ตอนที่ 9 ตอกกลับจนหน้าหงาย (2)

1121 Words
“เอ่อ ที่คุณจูเลี่ยงรุ่ยพูดมานั้นน่าสนใจมากค่ะ จึงอยากถามว่า ตัวคุณจูเลี่ยงรุ่ยเองเวลานี้เรียนที่ไหนคะ?” เตียวหนิงฮวาเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ท่าทางบริสุทธิ์ไร้เดียงสา มิได้มีน้ำเสียงเย้ยหยันใดๆ เลย นางเอกก็อย่างนี้แหละนะ ต้องให้ผู้คนจดจำภาพลักษณ์ที่…ดี๊ดี …แต่ ภายในใจของเธอนี่สิ กลับเต็มไปด้วยความสะใจ ความสาแก่ใจและรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังจะได้รับชัยชนะในการที่เหยียบย่ำน้องสาวต่างแม่ที่ร้ายกาจคนนี้ได้ อย่างน้อยเรื่องการเรียนการศึกษาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เธอเหนือกว่าจูเลี่ยงรุ่ย หลังจากที่เตียวหนิงฮวาเอ่ยถามจบหวงเลี่ยงหลิงก็ดูมีสีหน้าร้อนรน เธอลอบสบตากับโหวเจียวซือที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่แพ้กัน เขารู้ว่าถูกผู้เป็นแม่ของคู่หมั้นตำหนิทางสายตาที่คนรักของเขาดึงลูกสาวของเธอลงไปเหยียบย่ำ ที่เธอกับจูเลี่ยงรุ่ยมาที่โรงเรียนในชนบทแห่งนี้ในวันนี้เพราะพวกเธอต้องการมาทำบุญมาทำความดี แต่ไฉนจึงได้รับการตอบแทนเช่นนี้ล่ะ มันเหมาะสมแล้วหรือ จูเลี่ยงรุ่ยสังเกตมุมปากที่เหมือนจะยกยิ้มก็ไม่ยกยิ้มของเตียวหนิงฮวา หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างก่อนจะกวาดสายตามองทุกคนจนถ้วนทั่ว เด็กๆ และคุณครูกำลังรอฟังคำตอบอยู่ “อันที่จริงตัวพี่เลี่ยงรุ่ยนั้นจบแค่ชั้นประถม 6 ค่ะ เพราะหลังจากเรียนจบพี่เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ไม่พร้อมสำหรับการเรียน พี่ใช้เวลาในการรักษาตัวดูแลตัวเองอยู่หลายปีจนแข็งแรงขึ้น แต่ระหว่างนั้นพี่ก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนนะคะ ถึงพี่จะไม่ได้ไปโรงเรียน แต่พี่ก็ซื้อหนังสือของระดับมัธยมมาอ่านตลอด เดือนหน้าพี่ก็จะสอบเทียบและเข้าสอบเกาเข่าต่อ ช่วง 8 ปีที่ไม่ได้ไปเรียนพี่เลี่ยงรุ่ยเองนอกจากจะอ่านหนังสือเตรียมสอบเทียบแล้วยังศึกษาภาษาต่างประเทศอย่างภาษาอังกฤษด้วย เราอย่าจำกัดการศึกษาเฉพาะในโรงเรียนนะคะเด็กๆ เราต้องเรียนรู้นอกห้องเรียนด้วย” จูเลี่ยงรุ่ยเอ่ยบอกน้องๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับเจตนา ‘ดึงลงมาเหยียบ’ ของแม่นางเอกคนสวยนั่นเลย ‘ฮึ!เพิ่งรู้เนาะว่านางเอกก็มีมุมแบบนี้ด้วย’ เตียวหนิงฮวาหน้าสลดลงทันควัน ‘อะไรนะ!นี่จูเลี่ยงรุ่ยกำลังจะสอบเทียบและจะสอบเกาเข่าอย่างนั้นหรือ’ หญิงสาวตกใจไม่น้อย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธออุตส่าห์ย่ามใจว่าเป็นลูกรักที่พ่อภาคภูมิใจเพราะเป็นคนรักดี ผิดกับลูกสาวอีกคนที่ทั้งร้ายกาจ เอาแต่ใจตนเอง และไม่เอาถ่าน แต่เวลานี้หญิงสาวรู้สึกว่าความรู้สึกนั้นมันไม่มั่นคงอีกต่อไปหากว่าจูเลี่ยงรุ่ยนั้นเกิดสอบเกาเข่าผ่านได้เข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับเธอ ‘หึ! แต่เธอหัวทึบจะตาย ในหัวของเธอมันมีแต่ขี้เลื่อย อีกทั้งยังขี้เกียจตัวเป็นขน เธอไม่มีวันสอบเกาเข่าผ่านหรอก เธอไม่มีวันเทียบเท่ากับฉันได้หรอก ยัยน้องสาวตัวร้าย’ พอคิดได้ว่าจูเลี่ยงรุ่ยนั้นเป็นพวกหัวทึบและขี้เกียจตัวเป็นขนมุมปากของเตียวหนิงฮวาก็ยกยิ้มขึ้น “เอาล่ะ เดี๋ยวพี่เลี่ยงรุ่ยจะสอนคำศัพท์เล็กๆ น้อยๆ ให้น้องๆ นะ อย่างคำว่านักเรียน ภาษาอังกฤษใช้คำว่า สติวเด้น (student) น้องๆ ทุกคนเป็นสติวเด้นนะ รู้ยัง ส่วนคำว่า คุณครู ภาษาอังกฤษใช้คำว่า ทิชเช่อ (teacher) เอาไว้คราวหน้าพี่เลี่ยงรุ่ยจะมาบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ฝ่าฟันในการเรียน จากนักเรียนที่เรียนจบเพียงแค่ประถม 6 สอบเทียบจนได้วุฒิมัธยม และสอบเกาเข่าได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยให้พวกเราฟังเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เพราะเวลานี้เราต้องยอมรับว่ามีหลายๆ ครอบครัวในชนบทที่ไม่สามารถส่งบุตรหลานให้เข้าไปเรียนต่อชั้นมัธยมในตัวเมืองได้ แต่ทุกอย่างต้องมีทางออก แม้ไม่ได้เรียนในชั้นมัธยมแต่เราก็สามารถมีวุฒิชั้นมัธยมได้โดยการสอบเทียบ และต่อไปประเทศของเราก็จะมีมหาวิทยาลัยเปิด ซึ่งจะมีอิสระเรื่องเวลาการเรียน ไม่ต้องไปเรียนทุกวันก็ได้ คนที่ไม่มีเงินก็สามารถที่จะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยได้ ตอนนี้มหาวิทยาเปิดเริ่มสร้างแล้วที่ปักกิ่ง ต่อไปก็จะแผ่ขยายออกมาที่มณฑลของเรา พวกเราซึ่งเป็นเด็กๆ ในชนบทที่บางครอบครัวอาจจะมีปัญหาเรื่องการส่งเสียให้เรียนต่อจะได้มีโอกาสและหนทางมากขึ้น เอาไว้พี่เลี่ยงรุ่ยจะสั่งหนังสือภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานจากร้านหนังสือมามอบให้กับห้องสมุดโรงเรียนนะคะ แต่คงต้องรอนานหน่อยเพราะหนังสือประเภทนี้ยังหายากอยู่ แต่พี่เลี่ยงรุ่ยสัญญาค่ะว่าจะพยายามหามาให้พวกเราให้ได้” หลังจากที่จูเลี่ยงรุ่ยพูดจบครูใหญ่ก็นำปรบมือเสียงดัง เด็กๆ ตบมือกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ที่พวกเขามาโรงเรียนทุกวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะมีชีวิตและอนาคตที่ดีขึ้น “ขอบคุณคุณจูเลี่ยงรุ่ยมากจริงๆ ค่ะที่วันนี้ทั้งมาเลี้ยงอาหารกลางวันพวกเรา เอาของมากมายมาแจก อีกทั้งยังให้ข้อมูลต่างๆ ที่เป็นทั้งความหวังและเป็นตัวอย่างที่ดี เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ในฐานะครูใหญ่ฉันอยากให้มีคนอย่างคุณทั่วประเทศเลย รับรองว่าการศึกษาและการพัฒนาประเทศของเราต้องดีขึ้น ขอบคุณอีกครั้งค่ะ อ้อ คุณโหวเจียวซือและคณะด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนจริงๆ ค่ะ” ครูใหญ่พูดไปน้ำตาก็คลอหน่วยไป การบอกเล่าของจูเลี่ยงรุ่ยมีค่ากว่าอะไรทั้งหมด เพราะมันคือการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ที่ขาดแคลนแต่อยากมีอนาคตที่ดี …สรุปว่า วันนี้จูเลี่ยงรุ่ยยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกตั้งหลายตัว ได้ทั้งทำบุญทำกุศล ได้รับคำชื่นชม และยังได้ตอกกลับนางเอกผู้แสนดีจนหน้าหงายกลับไป *** การสอบเกาเข่า คือ ระบบของการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในจีน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD