ตอนที่ 4 หย่าเถอะค่ะแม่

2253 Words
“หา!ว่าอย่างไรนะ?” นี่คือเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของจูลู่จื้อและหวงเลี่ยงหลิงพร้อมๆ กัน จูเลี่ยงรุ่ยหันมายิ้มอ่อนๆ ให้กับผู้เป็นแม่พลางตบแขนเธอเบาๆ เป็นการเรียกสติ “แม่คะ แม่ลองคิดดูสิคะ แม่แต่งงานอยู่กับพ่อมาร่วม 20 ปี แม่ไม่เคยมีความสุขเลย แม่หลอกตัวเองว่าแม่มีความสุข แต่อันที่จริงแล้วแม่ไม่เคยมีความสุขความสงบเลย หนูเองก็เหมือนกัน หนูไม่เคยมีความสุขกับชีวิตที่ต้องคอยแย่งชิงคนที่เขาไม่รักเราอย่างนี้เลย แม่ ปล่อยพ่อไปเถอะนะคะ เขาไม่รักเราก็ช่างเขาปะไร แม่ยังสาว ยังสวย ดูสิ แม่เลี่ยงหลิงของหนูสวยออกปานนี้ ถ้าใครไม่รู้ว่านี่อายุปาเข้าไป 40 แล้ว ต้องคิดว่าแม่อายุ 20 กว่าแน่ๆ เลย แม่…เชื่อหนูนะคะ ผู้ชายดีๆ ในโลกนี้ยังมีอีกเยอะค่ะ ผู้หญิงระดับแม่น่ะหย่าแล้วจะเหมือนกระดังงาลนไฟ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต้องมาติดพันเพียบ แม่ชอบแบบไหน แบบหนุ่มน้อยวัยละอ่อน หน้าตาหล่อเหลา ช่างเอาอกเอาใจ แม่…พ่อน่ะ นับวันมีแต่จะแก่ จะไปสู้เด็กหนุ่มรุ่นๆ ได้ยังไง เชื่อหนูนะแม่นะ หนูอยากให้แม่มีความสุขเสียที หนูไม่รังเกียจนะหากจะต้องมีพ่อเลี้ยง เป็นใครก็ได้ หนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยได้ทั้งหมด ขอเพียงแต่ให้เขารักแม่และเป็นคนดีก็พอ” จูเลี่ยงรุ่ยลอยหน้าลอยตาพูดพลางยิ้มระรื่น “อะ…อะไรนะ?” เป็นอีกครั้งที่ทั้งหวงเลี่ยงหลิงและจูลู่จื้ออุทานออกมาพร้อมๆ กัน “นี่เธอเสียสติไปแล้วหรือ?” เป็นชายหนุ่มรูปงามนามโหวเจียวซือที่โพล่งถามออกมาอย่างอดไม่ได้ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาในวันนี้หากดูจากภายนอกก็ต้องบอกว่าคือจูเลี่ยงรุ่ยคู่หมั้นแสนชังของเขานั่นแหละ แต่…กิริยา ท่าทาง รวมทั้งพฤติกรรมแบบนี้…มันไม่ใช่ …หรือว่า การที่เธอผ่าตัดสมองมันจะทำให้หญิงสาวเลอะเลือน จูเลี่ยงรุ่ยหันมาฉีกยิ้มให้กับคู่หมั้นหนุ่มและสตรีข้างกายเขาซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเตียวหนิงฮวานางเอกนิยายเรื่องนี้ที่พวกเขารักกันปานจะกลืนกิน “ฉันไม่ได้เสียสติหรือเลอะเลือนหรอกค่ะ คุณโหวเจียวซือ นอกจากฉันจะสนับสนุนให้แม่หย่ากับพ่อแล้ว ฉันยังจะถอนหมั้นกับคุณด้วย ฉันรู้ดีค่ะว่าคุณอยากจะถอนหมั้นมาโดยตลอด แต่เพราะเมื่อก่อนฉันนั้นหน้ามืดตามัว คิดแต่อยากจะแย่งชิงคุณที่เป็นคนรักของพี่สาว แต่วันนี้ฉันตาสว่างแล้วค่ะ เฮ้อ…ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ทุกคนต่างอยู่กันพร้อมหน้านี่นะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันว่า ฉันคืนของหมั้นให้คุณเลยดีกว่า” พูดจบจูเลี่ยงรุ่ยก็จัดการถอดกำไลหยกคู่งามซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของโหวเจียวซือจะยื่นคืนให้กับชายหนุ่ม ครั้นเมื่อเธอขยับเดินเข้ามาใกล้ๆ คู่กิ่งทองใบหยกหญิงสาวก็เกิดเปลี่ยนใจนึกสนุกขึ้นมา “เอาอย่างนี้ละกัน เพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลา ฉันจะรวบรัดตัดตอนให้ ไหนๆ กำไลหยกล้ำค่ามรดกตกทอดของตระกูลคุณก็จะถูกใช้เป็นของหมั้นหมายอยู่แล้ว ให้ฉันมอบให้กับมือของเธอเลยละกันนะเตียวหนิงฮวา ไหนๆ กำไลหยกคู่นี้มันก็จะเป็นของเธอวันยันค่ำอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเธอสวมมันวันนี้เลยเป็นไง” จูเลี่ยงรุ่ยพูดพลางยัดเยียดกำไลหยกโบราณที่เพิ่งถอดออกมาจากแขนของตนให้กับมือของเตียวหนิงฮวา หญิงสาวเบิกตาโพลง นี่มันเรื่องอะไรกันนี่ นี่เธอถูกมัดมือชกชัดๆ โดยน้องสาวต่างแม่ แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาหัวใจของเตียวหนิงฮวาจะร่ำร้องอยากได้ของหมั้น อยากเป็นคู่หมั้นของชายหนุ่ม ทว่า…เวลานี้เมื่อกำไลหยกโบราณประจำตระกูลโหวมาสวมใส่เข้าไปในแขนของเธอแล้วเตียวหนิงฮวากลับรู้สึกต่อต้าน …มันควรจะเป็นตัวโหวเจียวซือมิใช่หรือที่เป็นคนสวมให้เธอ มิใช่ถูกมัดมือชกสวมโดยจูเลี่ยงรุ่ย “เฮ้อ!เสร็จภารกิจเสียที พ่อคะ วันไหนพ่อว่างนัดวันมาได้เลยนะคะ หนูจะเป็นคนพาแม่ไปหย่ากับพ่อที่ที่ทำการเอง ต่อไปพวกเราก็อยู่ใครอยู่มันแบบน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลองนะคะ” จูเลี่ยงรุ่ยทำหน้าระรื่น เล่นเอาคนทั้ง 5 ไปต่อไม่เป็น คราแรกพวกเขาค่อนข้างลำบากใจที่ต้องมาในวันนี้เพราะรู้ว่าสองแม่ลูกต้องร้องไห้เสียใจและอาละวาดเป็นแน่ โดยเฉพาะตัวจูเลี่ยงรุ่ยที่มีอารมณ์โมโหรุนแรงและอารมณ์ร้ายกว่าแม่ของเธอเสียอีก แต่พอมาเจอจูเลี่ยงรุ่ยคนใหม่เข้าพวกเขาเลยไปต่อไม่เป็น “ลุ…ลูก ทำไม?” หวงเลี่ยงหลิงที่ช็อคแล้วช็อคอีกพยายามเค้นเสียงตัวเองถามออกมา จูเลี่ยงรุ่ยหันมายิ้มให้ผู้เป็นแม่พร้อมๆ กับดึงตัวเธอให้นั่งลงบนโซฟานุ่มๆ “แม่คะ โหวเจียวซือก็เหมือนพ่อนั่นแหละค่ะ เขาไม่เคยรักหนู พ่อก็ไม่เคยรักแม่ ต่อให้พวกเราพยายามทำดีแค่ไหนก็ไม่มีทางเอาชนะใจพวกเขาได้หรอกค่ะ พวกเขาต่างก็รักสองแม่ลูกนั่น เราสองคนอย่าไปขวางทางรักของพวกเขาเลยนะคะ ปล่อยพวกเขาไปมีความสุขกันเสียทีเถอะค่ะ เราเองก็จะได้มีความสุขของเรา แม่คะ เราสองคนทั้งสวยทั้งรวย เรื่องจะหาผู้ชายหล่อๆ ดีๆ และรักเราจริงไม่ใช่เรื่องยากหรอกค่ะ อันที่จริงแล้ว เราไม่เห็นต้องไปกังวลเลยกับเรื่องความรัก ทุกวันนี้ผู้คนส่วนมากล้วนมีชีวิตที่ยากลำบากในการดิ้นรนทำมาหากิน เราสองคนแม่ลูกเกิดมาบนกองเงินกองทอง แสนจะสุขสบาย ไม่ต้องลำบาก ไม่เห็นต้องเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องความรักเลย แม่ขา เชื่อหนูนะ เราสองคนแม่ลูกน่ะเกิดมาโชคดี มีโชคลาภวาสนา เงินสำคัญกว่าความรักนะคะแม่” จูเลี่ยงรุ่ยร่ายยาว เธอทำราวกับว่าคนทั้ง 5 คนที่ยืนอยู่เป็นอากาศธาตุ “ลูก ลูกว่าอย่างนั้นหรือ?” หวงเลี่ยงหลิงมีอาการงงๆ เธอคิดตามที่ลูกสาวพูดและเหมือนจะเริ่มคล้อยตาม เวลานี้สายตาของเธอไม่ได้จับจ้องที่ใบหน้าของเขาคนนั้นแล้ว “นี่ลูกพูดบ้าอะไร!มีอย่างที่ไหนยุให้พ่อแม่เลิกกัน เลี่ยงรุ่ย ลูกเสียสติไปแล้วหรือ?” จู่ๆ คุณพระเอกพ่อก็โพล่งออกมาอย่างไม่ทันได้คิดอะไร คราแรกเขากังวลใจแทบขาดว่าภรรยาที่เขาสุดแสนจะเกลียดชังอย่างหวงเลี่ยงหลิงจะไม่ยอมหย่าแต่โดยดี แต่พอเรื่องมาถึงจุดนี้ จุดที่ลูกสาวที่เกิดจากเขาและเธอนั้นเป็นคนยุแยงผู้เป็นแม่ให้หย่าจากเขาที่เป็นพ่อ และดูเหมือนภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาจะคล้อยตามลูกสาวเสียแล้ว จูลู่จื้อถึงกับตั้งตัวไม่ติดและทำตัวไม่ถูก หากไม่อคติลำเอียงและคิดวิเคราะห์ตามหลักเหตุและผลมันก็จริงอย่างที่จูเลี่ยงรุ่ยว่ามานั่นแหละ ตัวเขาเองก็เริ่มแก่ตัวลง ความหล่อเหลาองอาจภาคภูมิก็ลดน้อยลง แถมยังมีพุงยื่นออกมานิดๆ เรี่ยวแรงก็เริ่มถดถอย หลายวันก่อนก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีผมขาวขึ้นแซมอยู่ 2-3 เส้น นี่เขาเริ่มแก่จริงๆ แล้วใช่ไหม เงินทองก็ไม่เคยมีหยิบยื่นให้เธอ ครั้นพอหันกลับไปมองภรรยาที่เขาแสนชังก็เห็นเป็นจริงอย่างที่จูเลี่ยงรุ่ยว่า เขาเพิ่งสังเกตเห็นวันนี้นี่เองว่าหวงเลี่ยงหลิงนั้นยังดูอ่อนเยาว์ไม่ต่างจากเด็กสาววัย 20 ปลายๆ เพราะเธอมีเงินมากมายที่จะดูแลเรื่องความสวยความงามให้ตนเองไม่อั้น เวลาที่เดินเคียงคู่ไปกับลูกสาวบ่อยครั้งที่คนทักว่าเป็นพี่น้องกัน …จู่ๆ เขาก็นึกเสียดายขึ้นมา นี่มันเรื่องบ้าอะไร “ไม่ พ่อจะไม่ยอมหย่าง่ายๆ หรอก” สิ่งที่จูลู่จื้อโพล่งออกมาทำให้สองแม่ลูกนางเอกแทบล้มทั้งยืน จูเลี่ยงรุ่ยมุ่นหัวคิ้ว “พ่อคะ พ่อเป็นถึงนายทหารยศนายพัน พูดแล้วจะคืนคำได้ยังไง นี่ไม่ใช่เด็กเล่นขายของนะคะ เป็นตัวพ่อเองไม่ใช่หรือที่มาขอหย่ากับแม่ พอแม่ตกลง พ่อก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาซะอย่างนั้น พ่อคะ เห็นแก่ความรักของพ่อกับคุณเตียวหนิงเหมยหน่อยซีคะพ๊อ นี่หนูงงพ่อไปหมดแล้ว ทุกคนคิดว่าหนูเสียสติ แต่ตอนนี้หนูคิดว่าพ่อเสียสติเสียมากกว่า ไม่เอาน่า พ่อ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว หย่าๆ กันซะให้จบเรื่อง หนูกับแม่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ พ่อเป็นถึงนายพัน ลูกน้องนายทหารก็มีมากมาย เกิดว่ามีคนรู้แล้วแอบเอาไปพูดต่อๆ กันมิขายหน้าแย่หรือคะ แล้วอย่างนี้ลูกน้องเขาจะยังนับถือและเชื่อฟังพ่ออยู่ไหม อ้อ ยังมีอีกเรื่องนึงนะคะพ่อ ถึงแม้ว่าพ่อจะหย่ากับแม่ แต่สินสมรสนี่หนูไม่ให้พ่อนะคะ เพราะมันไม่มีอะไรเลยที่มาจากพ่อ ทรัพย์สินเงินทองต่างๆ ที่เพิ่มพูนขึ้นล้วนมาจากฝั่งตาและแม่ทั้งนั้นค่ะ อย่าหาว่าหนูอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ เงินเดือนพ่อก็เพียงแค่เดือนละ 200 หยวน แอบส่งไปให้ลูกเมียนอกทะเบียนก็เกือบหมดแล้ว แทบไม่เหลือมาจุนเจือครอบครัวหรือเลี้ยงดูหนูเลย แบบนี้พ่อที่เป็นถึงนายทหารยศนายพันคงจะไม่กล้ามีหน้ามาขอแบ่งสินสมรสหลายแสนหยวนหรอก จริงหรือไม่คะพ่อ อ้อ ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณถังหงเซ่อที่กล้องของคุณน่ะไม่ได้ใช้งาน แหม…อย่าหาว่าฉันรู้ทันเลยนะคะ แต่ฉันก็รู้ทันพวกคุณจริงๆ นั่นแหละ คุณกะว่าจะมาถ่ายรูปตอนที่ฉันและแม่อาละวาดตบตีสองแม่ลูกคู่นี้แล้วจะใช้รูปเป็นหลักฐานในการฟ้องหย่าให้พ่อใช่ไหมค่ะ เฮ้อ!เห็นทีว่าคราวนี้คุณมาเสียเที่ยวเปล่า ได้สักรูปไหมละคะคุณถังหงเซ่อ แต่ฉันได้นะคะ ได้หลายรูปเลยทีเดียว หันไปดูสิ คนของฉันสองคนกำลังเก็บรูปพวกคุณเอาไว้ พวกเขาถ่ายพวกคุณตั้งแต่แรกแล้ว ฉันเองก็จะเอาไว้เป็นหลักฐานเหมือนกัน หากว่าพ่อต้องการแบ่งสินสมรสกับแม่ ฉันก็จะเอารูปถ่ายพวกนี้เป็นหลักฐานว่าพ่อพาผู้หญิงมาเย้ยแม่ถึงบ้าน แถมยังแอบมีลูกด้วยกันอีก นี่…ดีไม่ดีคุณเตียวหนิงเหมยอาจจะถูกฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายได้นะคะ ในฐานะชู้ แหม พ่อก็รู้หนิ ตาน่ะมีทนายมือดีตั้งหลายคนเพราะฉะนั้นอย่าเสี่ยงเลยค่ะพ่อ ยอมหย่าให้แม่ดีๆ เถอะ แม่จะได้มีชีวิตใหม่ ตอนนี้หนุ่มๆ หล่อๆ ในเมืองมีเยอะมาก แม่ วันหลังเราไปเดินเปิดหูเปิดตาในห้างที่เพิ่งเปิดใหม่กันนะคะ เพื่อนๆ หนูเล่าว่ามีหนุ่มๆ หล่อๆ เดินเยอะเลยล่ะค่ะ” จูเลี่ยงรุ่ยพูดเรื่อยเปื่อยอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันไปหาผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนมึนงง “ไม่ได้ ลูกจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ยังไงๆ พ่อก็ไม่ยอมหย่าง่ายๆ หรอก” จูลู่จื้อโพล่งออกมาอย่างไม่ต้องคิดอีกรอบ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกอย่างมันกลับตาลปัตรอย่างนี้ ทั้งตัวลูกสาว ตัวหวงเลี่ยงหลิงและตัวเขาเอง ทำไมจู่ๆ เขากลับรู้สึกหึงหวงเธอขึ้นมาและไม่อยากหย่าซะอย่างนั้นล่ะ “ผมเองก็ไม่ยอมถอนหมั้น นี่ จูเลี่ยงรุ่ย คุณเสียสติไปแล้วหรือไง การหมั้นของเราเกิดจากคำสัญญากันของผู้ใหญ่ ทั้งตาของคุณและปู่ของผมที่เป็นเพื่อนรักกัน พวกท่านให้คำมั่นสัญญากันตั้งแต่ก่อนพวกเราจะเกิดเสียอีก แล้วจู่ๆ คุณนึกอยากจะถอนหมั้นก็ทำตามใจนึกได้เหรอ” โหวเจียวซือพูดอย่างเกรี้ยวกราด ชายหนุ่มคว้าแขนยาวเรียวของคนรักอย่างเตียวหนิงฮวาขึ้นมา ก่อนที่จะค่อยๆ บรรจงถอดกำไลหยกโบราณล้ำค่ามรดกประจำตระกูลของเขาออกมาจากแขนของเธอ เล่นเอาเจ้าหล่อนถึงกับปากอ้าตาค้างเลยทีเดียว ‘นี่มันเรื่องอะไรกัน?’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD