“เอ้า! พี่รัณสวัสดีค่ะ มาทำอะไรคะเนี่ย” หลังจากสอนเสร็จเธอก็เดินออกมาจากบ้าน แต่กลับพบดรัณพี่ชายของเพื่อนยืนอยู่ จึงรีบเข้าไปทักทาย
“ก็มารอเรานั่นแหละ สอนเสร็จแล้วใช่ไหม เหนื่อยรึเปล่า” ดรัณถามพลางเอามือลูบหัวด้วยความเอ็นดู แน่นอนว่าภาพความสนิทสนมนี้ก็ทำให้คนที่แอบ่ยืนดูอยู่ตรงมุมหนึ่งของบ้านถึงกับต้องเดินออกมา
“ไม่เหนื่อยค่ะ ว่าแต่พี่เถอะไม่เห็นต้องลำบากมารับเลยค่ะ มัดไปเองได้ ทำอย่างกับมัดจะไปบ้านพี่ไม่ถูกอย่างนั้นแหละ”
“เอ้า! พี่เห็นว่าพักหลังไม่ค่อยได้เห็นหน้าเรา ก็นึกว่าจำทางไปบ้านพี่ไม่ได้ซะอีก นี่ถ้าพี่ไม่จ้างเรามาสอนตาเรย์ที่บ้าน เราคงลืมบ้านพี่ไปจริงๆ ล่ะมั้ง” ถ้าเจตต์คือพ่อหม้ายเนื้อหอม ดรัณก็คงเป็นพ่อหม้ายทรงเครื่องที่ฮอตไม่แพ้กัน ที่สำคัญลูกๆ ของพวกเขาก็ยังรุ่นราวคราวเดียวกันอีก ต่างกันก็แค่ลูกของเจตต์เป็นลูกสาว แต่ลูกของดรัณเป็นผู้ชาย
“พี่รัณพูดแบบนี้มัดรู้สึกผิดไม่ทันแล้วเนี่ย แต่ช่วงนี้มัดก็ยุ่งจริงๆ นั่นแหละ เพิ่งเรียนจบ อะไรๆ ก็เลยยังไม่เข้าที่ อีกอย่างมัดเพิ่งได้งานด้วยค่ะ” เธอบอกพลางรวบผมยาวๆ ของตัวเองไปด้านหลัง แต่นั่นกลับทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าสังเกตเห็นรอยบางอย่างที่คอเธอ
“เอ๊ะ! นั่นมัดไปโดนอะไรมา ทำไมมันถึง…” ดรัณเพ่งมองที่รอยแดงนั้นด้วยความสงสัย ประจวบเหมาะกับที่เจ้าของบ้านเดินออกมาพอดี
“รอย? ไหนคะ” เธอขมวดคิ้วแล้วรีบเดินไปส่องกระจกข้างรถที่จอดอยู่ข้างๆ
“เฮ้ย!” เธออุทานพลางหันขวับไปมองเจ้าของบ้านตาขวาง ก่อนจะหันมาตอบดรัณ
“พอดีเล่นกับหมา หมาก็เลยกัด ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่รัณ” คนถูกหาว่าเป็นหมาถึงกับยืนกัดฟันกรอด
“เอ้า! แต่เรากลัวหมานี่ แล้วทำไมถึงไปเล่นกับมันล่ะ” คนถูกถามถึงกับไปไม่เป็น จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้อ…! นี่คุณเจตต์พ่อน้องจันทร์เจ้า รู้จักกันไว้สิคะพี่รัณ ส่วนนี่พี่ดรัณ พ่อของน้องเรย์ เพื่อนของจันทร์เจ้าค่ะ” เธอรีบแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน ถึงแม้น้ำเสียงที่หันไปพูดกับเจ้าของบ้านจะดูห้วนๆ ไปก็ตาม
“เราเคยเจอกันผ่านๆ หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทักทายกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณเจตต์ ผมดรัณ” ดรัณยื่นมือมาตรงหน้า ในขณะที่เจตต์ก็ยื่นมาจับตอบ
“เช่นกันครับ” เจตต์ตอบสั้นๆ ตามประสา ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“แล้วนี่จะไปไหนกันต่อเหรอครับ” เขาแสร้งทำประหนึ่งไม่อยากรู้คำตอบ ทั้งที่ในใจกำลังอยากรู้เสียเต็มประดา
“อ๋อ…พอดีมัดเขามีสอนน้องเรย์ที่บ้านผมต่อ ผมก็เลยอาสามารับเองครับ” ดรัณตอบ
“บ้าน? ” เขาแทบตะโกนออกมา
“ครับ วันนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน ไว้มีโอกาสเราคงได้นั่งจิบชากันนะครับ” เจตต์ค้อมศีรษะให้ ก่อนจะหันไปเปิดประตูข้างคนขับให้มีนานั่ง กระทั่งรถหรูเคลื่อนพ้นประตูบ้าน เจ้าของบ้านถึงกับสบถทันที
“จะหงุดหงิดทำไมวะเนี่ย เขาจะไปไหนก็เรื่องของเขาสิ ให้ตายสิ! ทำไมมันหงุดหงิดอย่างนี้วะ” ดูเหมือนคนที่เคยควบคุมตัวเองได้ดีเสมอมาจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ก็วันนี้แหละ สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะขับรถออกจากบ้าน ทั้งที่ตั้งใจว่าวันนี้จะหยุดอยู่บ้านกับลูก