมาล้างหน้าล้างตาให้บุตรสาว ที่บัดนี้มัวแต่สนใจกระโดดโลดเต้นอยู่ในอ่างอาบน้ำ
“หลิงหลิงของแม่ยืนนิ่งๆ ให้แม่ล้างหน้าก่อนเถิด ประเดี๋ยวไปทานมื้อเย็นกับท่านย่าและท่านย่าทวด พวกท่านจะตกใจหน้าดำของเจ้าเอาได้”
“เจ้าค่ะ หน้าท่านแม่ก็เปื้อน คิกๆ” เด็กน้อยปิดปากขำ ก่อนจะเข้าไปกอดคอมารดา ที่แช่น้ำอยู่ในอ่างกับนางด้วยท่าทีสดใส
“เปื้อนเพราะผู้ใดกันเล่า”
“เพราะลูกเจ้าค่ะ” สองแม่ลูกพากันอาบน้ำอย่างสนุกสนาน อันหรานจึงใช้เวลานี้หยั่งเชิงบุตรสาว เรื่องครอบครัวสกุลเซี่ย
“หลิงหลิงคิดถึงท่านตา ท่านยาย และท่านลุงบ้างหรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ”
“เหตุใดเอ่ยเช่นนั้นเล่า พวกท่านคงร้องไห้เสียใจแล้วกระมัง”
“ลูกลืมท่านตาแล้วเจ้าค่ะ” ได้ฟังคำตอบ อันหรานก็หน้าเสียทันที
เรื่องนี้คงเป็นเพราะนาง ที่ก่อนหน้ามิค่อยได้ใส่ใจบุตรสาว ไม่พาลูกไปเยี่ยมตายาย ทั้งที่เรือนก็มิได้อยู่ห่างไกลกันมากนัก เดินทางเพียงสองเค่อก็ถึงแล้ว (30 นาที)
“เช่นนั้น แม่พาเจ้าไปเที่ยวเล่น ที่เรือสินค้าของท่านลุงดีหรือไม่ ที่นั่นมีของเล่นมากมายเลยนะ จะได้เจอท่านตากับท่านยายด้วยอย่างไรเล่า”
“…”
“ท่านตากับท่านยายใจดีมาก ท่านยายก็ทำขนมเก่งที่สุดเลยด้วย”
“ลูกอยากไปเจ้าค่ะ” อันหรานยิ้มร่า พลางดึงเด็กน้อยเข้ามากอดแนบอก ก่อนจะเล่นสาดน้ำใส่กัน จนมีเสียงกรี๊ดของเด็กน้อยดังลอดออกไปนอกเรือน
ทำเอาผู้ที่พึ่งเข้ามาใหม่ร้อนใจ คิดว่าเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับบุตรสาว จึงรีบก้าวเข้าไปในห้องอาบน้ำ
ปัง!! ชายหนุ่มผลักประตูเข้าไปอย่างแรง แต่เหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า กลับไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด
บุตรสาวของเขายิ้มหัวเราะ เล่นสาดน้ำกับผู้เป็นมารดาอย่างสนุกสนาน ราชครูหนุ่มจึงโล่งใจไปได้
แต่เมื่อสติกลับคืนมา ภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้น เรือนร่างเปลือยเปล่าของสตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาชัง กลับประจักรอยู่ในสายตา
ส่วนเว้าส่วนโค้งทั้งที่พอดี ทำเอาเลือดในกายหนุ่มสูบฉีด จนใจเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ท่านเข้ามาได้อย่างไร ออกไปนะ” ตุบ! อันหรานคว้าเอาก้อนหินขัดตัวขว้างชายหนุ่ม
“หยุด! หยุดมองเสียอี้เฟิง” ร่างสูงเอ่ยสั่งตนเอง ก่อนจะหลับตาแล้วหันหลังเดินกลับออกมานั่งหน้าเรือน เพื่อทำจิตใจให้สงบ
“นางเป็นสตรีแพศยา เจ้าอย่าได้หลงกลนาง ไม่แน่ว่านางอาจตั้งใจในเจ้าผลักประตูเข้าไปก็ได้นะ อี้เฟิง!” ปากหยักเอ่ยเตือนตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่เป็นผล
กระทั่งนึกถึงสาเหตุการตายของพี่ชาย จิตใจจึงได้กลับมาสงบเช่นเดิม
“หากไม่ใช่เพราะสตรีแพศยาพวกนั้น พี่ใหญ่คงมิตายจากไปเช่นนี้” คำพูดลอยๆ เพื่อเตือนสติตนเองของชายหนุ่ม กลับทำให้อันหรานที่พึ่งอุ้มลูกออกมา นึกสงสัยในเรื่องราว
พี่ชายของอี้เฟิง ตายเพราะเหตุใดกัน