บทที่ 4 เขาไข่มังกร

1232 Words
ในวันที่ต้องเรียนวิชาการต่อสู้ป้องกันตัว นักเรียนทั้งชายและหญิงล้วนแต่งตัวทะมัดทะแมง ซิวลู่ฉิงกับฉีเหยียนมีอาการตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด ฝ่ายแรกเป็นเด็กหญิงตัวกลมป้อมที่ชอบการกินและการอ่านหนังสือ ส่วนฝ่ายหลังเป็นหนอนหนังสือที่ไม่ชอบการออกกำลังและการต่อสู้เอาเสียเลย “ข้าไม่ชอบเวลาเหงื่อออก! มันเหนียวเหนอะไปหมด ซ้ำข้ายังเป็นผื่นแดงตามเนื้อตามตัวอีกด้วย” ใบหน้าของเด็กชายบึ้งตึง ชิงเว่ยเว่ยจึงหันไปปลอบใจ “ที่เจ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่าร่างกายของเจ้าอ่อนแอ หากเจ้าออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ต่อไปเจ้าก็ไม่เป็นผื่นแดงเช่นนั้นอีก” “ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ!” “หือ....ยังมีอะไรอีกล่ะ?” “เห็นว่าเราเป็นเพื่อนกันข้าจะยอมบอกความลับให้ แต่พวกเจ้าห้ามบอกผู้อื่นเป็นอันขาด” ฉีเหยียนทำหน้าเครียดจนสหายทั้งสามต้องตกปากรับคำ “หากเหงื่อข้าออกมากข้ากลัวว่าจะเหมือนท่านพ่อของข้าน่ะสิ” ชิงเว่ยเว่ยนึกถึงหน้าใต้เท้าฉีที่เคยเห็นไปเยือนบ้านของนางอยู่ครั้งสองครั้งก็ไม่เห็นว่าคนผู้นั้นจะผิดปกติแต่อย่างใด? “ท่านพ่อของเจ้า ข้าก็เห็นว่าเป็นขุนนางรูปร่างใหญ่สง่าผ่าเผยดีนี่?” “หึ! ความลับของท่านพ่อข้าก็คือ...” ฉีเหยียนทำปากขมุบขมิบซุบซิบให้สหายฟัง เด็กทั้งสามฟังจบก็ทำตาโต “ไอหยา!” “เจ้ารู้หรือยังว่าเหตุใดข้าจึงไม่อยากออกกำลัง?” “อืม...ถ้าเป็นอย่างเจ้าว่าจริง เรื่องนี้ก็น่าเห็นใจนัก โรคภัยที่ส่งต่อจากบิดาถึงบุตรก็มีมากมาย แต่ข้าเคยอ่านในตำราที่บ้านบอกว่าการออกกำลังจะทำให้ร่างกายของเราฟื้นฟูได้นะ” แม้ชิงเว่ยเว่ยจะรู้สึกเห็นใจฉีเหยียน แต่การจะปล่อยให้เด็กชายกลายเป็นคนอ่อนแอขี้โรคอยู่อย่างนี้ก็คงไม่ดีแน่ ดูจากพฤติกรรมของเขาแล้ว ทั้งไม่ใส่ใจเรื่องการกินและยังไม่สนใจการออกกำลังอีก เห็นทีจะกลายเป็นบัณฑิตอ่อนแอไปในไม่ช้า ซิวอี้เซิงเห็นว่าชิงเว่ยเว่ยพูดจามีเหตุผลก็รีบสนับสนุน “จริงอย่างเว่ยเว่ยว่า อาเหยียนข้าว่าเจ้ามาออกกำลังบ้างเถอะ ดูอย่างข้าสิ! ไม่เคยวิงเวียนเลยสักครั้ง ถึงเจ้าจะเห็นว่าข้ามีพุงเช่นนี้แต่ข้าวิ่งได้เร็วมากนะ” “แต่ข้า....” “ในฐานะที่ข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มฉีหลิน ขอสั่งให้เจ้าตั้งใจเรียนวิชาการต่อสู้ป้องกันตัว ไม่เช่นนั้นหากพวกเราไปสมัครเป็นสายลับของสำนักข่าวนกกระจิบก็คงไม่ผ่านแน่” ฉีเหยียนแม้จะสีหน้าไม่ค่อยดีแต่จำเป็นต้องพยักหน้า เมื่อเห็นว่าแม้แต่ซิวลู่ฉิงเด็กหญิงตัวกลมก็ยังทำตัวให้พร้อมกับการเรียนวิชาที่ตนเองไม่ชอบ แปะ! แปะ! แปะ! “เอาล่ะทุกคน! ได้เวลาเรียนกันแล้ว คาบเรียนนี้อาจารย์หูจะเริ่มสอนจากการเตรียมร่างกายให้พร้อม ข้าจะคอยช่วยดูว่าพวกเจ้าทำท่าตามได้อย่างถูกต้องหรือไม่?” อาจารย์ไต้ในชุดเดียวกับอาจารย์หูประกาศอยู่หน้าเวที สถานที่เรียนวันนี้อยู่ใต้ร่มไม้ร่มรื่น สายลมโชยเอื่อย ชิงเว่ยเว่ยที่ฝึก วรยุทธ์อยู่ที่จวนสกุลชิงและยังไปฝึกที่วังของท่านอ๋องสิบห้าทำท่าทางได้คล่องแคล่ว จนอาจารย์หูเอ่ยชม เด็กหญิงยิ้มภาคภูมิใจ “เว่ยเว่ย เจ้าเรียนวรยุทธ์มาหรือ?” “เจ้าค่ะ ข้าฝึกมาหลายเดือนแล้ว แต่ก่อนไม่สบายต้องฝึกเพื่อฟื้นฟูร่างกาย” “ดีๆ เอาล่ะทุกคนดูเว่ยเว่ยเป็นตัวอย่างนะ ท่าทางของเว่ยเว่ยถูกต้องและเข้มแข็ง แบบนี้จึงเรียกว่าหมัดมวย” อาจารย์ไต้หันมามองเด็กหญิงด้วยความพอใจ เมื่อเห็นว่าไหล่นางตกเล็กน้อยเขาจึงเดินมาแตะที่บ่าแล้วยิ้มด้วยความเมตตา “เขาต้องเกร็งไหล่ขึ้นอีกนิด การตั้งท่าจะได้มั่นคงขึ้น” ชิงเว่ยเว่ยรู้สึกคล้ายใบหน้าของชายหนุ่มส่องประกายเขาดวงตานางจะตาพร่า มิน่าเล่า! จึงได้ยินว่าอาจารย์ไต้ไม่อาจอยู่สอนที่ฝั่งชั้นกลางและชั้นสูงได้เพราะรูปลักษณ์ของเรารบกวนจิตใจศิษย์สาวจนไม่เป็นอันเรียน “เว่ยเว่ย! เจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมตัวแข็งทื่อเช่นนั้น?” ไต้เส้าจวินเขย่าร่างสาวน้อยเบาๆ ด้วยความตกใจ ที่ลูกศิษย์ตัวน้อยคล้ายจะแน่นิ่ง “อะ อะ อ้อ! ไม่เป็นไรเจ้าคะ!” เด็กหญิงค่อยได้สติ “เจ้าหน้าแดงเชียว หรือว่าอากาศตรงนี้จะเริ่มร้อนแล้ว” อาจารย์หนุ่มรูปงามเงยหน้าขึ้นมองแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า “พวกเจ้าหลบไปร่มไม้ด้านโน้นดีกว่า ด้านนี้เหมือนจะพรางแสงได้ไม่ดีนัก” ชิงเว่ยเว่ยเดินทื่อไปกับเพื่อนร่วมชั้นตาที่อาจารย์ไต้ชี้บอก ซิวลู่ฉิงที่อยู่ไม่ไกลสังเกตเห็นอาการของสหายรักดูแปลกไปก็รีบเดินเข้ามาหา “เจ้าหน้าแดงเชียว เอายาดมหรือไม่? ข้าจะไปขอฉีเหยียน” ไม่รอให้ชิงเว่ยเว่ยได้ตอบ ซิวลู่ฉิงก็วิ่งตื๋อไปบอกฉีเหยียน ฝ่ายนั้นรีบควักตลับเล็กออกจากสาบเสื้อส่งให้ทันที สาวน้อยที่หน้าแดงเพราะใจเต้นแรงต้องแสร้งดมยาตามที่เพื่อนบอกเพื่อมิให้ดูผิดปกติ “เจ้าดีขึ้นหรือยัง?” “อืม...ดีขึ้นแล้ว” ดมยาไปก็ทอดสายตาออกไป พลันชิงเว่ยเว่ยก็เห็นว่าด้านหลังมีเนินเขาเล็กๆ อยู่ “หลังเค่อเฉิงมีป่าอยู่ด้วยหรือ?” “นั่นเรียกว่าเขาไข่มังกร เป็นเนินเขาและป่าหลังสถาบันมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแล้วล่ะ เจ้าไม่รู้หรือ?” “ไม่เลย ข้าเพิ่งจะสังเกตเห็นนี่ล่ะ ดูท่าจะเป็นป่ารกน่าดูเลยนะ” “นี่ๆ ข้าได้ยินว่าเขาไข่มังกรมีตำนานร่ำลืออยู่ตั้งหลายเรื่อง” “เจ้าเล่าให้ข้าฟังสักหน่อยสิ!” “ข้าได้ยินมาว่าก่อนก่อตั้งสถาบันเค่อเฉิงนั้น หมิงฮ่องเต้ทรงเสด็จมาที่นี่ จีกั๋วกงที่เก่งกาจด้านการพยากรณ์ได้ทำนายว่าเขาไข่มังกรคือที่ซ่อนขุมพลังอำนาจ หากตั้งสถาบันการศึกษาที่นี่จะทำให้แคว้นหมิงยิ่งใหญ่ ฮ่องเต้จึงทรงเห็นดีเห็นงามจึงได้ใช้บริเวณนี้เป็นสถานศึกษา เขาไข่มังกรกลายเป็นที่ทดสอบความสามารถและไหวพริบของบัณฑิต แต่ละปีคนจากในวังจะมาฝังของมีค่าเอาไว้อย่างหนึ่ง จากนั้นก็จะเปิดให้บัณฑิตทั้งหมดขึ้นไปเขาไข่มังกรเพื่อหาสิ่งนั้น หากผู้ใดหาเจอก็จะได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้เป็นการส่วนพระองค์ในวังหลวงเพื่อรับพระราชทานรางวัล” ชิงเว่ยเว่ยขมวดคิ้ว “แล้วที่ผ่านมามีคนหาเจอหรือไม่?” “ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่าอาจารย์จะแจกปริศนาให้ทุกคน ที่ผ่านมามีเพียงอาจารย์ไต้เท่านั้นที่หาเจอ” “เอ๋? คนเดียวเท่านั้นหรือ?” “ใช่! เป็นการหาเจอโดยบังเอิญเสียด้วย แต่เรื่องรายละเอียดอื่นๆ ข้าไม่รู้” “เจ้าเล่าเช่นนี้ ข้าชักอยากขึ้นไปดูเขาไข่มังกรเสียแล้วสิ!” **************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD