บทที่สอง ขอข้าวกินหน่อย

2259 Words
ฉันถอดเสื้อชูชีพที่เกะกะวางไว้ “ขอบใจนะ” กล่าวขอบคุณมันที่ช่วยให้ฉันไม่กลายเป็นอาหารของปลาในทะเล จากนั้นพยายามเดินค้นหาลูกบัวหรือคุณลุงคนขับเรือทั่วริมชายหาดเท่าที่เข้าถึงได้และหวังในในใจพวกเขาเหล่านั้นจะลอยมาติดฝั่งอย่างปลอดภัยเช่นกัน เมื่อตะวันเริ่มจะลาลับขอบฟ้ากำลังใจที่สร้างให้กับตัวเองก็เริ่มดับลงเรื่อย ๆ เวลากลางคืนคงมืดสนิท บรรยากาศโดยรอบคงวังเวงเคว้งคว้างน่ากลัวหลอนเสียงคลื่นกระทบฝั่ง จากนั้นก็จะเป็นเวลาของสัตว์ป่าดุร้ายเริ่มออกล่า ฉันนั่งชันเข่าอยู่ริมหาดปล่อยให้คลื่นแตะฝ่าเท้า ความคิดฟุ้งซ่านประเดประดังเอ่อล้นท่วมทวีคูณน้ำตาไหลแหมะหยดผสมกับน้ำเค็ม “ฉันไม่อยากตายที่นี่” ไม่ได้การแล้วฉันต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง สัญญาณขอความช่วยเหลือ ว่าแต่บนนี้มีอะไรที่สามารถพอช่วยได้บ้างเนี่ย! จังหวะนั้นเองก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังอยู่เหนือศีรษะ เครื่องบิน! จริงสิเส้นนี้คงเป็นเส้นทางการบินข้ามไปยังบนเกาะท่องเที่ยว ฉันต้องก่อกองไฟ! หลังจากรวบรวมเศษไม้ใบหญ้าพอที่จะสามารถสร้างแสงสว่างได้แล้วก็เริ่มลงมือสุมไม้รวมกัน วางใบไม้แห้งไว้ข้างใน แต่ว่า… จะใช้อะไรจุดไฟใส่? มองวัสดุธรรมชาติตรงหน้าและหยิบกิ่งไม้แผ่นไม้โรยเชื้อเพลิงอย่างใบไม้แห้งและทำการปั่น “ติดสิ! ติด!” ใช้สองมือถูกเข้าหากันอย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง… “ไปไกล ๆ เลยไป แสบมือไปหมด” ฉันขว้างไม้เจ้าปัญหาทิ้งสุดกำลังอย่างหัวเสีย จริงสิยังมีอีกวิธี หินกระทบหิน! และแล้วมันก็ได้ลอยตามกิ่งไม้ก่อนหน้านี้ตามไปติด ๆ ฉันคงดูละครเยอะไป… ฉันเดินคอตกยกใบมะพร้าวแห้งและลากมันกับพื้นทรายจนปรากฏตัวอักษร HELP ME เป็นวิธีที่ช่างไร้ความหวังสุด ๆ ลมพัดน้ำซัดข้อความขอความช่วยเหลือก็คงมลายหายไปในไม่ช้านี้ แถมยังไม่รู้อีกว่าหากมีใครมองลงมาจากทางหน้าต่างของเครื่องบินจะมองเห็นเส้นเหล่านี้หรือเปล่า? ไม่นานสิ่งกลัวที่สุด ณ ตอนนี้ก็เริ่มคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ เวลาไม่เคยคอยใคร ฉันเหม่อหมดอาลัยตายอยากมองท้องฟ้าสีแสดที่กำลังจะหายไปในไม่ช้านี้ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงบางอย่างถูกโยนลงน้ำ เสียงจ๋อม ๆ สองสามที ฉันรีบหันไปตามต้นเสียงอย่างมีความหวัง บางทีอาจจะเป็นลูกบัว “ลุง!” ฉันวิ่งหน้าตั้งด้วยความดีใจที่เจอใครสักคน เขากำลังนั่งหันหลังก้มหน้าก้มตาขะมักเขม้นทำบางอย่าง “ลุง! ใช่ไห...ม...” เสียงที่เปล่งออกมาอย่างมีความหวังถูกกลืนกินหายเข้าไปในกลีบเมฆ สรีระแบบนั้นไม่ใช่ลุงขับเรือแน่นอน ถ้าฉันมีสติสักนิดคงไม่หลงร้องเรียกอย่างสบายใจหรอก จากที่กำลังวิ่งมุ่งตรงไปหาเพื่อจะขอความช่วยเหลือแต่เมื่อคิดบางอย่างได้จึงเบรกโดยใช้ปลายเท้าจิก “โอ๊ย!” ฉันสะดุดขาตัวเองล้มกลิ้งม้วนหน้าตีลังกาหน้าทิ่มทราย ใช้สองมือยันพื้นเงยหน้าขึ้นก็พบว่าชายแปลกหน้ากำลังจ้องมองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยและก้มหน้าทำสิ่งที่อยู่ในมือต่อโดยไม่สนใจ นั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าเขาคงไม่ปองร้าย แต่ฉันยังคงไว้ใจเขาไม่ได้หรอก คอยดูอยู่ห่าง ๆ ดีกว่า ฉันลุกขึ้นรีบเดินห่างออกไป นั่งลงข้างโขดหินกอดกระเป๋านั่งสังเกตการณ์ในการกระทำของชายคนนั้นชายผิวคล้ำรูปร่างที่กำยำกล้ามเนื้อแน่น ผมเผ้ายาวรุงรังแถมยังเปลือยท่อนบน ส่วนท่อนล่างเหมือนมีผ้าบางอย่างห่อหุ้มปกปิด ชายร่างเปลือยเก็บมีดสั้นเสียบใส่ปลอกใส่ที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวหลังจากเหลาปลายไม้ในมือจนแหลม เขาเหยียดยืนตรงกระแทกหอกลงกับพื้นเล็กน้อยจนทำให้หญิงสาวตรงหน้าสะดุ้ง แววตาที่จ้องมองเขาดูหวาดกลัวแต่ก็ยังแอบมองตลอดเวลา เขาหันตัวเข้าหาทะเลกว้างก้าวขาลงไปยังน้ำและปีนขึ้นโขดหินที่มีความแหลมคมเพราะถูกน้ำเซาะมานานนับหลายร้อยหลายพันปีอย่างชำนาญ จ้องมองที่ผิวน้ำสักพักก็ง้างแขนและปาหอกนั้นด้วยความเร็วและแรงจากนั้นก็พุ่งตัวลงไปเก็บไม้ที่เพิ่งปาลงไปขึ้นมาพร้อมกับปลาตัวเล็กที่กำลังดิ้นด้วยความเจ็บปวด เขาดึงมันออกจากปลายไม้โยนมันขึ้นฝั่งและทำซ้ำ ๆ จนกระทั่งตอนนี้บนฝั่งมีปลาไม่ต่ำกว่าสิบตัวนอนดิ้นเกลื่อนชายหาด ฉันแอบมองการล่าปลาในทะเลของเขา เขาหยิบปลาที่นอนเกลื่อนพื้นใส่ตาข่ายขนาดพอเหมาะและเดินห่างฝั่งเข้าไปในป่า ฉันตัดสินใจเดินตามห่าง ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ณ ตอนนี้ชายแปลกหน้าอาจเป็นที่พึ่งคนเดียวในตอนนี้และฉันตัดสินใจถูก เพราะไม่ถึงสิบนาทีแสงอาทิตย์ก็ดับลับไปเหลือเพียงแสงจันทร์แสงดาวส่องประกายระยิบระยับสะท้อนกับผืนน้ำทะเล เขาแขวนตาข่ายใส่ปลาไว้กับไม้ที่ใช้ทำเพิงสำหรับพักค้างอ้างแรมชั่วคราว หยิบก้อนหินใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยจับมาวางเรียงเป็นวงกลมไว้นอกเพิงสำหรับพัก เขาใส่ไม้และเชื้อเพลิงธรรมชาติและหยิบหินสองก้อนขึ้นมากระทบกัน ฉันเห็นดังนั้นก็แอบหัวเราะในใจ ฉันเคยทำแล้วมันไม่ได้ผลหรอก! แต่ใจหนึ่งก็ลุ้นว่าเขาจะทำสำเร็จหรือเปล่า? เสียงเคาะป๊อกแป๊กดังอยู่สองถึงสามที ประกายไฟก็เริ่มแลบออกมา เขาโยนเศษหญ้าแห้งที่ติดไฟลงไปและก้มหน้าเป่าลมจนไฟพวยพุ่ง ลุกขึ้นหยิบปลาตัวน้อยเสียบเรียงกันทีละสองตัวพลิกไปพลิกมาเหนือกองไฟ ถ้าเขาจุดไฟไม่ได้สิแปลก คงไม่อยู่รอดจนผมยาวปรกหน้าแบบนี้หรอก จะว่าไปตัวฉันเองยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่ลืมตาและพบว่าอยู่บนเกาะแห่งนี้ โชคดีที่พอมีขนมในกระเป๋า น่าจะพอรองท้องได้สองวัน “ขนมปังจ๋า” รูดซิปแหวกกระเป๋า “ขะ… หนม… ปัง…” ข้างในว่างเปล่าเฉนเช่นท้องของฉัน ลืมไปว่าก่อนหน้านั้นฉันหยิบถุงขนมวางไว้ในเรือเพื่อกินระหว่างทางและที่เหลือคงตกอยู่ไหนสักแห่งในเรือหรือกำลังลอยตามกระแสน้ำไปแล้ว ตอนนี้ฉันได้แต่นั่งตาละห้อยพิงต้นไม้ต้นใหญ่ ผ่านไปสักพักควันไฟก็ลอยเตะจมูก กลิ่นหอมของปลาย่าง ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอพินิจพิจารณาว่าควรตีมึนเข้าไปร่วมวงกับชายคนนั้น เขาปิ้งปลาตัวแล้วตัวเล่า เมื่อมันสุกก็ฉีกเนื้อกินอย่างเอร็ดอร่อย แหงนมองในตาข่ายเหลือปลาสดอีกสองตัว เขาลุกขึ้นหยิบลูกมะพร้าวใช้มีดเฉาะด้วยความชำนาญ ยกน้ำมะพร้าวกระดกและตามด้วยเศษเนื้อสีขาวนวลของมัน เขาเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ตรงหน้า มือก็หยิบเศษไม้เพื่อเติมเชื้อเพลิงไปด้วย ฉันหลบสายตาเมื่อเห็นเขาจ้องมองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยหรือเขากำลังบอกฉันว่า ‘กินปลาด้วยกันไหม?’ ฉันรวบรวมความกล้าลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาชายคนนั้น “นี่...” ฉันเม้มปาก น้ำลายอึกใหญ่ไหลลงคออีกครั้ง “ขอนั่นได้ไหม?” ชี้ไปยังปลาย่างในมือเขา จู่ ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้น ฉันรีบถอยห่างทิ้งระยะหรือบางทีฉันควรจะหาอะไรแลกเปลี่ยน จนสายตาสะดุดเข้ากับหินรอบกองไฟที่วางเรียงเป็นวงกลมและก่อกองไฟในวงนั้นแต่มันแหว่งไปหนึ่งช่อง เขายืนมองเธอวิ่งหนีหายไปในความมืดอย่างประหลาดใจ เธอคนนั้นวิ่งหนีไปทำไมในเมื่อเขากำลังจะย่างปลาให้เธอ เขาหยิบปลาที่เหลือสองตัวเสียบใส่ไม้ บางทีเธออาจจะกลับมาแต่ถ้าไม่เขาก็จะกินเองเพราะกระเพาะของเขายังสามารถจุได้อีกเยอะ ไม่นานเขาก็เห็นเธอวิ่งตรงมาด้วยอาการเหนื่อยหอบพร้อมกับถืออะไรบางอย่างในมือ หิน? เธอหายไปเพราะไปหาหินที่ใหญ่กว่าสองมือของเธอเสียอีก ว่าแต่จะเอามาทำอะไร? และเขาก็ได้คำตอบที่สงสัยเมื่อจู่ ๆ เธอก็ยื่นมันมาตรงหน้าเขา “เอาไปวางตรงนั้นสิ” ฉันหันไปมองจุดแหว่ง “แลกกับปลานะ” ให้ตายเถอะ! หินเนี่ยนะที่เธอพยายามหาของแลกเปลี่ยนกับเขา “...” มองหินที่ชุ่มไปด้วยน้ำ รับมันมาไว้ในมือก่อนจะโยนมันทิ้งไป หินที่เปียกชื้นไม่เหมาะแก่การนำมาวางรอบกองไฟเพราะมันอาจจะระเบิดออกได้เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของอุณหภูมิ เขาจึงเลือกที่จะโยนมันทิ้งให้ออกห่างจากความร้อนนั้น ฉันยิ้มดีใจเมื่อเขารับของที่ฉันหามาอย่างยากลำบาก แต่การกระทำต่อจากที่รับไปทำเอาฉันช็อกไปเลยเพราะเขากลับโยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดี กว่าจะหาหินที่มีขนาดพอ ๆ กับที่เขาวางล้อมรอบมันยากเหลือเกิน ส่วนมากตามชายหาดมีแต่หินกรวดก้อนเล็กแถมยังต้องใช้ความกล้าหาในกลางคืนที่มืดมาก “ทำไมล่ะ? ไม่แบ่งฉันเหรอ?” ฉันก้มหน้าเบี่ยงมองก้อนหินนอนอยู่กับพื้น ดวงตาเริ่มร้อนผ่าว จมูกคัดตันฉับพลัน ภาพก้อนหินตรงหน้าก็ถูกแทรกด้วยปลาสุกสองตัว ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอัตโนมัติ “ให้ฉันเหรอ? ให้จริง ๆ นะ?” ถึงจะเอ่ยถามออกไปแต่ก็รับมันมาไว้ในมือแล้ว ฉันนั่งลงกินมันอย่างเงียบ ๆ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่มันดันไหลไม่หยุด “ขอบใจนะ” “…” เขาไม่ตอบอะไรทำเพียงมองหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม เมื่อท้องอิ่มคอก็เริ่มแห้งเหือด ฉันยื่นมือไปหยิบลูกมะพร้าวในเพิง เหลือบมองชายใจดีตรงหน้าเล็กน้อยและยื่นให้เขา เขาดึงมีดสั้นในฝักออก ฟันไปที่ผลไม้ลูกนั้นและยกมันขึ้นดื่ม สีหน้าของฉันหงิกงอเมื่อเห็นภาพบาดตาตรงหน้า ฉันไม่ได้ให้ดื่มสักหน่อย! ฉันต้องการให้นายเปิดมันให้ฉันต่างหากเล่า! ฉันดึงมันกลับ ก้มมองข้างในที่ปราศจากน้ำเหลือไว้เพียงเนื้ออ่อนไว้ดูต่างหน้า “หิวน้ำ ฉันหิวน้ำ” ฉันบอกออกไปโดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่พูดหรือเปล่า เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้นจึงหยิบมะพร้าวลูกใหม่พร้อมกับยื่นมีดให้เธอ ฉันมองพวกมันสลับไปมา เกิดมาไม่เคยปอกมะพร้าวมาก่อน มีแต่ซื้อเขากิน เอาล่ะนะนี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันจะเปิดมันด้วยตัวของตัวเอง ฉันวางมันกับพื้น ง้างมีดขึ้นสุดแขนและ… ทันทีที่มีดกระทบลูกมะพร้าวก็กลิ้งกระเด็นไปคนละทิศละทาง เนื่องจากฉันปล่อยมือข้างที่จับมันไว้ พยายามปอกมันอยู่แสนนานก็หลงปล่อยมือออกทุกที ทำยังไงได้ก็กลัวมืออีกข้างจะถูกตัดแทนที่จะเป็นมะพร้าว… ชาตินี้ฉันจะได้กินน้ำไหม! เขานั่งมองหญิงสาวตรงหน้าสักพักก็เริ่มหน่ายใจกับการปอกมะพร้าว เขาไม่อยากเชื่อว่าเธอปอกมันไม่เป็น ผู้คนบนเกาะนี้ใคร ๆ ก็ทำมันได้ทั้งนั้น ว่าแต่เธอมาจากเผ่าไหนกัน? สัญญาลักษณ์ระบุก็ไม่มี การแต่งตัวของเธอก็ดูช่างประหลาด ชุดกระโปรงขาวยาวและบาง รองเท้าห่อหุ้มไปถึงสั้นเท้า เครื่องนุ่งห่มคล้ายกับแคมป์ร้างในป่า แต่ที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือเขาสามารถเข้าใจภาษาที่เธอสื่อสาร ตอนนี้ฉันถอดใจกับการดื่มน้ำนี่แล้วหรือฉันควรเดินลงชายหาดเพื่อตักน้ำทะเลให้หายอยาก ถึงมันจะเค็มจะทำให้กระหายมากขึ้นก็เถอะ ในขณะที่กำลังตัดสินใจดื่มน้ำทะเล เขาก็หยิบลูกมะพร้าวสภาพเปลือกเละเทะ สับมันออกจากนั้นวางลงต่อหน้าฉัน จากนั้นเขาก็ล้มตัวลงนอน ฉันดื่มมันรวดเดียวหมดด้วยความกระหาย จากนั้นจึงถอดรองเท้าผ้าใบที่เปียกชื้นไม่ห่างจากกองไฟและเขยิบตัวเข้าใกล้เพื่อทำความอบอุ่นร่างกาย อากาศตอนกลางคืนบนเกาะค่อนข้างเย็น ลมพัดมาแต่ละทีหนาวสั่นเข้ากระดูกบวกกับชุดอันบางเฉียบที่สวมใส่อยู่ ฉันตั้งใจว่าคืนนี้จะไม่หลับโดยเด็ดขาด! พยายามเบิกตากว้างแต่ก็ต้องยอมจำนนต่อความเหน็ดเหนื่อยที่พบเจอมาตลอดทั้งวัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD