ผมนั่งหงอยอยู่ที่บ้านของตัวเอง รอแม่พาผู้หญิงคนนั้นมาที่บ้าน
หลายวันก่อนแม่บอกผมไว้แล้วว่าจะผมต้องไปกินข้าวกับเขา จะเบี้ยวนัดก็ไม่ได้ เดี๋ยวแม่โมโหขึ้นมาแล้วตัดเงินเดือน ผมก็แย่เลยดิ
“หวัดดีแม่” ผมไหว้แม่แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเบื่อหน่าย
“กองไว้ตรงนั้นแหละ” แม่ปรายตามองผมแล้วเบือนหน้าหันไปมอง
พี่ขวัญที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน
“มีงานหรือไง” แม่ถามพี่ขวัญ
“ใช่ค่ะ” พี่ขวัญตอบสั้น ๆ ยกมือไหว้แม่ผมแล้วเดินออกจากบ้านไป
“ไหนอะ” ผมหมายถึงผู้หญิงคนนั้น ไหนว่าจะต้องไปกินข้าวกัน ทำไมไม่เห็นแม้แต่เงา
“ยกเลิกนัด”
ได้คำตอบจากแม่แล้วผมก็กระตุกยิ้ม สงสัยจะถอดใจไปจากผมแล้ว เธอคงรู้ตัวว่าผมไม่ชอบ และไม่คิดจะชอบ ถึงได้ไม่มาเจอผม
“น้องเขาท้องเสีย กำลังไปโรงพยาบาล”
ข้ออ้างหรือเปล่าหว่า ถ้าไม่อยากมาเจอก็บอกตรง ๆ ดิ ให้กล้าเหมือนตอนที่ด่าผมหน่อย ฮึ!
ผมเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดี กำลังจะขึ้นไปนอนเล่นที่ห้องนอนของตัวเอง ไหน ๆ ก็มาบ้านแล้ว อยู่ที่นี่สักวันก็ดีเหมือนกัน
“อีกสองสัปดาห์ค่อยไปเจอ เสาร์หน้าน้องเขามีทำงานส่งอาจารย์ เลยต้องเลื่อนออกไปอีก”
สองขาหยุดชะงัก นี่ไม่ได้ถอดใจไปจากผมงั้นเหรอ ไอ้เราก็นึกว่ารอดแล้ว ที่แท้ก็ยังไม่รอด ผมถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แล้วพยักหน้าส่ง ๆ
ผมเอนตัวลงนอนที่เตียงกว้าง นึกสนุกขึ้นมาก็เลยเอาโทรศัพท์ออกมา
แล้วกดเข้าแอปพลิเคชันไลน์ ยัยนั่นหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น เธอไม่ได้ส่งอะไร
มาอีก ผมก็เลยทักไปหาเองเสียเลย
-หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า-
ไง : PEEM
ได้ข่าวว่าขี้แตก : PEEM
ไม่กล้ามาเจอก็บอกตรง ๆ เถอะ : PEEM
ยัยนั่นไม่เปิดอ่านแบบนี้ ไม่สนุกเลยวุ้ย กะจะข่มสักหน่อย ก็ดันไม่อ่านเสียงั้น
ไม่เปิดอ่านเลย อ่อนว่ะ : PEEM
คนอ่อน ๆ แบบนี้น่ะเหรอที่จะมาคุมผม เฮ้อออ ไม่รู้ว่าแม่คิดได้ไง
ถึงได้เลือกคนนี้มา หาสาว ๆ สวย ๆ ที่อายุเท่าผม หรือโตกว่าผมมาไม่ดีกว่าเหรอ ทางที่ดีขอแซ่บ ๆ ดุ ๆ ทันผมทุกอย่างด้วย แบบนั้นต่างหากที่ผมจะยอมอยู่ในโอวาท
LINE
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา ผมรีบเด้งตัวขึ้นนั่งด้วยความตื่นเต้น ตอบกลับมาแล้วสินะ แบบนี้ค่อยสนุกหน่อย จะต่อปากต่อคำจนเธอไม่กล้ามาเจอเลย
หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า : หาหมออยู่
เออว่ะ แม่บอกแล้วนี่หว่าว่ายัยนี่กำลังไปโรงพยาบาล ผมก็ลืมไปเสียสนิท คิดแค่อยากจะแกล้ง
หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า : กระจอกแบบนาย ทำไมฉันจะไม่กล้าไปเจอ
หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า : พักความมั่นหน้าบ้างนะ
หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า : สงสารเวลาที่นายเถียงไม่ออก
กูโดนหลายจึกเลย!
ไม่มีคำหยาบสักคำแต่ก็หน้าชาอยู่นะ ผมกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ครั้งนี้จะถอยไม่ได้ ต้องทวงศักดิ์ศรีคืนมา หน็อยยย มาว่าผมกระจอก!
ไม่ได้กระจอกโว้ย แค่คิดคำมาเถียงไม่ทันเฉย ๆ
ปากดีแบบนี้ไง ถึงขี้แตกอะ : PEEM
หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า : เกี่ยวตรงไหนวะ
หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า : นายไม่มีความรู้เหรอ ถึงได้ไม่รู้สาเหตุของการท้องเสีย
หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า : ท้องเสียนี่สาเหตุมาจากอาหารไม่สะอาด ไม่สด หรือรสจัดไป
หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า : ลองหาความรู้ใส่ตัวบ้างนะ อะไรที่ไม่มีประโยชน์ก็อย่าทำนักล่ะ
ผมลูบหน้าตัวเองแรง ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ แต่ผมไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกนะ อย่าคิดว่าพูดแดกดันผมแบบนี้แล้วผมจะถอย
เออ ปากดี ขอให้ขี้หมดตัว : PEEM
หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า : ก็ดีน่ะสิ เชื้อจะได้หมด จะได้หาย
หวานกว่านี้ไม่มีแล้วจ้า : ขอบคุณนะที่เป็นห่วง เขินจังเลยอ่า
พอเถอะ กูเนี่ยพอเถอะ อย่าฝืนเลย อย่าฝืนไปเถียงกับยัยนี่เลย ดูแล้วไม่มีทางชนะแน่ ๆ ขนาดแช่ง เธอยังขอบคุณ หมดคำจะพูดแล้วโว้ย!
มหาวิทยาลัย
ขณะที่กำลังเลี้ยวรถเข้ามหาวิทยาลัย เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะเดินออกไปหน้ามอ ผมถึงกับเอี้ยวตัวไปมองตาม หน้าตาคุ้น ๆ แฮะ เมื่อจอดรถสนิทผมเลยเปิดรูปคนที่แม่หามาให้ ก็ไม่น่าใช่…หรือใช่วะ ดูคล้าย ๆ เพียงแต่ในรูปแต่งหน้า ตัวจริงไม่แต่งเลย ไม่เลยสักนิด
ภาพผู้หญิงที่มารับรถแวบเข้ามาในหัว…ใช่เลย คนเดียวกันเลย หน้าจืด ๆ เหมือนกันเป๊ะ
ผมรีบเดินออกไปหน้ามหาวิทยาลัย ผู้หญิงคนนั้นกำลังรอซื้อน้ำปั่นที่อยู่ในถัง ได้ยินเสียงเธอสั่งน้ำแคนตาลูป ผมไปยืนข้าง ๆ เพื่อดูว่าเธอจะทำอย่างไรเมื่อหันมาเห็นหน้าผม แต่เธอก็ไม่หันมาเสียที
ต้องเรียกร้องความสนใจหน่อยแล้ว
“ผมเอาน้ำมะพร้าวปั่นครับ” ผมเอ่ยออกมาเสียงดัง เธอจะได้หันมามอง แต่เธอก็ไม่ได้แยแสผมอยู่ดี
“อย่าแซงคิวดิพี่”
“เออ คิดว่าหน้าตาดีแล้วจะลัดคิวได้เหรอ”
“หัดรอบ้างดิ”
เสียงต่อว่าจากคนอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ ผมเลยหันไปมอง
ฉิบหายแล้ว! เขายืนต่อแถวกันอยู่ ผมเสือกมายืนข้างยัยนี่แล้วดันสั่งน้ำ โดนนักศึกษาคนอื่นต่อว่าก็อายแล้ว แต่ดันเจอคำพูดของคนขายอีก
“น้ำมะพร้าวไม่มีครับ มีแค่ตามป้ายเลย” คนขายบอกแล้วยิ้มเจื่อน ๆ มาให้ พี่เขาคงสงสารที่ผมหน้าแตกแล้วแตกอีก
ผมเก็บใบหน้าตัวเองที่แตกละเอียดยิบ แล้วเดินออกจากตรงนั้นไปแบบเงียบ ๆ ไม่ดงไม่แดกแล้วน้ำ กูอาย…