CHAPTER 4
วันหยุดที่วนมาถึง ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนที่นอนนุ่ม แม่ให้ผมไปรับยัยนั่นที่บ้านของเธอเวลา 10.30 น. แต่ปัจจุบัน 11.45 น. แล้ว ผมก็ยังคงฝังตัวอยู่บนเตียงแบบนั้น
แปลกใจนิดหน่อยว่าทำไมถึงไม่มีใครตาม แม่ก็เงียบหาย เด็กนั่นก็เงียบหาย แบบนี้ก็ดีอยู่หรอก แต่มันอดไม่ได้ที่จะระแวง
ผมพาตัวเองเข้ามาในห้องน้ำ สายน้ำเย็น ๆ ที่พุ่งออกจากฝักบัวสัมผัสเข้ากับร่างกาย สร้างความสดชื่นได้ดีทีเดียว แต่งตัวอยู่กับบ้านด้วยชุดสบาย ๆ ออกมาเจียวไข่ที่ห้องครัว วันนี้เป็นเวรของผมที่ต้องทำความสะอาดห้องครัว หลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็ปาไปเกือบบ่ายโมง แยกตัวจากพวกเพื่อน เข้ามาในบริเวณที่ต้องความสะอาด เช็ดขวดซอสต่าง ๆ แล้ววางให้เข้าที่เข้าทาง
“น้องมาหาใครครับ” เสียงไอ้กราฟดังเล็ดลอดเข้ามาในห้องครัว
หัวคิ้วของผมขยับย่นเข้าหากัน…น้องงั้นเหรอ
“เอ่อ น้องมาผิดบ้านหรือเปล่าครับ” เสียงไอ้มาร์ช
“หรือว่าที่เต็นท์ไม่มีคนอยู่ครับ” ต่อด้วยเสียงของไอ้ปืน
หัวใจผมเต้นตึกตัก หวาดระแวงอย่างไรชอบกล ยิ่งไม่มีเสียงตอบกลับจาก ‘น้อง’ ที่พวกเพื่อนผมกำลังถาม ผมยิ่งระแวง เลยไปแอบดูตรงประตู
ผ้าผืนเล็กสีฟ้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบซอสหลุดร่วงจากมือไปกองอยู่ที่พื้น คนตัวเล็กกระตุกยิ้มแล้ววิ่งตรงเข้ามาที่ห้องครัว ประตูที่เคยเปิดทิ้งไว้ ขณะนี้ถูกพยายามปิดด้วยแรงของผม แต่กลับสู้แรงของยัยนั่นที่พยายามดันเข้ามาไม่ได้ ผมเลยต้องออกแรงเพิ่มมากขึ้น
“พี่ ๆ คะ พี่ ๆ ช่วยหน่อยค่ะ” คนด้านนอกเห็นว่าตัวเองกำลังจะสู้แรงผมไม่ได้จึงเอ่ยปากเรียกพวกเพื่อนผมให้มาช่วย
“อย่านะเว้ย พวกมึงมาลากยัยนี่ออกจากบ้านไปเลย” ผมรีบตะโกนออกไป และใช้แรงดันประตูจนปิดได้สำเร็จ ก่อนที่พวกเพื่อนจะเข้ามาช่วยยัยนั่นได้ทัน
“ไอ้แฟน!”
“ฮะ!!!”
ผมลูบหน้าตัวเองแรง ๆ ไม่รู้ว่าพวกเพื่อนผมจะมีสีหน้าอย่างไร ได้ยินแต่เสียงพวกมันอุทานหลังจากที่ยัยน้ำเน่าเรียกผมว่า ‘ไอ้แฟน’ ออกจากห้องครัวไปได้เมื่อไหร่ ผมคงต้องอธิบายให้พวกมันฟังยาว ๆ แล้วล่ะ
“เปิดประตู!” เด็กบ้าเคาะประตูเสียงดัง ลูกบิดขยับกึก ๆ ตามแรงที่คนด้านนอกพยายามบิดอยู่
“น้องเป็นแฟนมันเหรอ” เสียงไอ้กราฟถาม
“ไม่ใช่”
“ใช่ค่ะ”
ผมและน้ำเน่าตอบพร้อมกัน
อยู่ ๆ เสียงข้างนอกก็เงียบหายไปกันหมด ไม่มีเสียงใครอีกเลย เงียบไปราว ๆ 5 นาที ผมเลยเอาหูแนบประตูเพื่อที่จะฟังว่าข้างนอกกำลังคุยอะไรกันอยู่หรือเปล่า พวกเขาอาจจะคุยกันเบา ๆ ก็ได้ เหมือนได้ยินเสียงแผ่ว ๆ เลยขยับมาตรงช่องว่างเล็ก ๆ ขอบประตู
ปึก!
“โอ๊ยยย”
“เฮ้ย ไอ้ภีม!”
ร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดนั่นคือเสียงของผมเอง ประตูกระแทกเข้าแก้มเต็ม ๆ เจ็บจนต้องเอามือกุมไว้ พวกเพื่อนผมรีบเข้ามาดูด้วยความตกใจ แต่คนที่เปิดประตูกระแทกหน้าผมกลับยืนมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความร้ายกาจ
“เปิดเข้ามาได้ไงวะ ไม่แหกตาดูก่อนอะ” ผมต่อว่าคนตัวเล็กด้วยความโมโห
ทว่า…น้ำเสียงแข็งกร้าว และแววตาดุดันของผมไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัวขึ้นมาสักนิด เธอโคลงศีรษะเบา ๆ ราวกับเบื่อหน่าย
“ทำผิดนี่ขอโทษเป็นปะวะ” ยิ่งเธอทำท่าทางแบบนั้น ผมยิ่งโมโห
“ฉันทำอะไรผิด” ถามมาหน้าตาเฉย ไม่ได้สะทกสะท้านเลยสักนิด
“ก็ที่เปิดประตูกระแทกหน้าฉันไง เธอไม่ดูก่อนเปิดวะ”
“ที่จริงก็อยากด่าอยู่นะ แต่สงสารที่เจ็บตัวอยู่ เอาเป็นว่าครั้งนี้ฉันจะไม่ด่านาย”
“จะด่าอะไร ด่าเรื่องอะไร เธอผิดเนี่ย!” ผมกระชากแขนเรียวแล้วเอ่ยออกมา พยายามอย่างมากที่จะระงับอารมณ์ไม่ให้ทำรุนแรงกับผู้หญิง
“มึงอะผิด” ไอ้กราฟกระซิบที่ข้างหู แต่เสียงของมันไม่ได้เบาพอที่จะทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ยิน ยัยน้ำเน่าถึงได้กระตุกยิ้มที่มุมปาก แล้วสะบัดแขนออกจากการจับกุมของผม
“มึงอยู่ข้างใน เขาอยู่ข้างนอก เขาจะเห็นได้ยังไงว่ามึงเอาหน้าแนบประตูอยู่” ไอ้มาร์ชพยายามพูดให้เบาที่สุดเท่าที่มันจะสามารถพูดได้
“แล้วมึงก็เสือกเอาหน้าไปอยู่ตรงขอบ มันก็โดนเต็ม ๆ แบบนั้นแหละ” ไอ้ปืนพูดต่อ
ก็จริงอย่างที่พวกมันพูดว่ะ ถ้าผมไม่ได้เอาหน้าไปแนบตรงนั้น ผมก็คงไม่เจ็บตัวแบบนี้
“และอีกอย่าง คนที่เปิดคือกู ไม่ใช่น้องเขา” หลังจากที่ไอ้กราฟพูด ก็มีเสียงเพล้ง! ตามมา
ไม่ใช่อะไรตกแตกหรอกครับ
หน้าผมนี่แหละที่แตกละเอียดยิบ
“ขอโทษสิ!!!” ยัยจืดตะเบ็งเสียง พวกผมสะดุ้งเฮือก พวกเพื่อนพากันมายืนหลบอยู่หลังผม แล้วไม่รู้มือใครที่ผลักหลังผมให้มายืนอยู่ตรงหน้ายัยจืด
“ไม่” ผมตอบเสียงแผ่ว ทำท่าสะบัดสะบิ้งเง้างอนคนตรงหน้า เธอกลอกตาไปมาแล้วสะบัดฝ่ามือเข้าที่ก้นแน่น ๆ ของผม
“เฮ้ยยย” ไม่ใช่เสียงของผม แต่เป็นเสียงเพื่อนทั้งสามที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่
“ยัยน้ำเน่า นี่เธอตีตูดฉันเหรอ” ตอนที่ถามก็ยังคงตกใจไม่น้อย ตั้งแต่โตมาไม่เคยโดนใครตี แต่มาโดนยัยนี่ตี และที่สำคัญคือตีตูดด้วยมือเปล่า…
“ใช่ ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!” เธอพูดจบก็สะบัดฝ่ามือเข้าที่ก้นผมอีกครั้ง หันไปมองหน้าไอ้สามคนนั้น พวกมันเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะเอาไว้ ผมเลยโบกมือไล่ให้พวกมันออกจากห้องครัวไป
“อยู่ต่อไม่ได้เหรอวะ” ไอ้กราฟเอ่ยออกมา สีหน้าเจ้าเล่ห์ของมันยิ่งทำให้ผมไม่อยากให้อยู่ เลยลากมันออกจากห้องไปก่อนใครเลย
“กูสัญญาว่าจะดูเฉย ๆ จะไม่ขำมึง” ไอ้ปืนเอ่ยออกมาหลังจากที่ผมลากไอ้กราฟออกไปแล้ว
“ออกไปเลย แล้วไม่ต้องเข้ามานะมึง” คราวนี้ผมลากทีเดียวสองคน ทั้งไอ้ปืนและไอ้มาร์ช กว่าจะลากพวกมันออกไปได้ก็เหงื่อท่วมตัวแล้ว
ตอนแรกก็อยากให้พวกมันอยู่ด้วยหรอก แต่พอเห็นฤทธิ์ยัยนี่แล้ว
ให้พวกมันออกไปดีกว่า ขืนให้พวกมันอยู่ต่อคงได้มีเรื่องไปล้อผมอีกเยอะแน่ ๆ
แค่โดนตีตูด ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วโว้ย!!!