5.1 จังหวะและเวลา

1940 Words
5 จังหวะและเวลา ในบางครั้ง... เงินก็ถือเป็นสิ่งที่สามารถหาได้อย่างยากเย็นยิ่ง แต่ถ้าเรายังมีความสามารถและสติปัญญาในระดับหนึ่งก็อาจจะไม่จำเป็นจะต้องลำบากถึงเพียงนั้น... หากลงเงินทาย สูง - ต่ำ จะได้หนึ่งเท่า หากลงเงินในส่วน คู่ - คี่ จะได้สามเท่า ถัดมาคือเสี่ยงทายแต้มที่ออก ซึ่งจะมีช่องให้ลงเงินตั้งแต่เลขสามจนกระทั่งสิบแปด หากลงเงินถูกในส่วนนี้จะได้ห้าเท่า สุดท้ายคือช่อง ‘สามเด้ง’ ถ้าหากว่าลงเงินในช่องนี้แล้วลูกเต๋าทั้งสามหงายออกมาแต้มเดียวกันทั้งสามลูกก็จะได้สิบเท่าทันที เป็นการเล่นพนันที่ง่ายมาก เพียงแค่วางเงินลงไปตามช่องที่เราสุ่มเดา แล้วรอให้ดวงและโชคช่วยให้ถูกเท่านั้น ‘หืม...โชคงั้นรึ? ’ หญิงสาวยกยิ้ม นางได้ทิ้งความเชื่อเหล่านั้นไปนานแล้ว หนิงเทียนใช้เวลาอยู่ในบ่อนเถื่อนเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น พอเสร็จธุระแล้วก็กลับออกมาด้านนอกในสภาพร่างกายที่ดูหนามากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะนางอ้วนขึ้น หากเป็นเพราะตั๋วแลกเงินเป็นปึกที่เก็บซ่อนเอาไว้ต่างหาก... ชายร่างท้วมที่คุยด้วยเมื่อครู่ ที่แท้ก็เป็นพวก ‘เลี้ยงช้างกินขี้ช้าง[1]’ แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากนางไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดคุยหว่านล้อมให้มากความ ปรกติหากคนเล่นถูกกินหรือเสียพนัน เม็ดเงินทั้งหลายก็ล้วนแต่ต้องเข้าไปในกระเป๋าของผู้เป็นเจ้าของบ่อนทั้งสิ้น ทั้งนี้จะมีผู้คอยจดบันทึกอย่างละเอียดอย่างมิให้คลาดสายตา ร่างบางเข้าใจตรงจุดนี้ จึงยื่นข้อเสนอบางอย่างที่น่าสนใจให้ชายร่างท้วมผู้ทอยเต๋าไป ‘ข้าขอเวลาเพียงหกตาเท่านั้น...เงินที่ได้ ข้ากับท่านจะแบ่งกันคนละครึ่ง พี่ชายสนใจหรือไม่’ ประกายแวววาวในดวงตาของผู้ฟังยังติดตานางอยู่เลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็ทำให้เจ้าตัวหัวเราะออกมาอย่างขำขัน หนิงเทียนไม่ใช่คนบ้าพนันหรือโลภมาก การแบ่งเงินกำไรให้คนละครึ่งถือว่าเหมาะสมแล้ว เผลอไปครู่เดียว พระอาทิตย์ใกล้ตกดินเสียแล้ว ท้องถนนที่เคยครึกครื้นกลับดูหงอยเหงาลงไปทันตา ดวงตากลมโตมองเพียงผ่านๆ ก็สังเกตเป็นแผงร้านค้าหนึ่งที่เพิ่งจะเริ่มจัดเก็บข้าวของ เจ้าของร้านค้าคือแม่ค้าวัยกลางคนซึ่งมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก เมืองหงเล่อแห่งนี้เป็นเมืองของอาหารทะเล สินค้าที่นางทำจึงแทบจะขายไม่ได้เลย มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สามีของนางรัก...เพราะฉะนั้นต่อให้อีกฝ่ายจะจากโลกนี้ไปแล้ว นางก็ยังคงนำเอาสิ่งเหล่านี้ออกมาขายแทนสามีที่ล่วงลับ เนื่องจากมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้นางรู้สึกว่าผู้เป็นที่รักยังคงอยู่กับนางเสมอ แต่หลังจากที่วางขายมานานหลายเดือน ลูกค้าที่มาซื้อแทบจะนับคนได้ แถมบางรายยังทำมันพังไปต่อหน้าต่อตาจึงต้องซื้ออย่างจำใจ เหตุการณ์ทั้งหลายที่เผชิญมามันทำให้นางอ่อนล้าทั้งกายและใจ เหนื่อยเหลือเกิน...หรือว่านางควรจะยอมแพ้ได้แล้วอย่างที่บุตรสาวของนางว่า? เจ้าของใบหน้าอวบอูมค่อยๆ ทยอยเก็บของเข้ากระเป๋าย่าม ทว่าเสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาใกล้ พร้อมกับเสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นเหนือศีรษะก็ทำให้นางหยุดชะงัก “ท่านน้า อย่าเพิ่งเก็บจะได้หรือไม่ ข้าอยากจะเลือกพัดดูสักครู่” ผู้ฟังแทบจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ด้วยเหตุนี้จึงรีบเงยหน้าขึ้นมามองผู้มาใหม่พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “พ่อหนุ่ม...สนใจอยากซื้อพัดของข้าเช่นนั้นรึ? ” “แน่นอน” หนุ่มน้อยพยักหน้ายืนยันก่อนจะก้มหน้าลงพิจารณาพัดด้ามไม้ไผ่ที่วางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ แม้เทียบไม่ได้กับพัดขนห่านที่นางเสียไป แต่ลวดลายและโคลงกลอนที่เขียนไว้อย่างสละสลวยก็สะดุดตาไม่น้อย มิใช่กลอนวิเศษเลิศเลอหาก แต่แสดงออกถึงความละเอียดลออและใส่ใจของผู้ทำเป็นอย่างยิ่ง นางเป็นคนติดพัด เพราะฉะนั้นก็ขอซื้อจากร้านนี้ใช้แทนไปก่อนก็แล้วกัน ในขณะที่หนิงเทียนกำลังก้มหน้าลงพิจารณาพัดแต่ละเล่มอยู่นั้น แม่ค้าวัยกลางคนที่ได้ฟังคำยืนยันจากปากของ ‘ลูกค้า’ แล้วก็เกิดความรู้สึกเอ่อล้นขึ้นมาในอก จนในที่สุดน้ำตาแห่งความปลื้มปิติก็ไหลออกมาจากหางตาของนาง ครั้นหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ซึ่งมันก็ทำให้อีกฝ่ายรีบเช็ดน้ำตาที่หางตาออกอย่างลวกๆ “ท่านน้า พัดเหล่านี้ขายอย่างไร” ใบหน้าบุรุษซึ่งมีเค้าความหวานราวกับอิสตรีนิ่งเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยนมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่ไป๋หนิงเทียนพ่ายแพ้และยอมโอนอ่อนให้ เห็นทีคงจะเป็นน้ำตาของอิสตรีกระมัง “ห้าอีแปะจ้ะ” “เช่นนั้นข้าซื้อพัดสามเล่มนี้ก็แล้วกัน” หนิงเทียนเอ่ยพลางหยิบเงินออกมาจากอกเสื้อพร้อมกับยื่นให้อีกฝ่าย ก่อนที่จะเอ่ยถามเมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิท่านน้า ท่านพอจะรู้จักช่างเย็บผ้าหรือร้านตัดเย็บผ้าที่ฝีมือดีแต่ราคาถูกบ้างหรือไม่” หญิงวัยกลางคนนิ่งไปครู่หนึ่งในขณะที่รอยยิ้มบางเริ่มขยายกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย “หากเจ้าไม่รังเกียจ ความจริงแล้วข้าพอมีทักษะการตัดเย็บชุดอยู่บ้าง...” เดิมทีแล้วก่อนที่สามีของนางจะเสียชีวิต แม่ค้าวัยกลางคนเคยทำงานเป็นหนึ่งในทีมช่างตัดเย็บชุดส่งให้กับเหล่าบรรดาสตรีสูงศักดิ์ในวังหลวงมาก่อน นางมิเคยบอกเรื่องนี้กับใคร แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดพอเห็นหน้าอีกฝ่ายแล้ว นางจึงได้รู้สึกถูกชะตาขึ้นมา “เช่นนั้น คงต้องขอรบกวนท่านน้าแล้ว” “ไม่ทราบว่าท่าน...” ร่างบางคลี่ยิ้ม ทราบได้ทันทีว่าอีกฝ่ายอยากจะถามอะไร “ข้าแซ่เหอ” “คุณชายเหอ เช่นนั้นชุดที่ท่านอยากจะให้ข้าและบุตรสาวตัด...” หลังจากพูดคุยรายละเอียดกันเรียบร้อยแล้ว หนิงเทียนก็บอกกับแม่ค้าว่าจะวาดแบบชุดและซื้อผ้ามาให้นางเริ่มตัดในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมันจะเป็นแบบชุดพิเศษที่เจ้าตัวเคยมีและทิ้งเอาไว้ที่หมู่บ้านตงเจียง และเพื่อป้องกันมิให้ต้องตัดเย็บชุดใหม่มาใส่เรื่อยๆ อีก หญิงสาวจึงบอกให้นางตัดชุดแบบนี้ออกมาทั้งหมดสามชุดด้วยกัน โดยอ้างว่าจะมอบมันให้กับน้องสาวที่ชอบปลอมตัวเป็นบุรุษเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง การตัดชุดทั้งหมดสามตัวต้องใช้เวลากว่าสิบวันด้วยกัน โดยที่หญิงวัยกลางคนกับลูกสาวจะช่วยกันเร่งทำให้อย่างสุดฝีมือ สุดท้าย ความคิดเดิมของหนิงเทียนที่จะเดินทางข้ามไปยังแคว้นเกาก็ต้องหยุดชะงักไปก่อน และหลังจากที่เธอกลับถึงบ้านของอิงซานแล้ว เจ้าตัวก็ทำเป็นเอาป้ายหยกประจำตระกูลของหลี่ชุนไปคืนให้อย่างแนบเนียนอีกต่างหาก! อากาศเย็นฉ่ำในยามเช้า แต่กลับตรงกันข้ามกับชายหนุ่มซึ่งกำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม้ในสภาพที่หลับตาแน่น ร่างกำยำที่มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบเอวถูกคลุมทับด้วยผ้าห่มผืนหนาอีกชั้นหนึ่งเปียกชุ่มจากเหงื่อที่ไหลรินออกมา เสียงของวรุณที่โปรยปรายลงมาราวกับบทเพลงแห่งความตายที่ตอกย้ำฝันร้ายของเขาให้ดูเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น “หลี่ชุน...มีชีวิตอยู่ต่อไป มีชีวิตต่อไปเพื่อแก้แค้นให้แม่และพ่อของเจ้า” เสียงกระซิบของผู้เป็นมารดาดังขึ้นในช่วงเวลาคับขันเมื่อพวกเขารู้ว่าถูกกลุ่มโจรดักเส้นทางเอาไว้ เสียงการต่อสู้และเสียงร้องโหยหวนดังอื้ออึงอยู่ด้านนอกรถม้าของเขาและฮูหยินหลี่ ส่วนเจ้าบ้านตระกูลพ่อค้าใหญ่ถูกแยกให้โดยสารกับรถม้าอีกคันหนึ่งตั้งแต่แรกเริ่ม “ท่านแม่...” ชายหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อพบว่าหญิงวัยกลางคนหยิบมีดสั้นออกมาจากใต้ที่นั่ง ครั้นใบมีดเงินถูกดึงออกมาจากฟัก หลี่ชุนก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองเย็นเหยียบขึ้นมา “ไม่! ท่านแม่ ข้าจะพาท่านกับท่านพ่อออกไปจากที่นี่ พวกเราจะต้องปลอดภัย!” เสียงทุ้มห้าวของผู้เป็นบุตรชายทำให้สีหน้าซีดขาวและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวฉายประกายอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น นางบรรจงวางมือลงบนใบหน้าของหลี่ชุนอย่างแผ่วเบา ทั้งรัก ทั้งอาลัยอาวรณ์ หลี่ชุนรู้สึกใจชื้นมากยิ่งขึ้น เขาเรียนรู้เรื่องวรยุทธ์มามากพอสมควรจึงเตรียมจะพุ่งออกไปต่อสู้กับกลุ่มโจรร้ายอย่างห้าวหาญ แต่แล้วอีกฝ่ายกลับรั้งร่างของเขาเอาไว้ ฉึก! มีดสั้นถูกเสียบเข้าที่สีข้างของเขาก่อนจะถูกดึงออกไป “มีดสั้นนี้อาบยาพิษเอาไว้ มันจะทำให้เจ้ามีสภาพเหมือนศพ...สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว พวกมันไม่มีทางรู้” ฮูหยินหลี่กล่าวจบก็กอดร่างที่อบอุ่นของบุตรชายเป็นครั้งสุดท้าย แม้สติของหลี่ชุนจะเริ่มเลือนรางทว่าเขากลับรู้สึกได้ถึงร่างเปราะบางที่สั่นระริกจนกระทั่งผละจากไป “...มีสิ่งหนึ่งที่ลูกต้องรู้ เกี่ยวกับตระกูลหลี่...” คำอธิบายของผู้เป็นมารดาส่งผลให้เขาเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง ความเป็นจริงที่ได้รับรู้ส่งผลให้เขาตกใจจนแทบร้องตะโกนออกมา ทว่าเรี่ยวแรงที่ถดถอยด้วยฤทธิ์ของยาพิษจึงทำให้เขามิสามารถทำได้ดั่งใจนึก เช่นนั้นก็แสดงว่ากลุ่มโจรเหล่านี้... “แม่รักลูกนะ...จำเอาไว้ เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปและทวงความยุติธรรมให้กับพวกเราให้จงได้” และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้ก่อนที่ฤทธิ์ยาจะทำให้เขาหมดสติไปในที่สุด ร่างบนเตียงที่ยังคงจมอยู่กับฝันร้ายกัดริมฝีปากของตนแน่นจนห้อเลือด ก่อนที่หลี่ชุนจะเบิกตากว้างขึ้นมาฉับพลันเมื่อเสียงเปิดประตูดังลั่นมาพร้อมกับการปรากฏกายของมารผจญที่ทำลายการนอนหลับที่แสนสงบของเขาไปในพริบตา! “เจ้าตะพาบน้ำ! ได้เวลาดื่มยาก่อนอาหารเช้าแล้ว...” หญิงสาวเดินถือถ้วยยาที่ส่งกลิ่นขมฝาดเข้ามายังด้านใน ครั้นหลี่ชุนแน่ใจแล้วว่าผู้ที่มาใหม่เป็นใคร เขาก็รีบยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าที่ขาวซีดของตนเอง พยายามอย่างยิ่งที่จะปรับเปลี่ยนสีหน้าของตนให้กลับมาเป็นปกติ [1] เลี้ยงช้างกินขี้ช้าง เป็นคำสุภาษิตที่มีความหมายว่า ผู้ที่ทำหน้าที่อะไรก็ตามแต่แล้วพลอยได้มีส่วนผลประโยชน์จากหน้าที่ที่ตนทำอยู่ มักจะใช้ในกรณีที่ไม่บริสุทธิ์หรือเป็นไปในทำนองที่ไม่ชอบธรรมนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD