ฉีเหยียนทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าห้องของบิดา เรือนใหญ่ของใต้เท้าฉีมีบ่าวและสาวใช้คอยดูแลอย่างเข้มงวด สายแล้วใต้เท้าฉียังไม่ออกจากเรือนเป็นเพราะเมื่อวานเขาตากฝนโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ลงจากรถม้าเข้าไปยังศาลาว่าการเขาเกรงว่าจะทำให้ท่านอ๋องเก้าทรงต้องรอนานจึงได้ยอมตัดสินเดินฝ่าฝนเข้าไปในตัวอาคาร ในใจก็นึกโมโหผู้ติดตามยิ่งนักที่มิได้เตรียมร่มติดรถม้ามาด้วย
“ข้าอยากจะสั่งโบยนัก! ถ้าไม่เห็นว่าเป็นคนที่ติดตามกันมาตั้งแต่ยังเป็นทหารล่ะก็ เห็นทีคงต้องสั่งโบยให้หลังลายกันบ้าง” น้ำเสียงของหงุดหงิดนั้นทำเอาฉีเหยียนที่แอบดูอยู่ถึงกับสะดุ้ง เขาไม่เคยเห็นท่านพ่อของตนหงุดหงิดเช่นนี้บ่อยนัก
“ท่านพี่เจ้าคะ อย่าโมโหไปเลย นี่ข้าก็ช่วยเช็ดช่วยพัดจนจะแห้งหมดแล้ว ประเดี๋ยวก็คงจะทำผมเสร็จ”
“ดีนะที่ข้ามีนัดยามสาย หากวันนี้เป็นการประชุมในวังหลวงล่ะก็ เห็นทีคงถูกฮ่องเต้สั่งให้คุกเข่าเป็นวันแน่”
ใบหน้าเรียวขาวของเด็กชายยื่นออกไปดู เห็นมารดาของตนกำลังก้มหน้าพยายามกลั้นยิ้มสุดตัว นางยกหลังมือขึ้นกัดไว้ในท่าหัวเราะตัวโยน ส่วนสาวใช้คนสนิทของมารดาที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ต้องทำท่าทางเดียวกัน
ฉีเหยียนเห็นส่วนศีรษะด้านซ้ายของบิดาที่มีผมเหลือเพียงส่วนที่อยู่เหนือใบหู ด้านบนเตียนโล่งก็ถอนหายใจ นับตั้งแต่เขาได้เห็นโดยบังเอิญเมื่อปีที่แล้ว เด็กชายก็นึกสงสัยแต่ไม่กล้าถามผู้ใด เพราะดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นความลับที่เคยทำให้สาวใช้คนหนึ่งถูกสั่งโบยมาแล้ว
“ท่านพี่เจ้าคะ คราวหน้าก็ระวังมากหน่อย ข้าเตือนคนขับรถม้าแล้วว่าต้องติดร่มไว้ในรถเสมอ ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก ท่านก็ต้องอยู่ในร่มคันใหญ่เท่านั้น”
ใต้เท้าฉีสีหน้าหงุดหงิดเพราะการตากฝนครั้งนี้ทำให้ส่วนกลางศีรษะที่ผมร่วงไปจนเกือบหมดเหลือเพียงหย่อมผมเล็กๆ เพียงสองส่วนด้านซ้ายและด้านขวาเปียกชื้น หากว่าเขากลับมาถึงจวนช้ากว่านั้นอีกสองเค่อเห็นทีคืนก่อนคงไม่ได้นอนเพราะคันคะเยอเป็นแน่ เมื่อคืนภรรยาช่วยปลดเอากลุ่มผมออกจากศีรษะแล้วให้สาวใช้นำไปสระจนหอมกรุ่นแล้วช่วยกันเช็ดและใช้พัดโบกจนแห้ง
“ดี! คราวหน้าหากเกิดเหตุนี้ขึ้นอีกล่ะก็ ข้าจะสั่งโบยเขาสักสิบที”
“เอ๋? ท่านพี่ ไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือเจ้าคะ?”
“เจ้าดูเอาเถอะ เขาทำให้ผมของข้าต้องเปียกปอนไปหมดเช่นนี้ สมควรแล้วหรือไม่? หากข้าไปไม่ทันนัดหมายล่ะก็ ความเสียหายนี้ผู้ใดจะรับผิดชอบไหวเล่า?”
“ท่านใจเย็นเถิด ต่อไปข้าจะคอยกำชับพวกเขาให้ระมัดระวังให้ดีเอง เจ้าคะ” อวี่ฮูหยินพูดเอาใจสามีแล้วก็หันไปพยักหน้าเร่งสาวใช้
พวกนางรีบสางผมที่ถักทอรวมกันอย่างปราณีตเพื่อเอาไว้สวมบนศีรษะของใต้เท้าฉี ไม่นานนักก็เรียบร้อย อวี่ฮูหยินจึงได้รับเอากลุ่มผมนั้นมาวางบนศีรษะของสามีถักผมจริงที่เหลือเข้ากับกลุ่มผมที่วางลงไปใหม่แล้วมวยขึ้น ที่ครอบผมสีทองหรูหรารัดไว้บนมวยผม
“อืม!” ใต้เท้าฉีมองคันฉ่องแล้วยิ้มน้อยๆ
เมื่อเห็นว่าบิดาดูพอใจในทรงผมแล้ว เด็กชายรีบถอยออกแล้วกลับไปรอที่ห้องโถง เด็กชายเอามือกุมท้อง เขาหิวจนไส้จะกิ่ว แต่ในเมื่อบิดายังไม่ออกมา พ่อบ้านก็ไม่ยอมสั่งให้สาวใช้จัดโต๊ะอาหาร เขาที่นั่งรออยู่นานอดรนทนไม่ไหวจึงได้แอบไปดูที่เรือนใหญ่ เมื่อเห็นพ่อท่านพ่อกำลังวุ่นวายเพราะผมที่ไม่ได้อยู่บนศีรษะเช่นทุกวัน เด็กชายก็เฝ้ารอ
“คุณชายรอง นี่ซาลาเปาเจ้าค่ะ” จิงหานเป็นสาวใช้ที่ดูแลฉีเหยียนมาตั้งแต่แรกเกิดล้วงเอาของที่ห่อผ้าไว้ในสาบเสื้อแอบส่งให้นายน้อย
ฉีเหยียนหันไปมอง ครั้นไม่เห็นพ่อบ้านอยู่ในห้องโถงก็รีบรับซาลาเปาก้อนเล็กมากัดกินตะกรุมตะกราม
“มีอีกลูกไหม? ข้าหิวมากเลย ท่านพ่อก็มัวแต่จัดทรงผมอยู่นั่นล่ะ”
“จุ๊ๆ คุณชาย อย่าพูดเสียงดังเจ้าคะ! ประเดี๋ยวเราสองคนโดนลงโทษ” นางรีบหยิบเอาซาลาเปาอีกก้อนวางบนมือน้อยที่ยื่นมาอย่างมีความหวัง
เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก ลืมตัวพูดถึงผมของบิดาออกมาเพราะเห็นว่าจิงหานไม่มีทางจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องบิดามารดาแน่ ครั้นกินซาลาเปาไปสองลูกแล้วก็รับจอกน้ำชาที่สาวใช้ประจำตัวรินให้ยกซดไปถึงห้าจอก เด็กชายจึงเริ่มรู้สึกพอทนไหว
“คุณชายทนอีกหน่อยนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวนายท่านก็คงจะออกมาแล้ว”
จิงหานไม่กล้าเอาซาลาเปาให้คุณชายน้อยของนางกินหลายลูกเพราะว่าฉีเหยียนจะอิ่มเกินไปจนรับประทานอาหารพร้อมบิดามารดาไม่ได้ นายท่านฉีชอบให้บุตรชายทั้งสองและฮูหยินเอกมารับประทานอาหารด้วย คราวก่อนฉีเหยียนแอบกินหมั่นโถวจนจุก ครั้นถึงเวลาอาหารกลับรับประทานไม่ได้ เมื่อบิดารู้เข้าจึงได้ลงโทษให้งดอาหารมื้อต่อไป
ใต้เท้าฉีที่ทำผมเรียบร้อยก็เดินเคียงข้างมากับภรรยา บนโต๊ะอาหารมีเพียงคนในครอบครัวสามคน ส่วนอนุภรรยาและลูกของพวกนางจะสามารถมาร่วมโต๊ะอาหารได้ก็ต่อเมื่อใต้เท้าฉีได้เอ่ยอนุญาตเท่านั้น เดิมทีต้องมีคุณชายใหญ่ซึ่งเป็นพี่ชายของฉีเหยียนด้วยแต่บัดนี้พี่ชายของเขาได้ไปเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยทำงานอยู่ในศาลาว่าการเมืองฉู่จิ้ง
“เสี่ยวเหยียน เย็นนี้อย่าลืมเอาผลงานที่ส่งอาจารย์มาให้ท่านพ่อตรวจดูด้วยเล่า? เมื่อวันก่อนเห็นอาจารย์ใหญ่หวังบอกว่าเจ้าเขียนกลอนได้ดี จนได้รับคำชมนี่นา”
“ขอรับ! ข้าไม่ลืมเอากลับมาด้วยแน่นอน” ฉีเหยียนเกือบลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันศุกร์และเขาก็มีนัดกับสหายทั้งสามจะแอบขึ้นเขาไข่มังกรหลังสถาบันเค่อเฉิง
เด็กชายเหลือบมองจิงหาน คาดในใจว่าวันนี้ตนเองต้องห่อของกินไปให้มากหน่อยเพราะการขึ้นเขาไข่มังกรในตอนบ่ายเป็นเวลาที่ฉีเหยียนต้องได้กินอาหารว่าง
เมื่อมารดาเดินไปส่งบิดาขึ้นรถม้าหน้าจวน เด็กชายเข้าไปบอกให้จิงหานเตรียมของกินที่จะห่อไปกินบนเขาได้ง่าย
“คุณชายจะไม่ให้ข้าน้อยตามไปจริงๆ หรือเจ้าคะ?”
“เจ้ารอข้างล่างได้หรือไม่? พวกเราสี่คนอยากจะไปผจญภัยกันตามลำพัง รับรองว่าจะไม่เข้าไปลึกนักหรอก แค่ขึ้นไปตรงเนินเขาส่วนหน้าก็พอแล้ว”
จิงหานไม่อาจขัดต่อคำอ้อนวอนของคุณชายตัวน้อยที่ตนเลี้ยงมา ในยามที่ฉีเหยียนแรกเกิดนั้น จิงหานได้ติดตามแม่นมที่เป็นญาติเข้ามาดูแลคุณชายน้อย หลังจากหมดระยะการให้นมแล้ว แม่นมซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของจิงหานก็ลากลับบ้านนอก ส่วนจิงหานนั้นอวี่ฮูหยินถูกใจจึงทำสัญญาว่าจ้างรายปีและได้อยู่ดูแลคุณชายรองนับตั้งแต่บัดนั้น
“ได้เจ้าค่ะ ว่าแต่ไม่อันตรายแน่นะเจ้าคะ”
“อืม...เขาไข่มังกรก็แค่เนินเขาเล็กๆ หลังสำนักศึกษา เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกน่าข้าจะระวังตัว”
************************