การวิ่งโดยไม่ลืมหัวลืมตาแบบไม่คิดชีวิตของหญิงสาว ส่งผลให้ฝ่าเท้าเปลื่อยเปล่าเกิดอาการเจ็บระบมขึ้นทุกครั้งยามเมื่อมันต้องกระทบกับผืนดิน เลือดสีแดงอ่อนจางไหลซึมผ่านเนื้อเยื่อบางๆออกมาทีละนิด แต่นาทยสุรีก็หาได้ให้ความสนใจกับบาดแผลที่ยังดูห่างไกลจากหัวใจไม่ เมื่อในสมองตอนนี้ของเธอคิดอยู่อย่างเดียว นั่นก็คือต้องการหลุดพ้นไปให้ไกลจากผู้ชายชั่วช้าสารเลวคนนั้นให้มากที่สุด เธอจะไม่ขอยอมทนให้มันมาข่มแหงรังแกกันได้อีกต่อไปแล้ว...
“อุ้ย!” หากนาทยสุรีวิ่งไปยังไม่เท่าไหร่ เขาก็ส่งเสียงตามหลังเธอมาติดๆ
“จะหนีไปไหนล่ะจ๊ะแม่เมียสุดสวาทจ๋า...” เสียงก้องกัมปนาทถามแทรกเสียงหอบหายใจถี่รัว
นาทยสุรีงอลำตัวลงเพื่อหยุดหายใจประเดี๋ยวเดียว มีอันต้องยืดลำตัวขึ้นตรงด้วยความตกใจ ใบหน้าขาวดูซีดลงถนัดใจไม่คิดว่าชายหนุ่มจะตามมาทันอย่างรวดเร็วได้เพียงนี้...
และแม้อาการเจ็บจุกที่เกิดขึ้นกลางลำตัวยังคงไม่อันตรธานหายไปไหน มันยังคงเกิดอาการจุกยามเมื่อเธอลงน้ำหนักในการวิ่งหนี แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อไอ้คนใจร้ายมันดันวิ่งมาทันเธอจนได้เสียก่อนแล้วอย่างนี้ ก็ต้องโกยหนีมันให้ถึงที่สุดนั่นแหละ...
“ไงแม่คนเก่ง คิดว่าจะหนีฉันรอดหรือไง เก่งจริงก็วิ่งต่ออีกสิวิ่งไปเลย...”
ชายหนุ่มตะคอกเสียงดังตามแรงอารมณ์โกธรเกรี้ยว ร่างน้อยสะดุ้งแต่จำต้องกัดฟันทนความเจ็บแสบทั้งสองฝ่าเท้าและอาการจุกเสียดบริเวณช่องท้อง รีบวิ่งหนีไอ้คนใจทรามโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมองหน้ามันให้เสียเวลา ถึงแม้ตอนนี้หญิงสาวจะรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งสองขาก็ตามที แต่เธอขอไปตายเอาดาบหน้าเสียยังดีกว่า ที่ต้องจำฝืนทนถูกกระทำย่ำยีไม่ต่างจากโสเภณีข้างถนน...
“โธ่โว้ย...ให้มันได้อย่างนี้สิวะ...” ปวีณสบทคำหยาบอย่างหัวเสีย
ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนขับไล่ไสส่งให้หญิงสาววิ่งหนีแท้ๆ แต่ปวีณก็ยังสบทคำหยาบคายออกมาอย่างหัวเสียไม่หาย ไม่คิดว่านาทยสุรียังจะหลงเหลือแรงให้วิ่งหนีเขาได้อีก ชายหนุ่มจึงหันหน้าวิ่งไปยังทิศทางถนนเส้นทางลัด ซึ่งมันสามารถบรรณจบกันเมื่อถึงปลายทางออก...
“คอยดูนะถ้าฉันจับตัวเธอได้เมื่อไหร่ พ่อจะเอาเสียให้คางเหลืองเลยเชียว...” ปวีณยังคงคาดโทษหญิงสาวไม่เลิก...ให้มันได้อย่างนี้สิ ใครจะคาดคิดมาก่อนล่ะว่าเห็นตัวเล็กเท่ามดแค่นั้น จะวิ่งเร็วเสียจนเล่นเอาเขาเองก็เหนื่อยแฮ็กขึ้นคอได้เหมือนกัน...
และเมื่อนาทยสุรีวิ่งไปจนเห็นเส้นถนนใหญ่ตัดผ่าน ม่านดวงตาดำขลับยิ่งกว่าลูกนัยต์ตากวางก็ขยายโตขึ้น...
“โอ๊ะ!!!นั่นมันถนนใหญ่นี้...”
อารามดีใจสุดขีด นาทยสุรีจึงไม่ทันเห็นเงาดำทะมึนทาบทับอยู่ด้านหลัง และก่อนเธอจะวิ่งไปจนสุดทาง ร่างน้อยทั้งร่างก็ตกไปอยู่ในอ้อมแขนของเงาร้ายนั้นโดยหมดหนทางสู้...
“ว้าย!!!...” เสียงกรีดร้องพร้อมด้วยอาการดิ้นรนขัดขืนอย่างเอาเป็นเอาตายของหญิงสาว ไม่ได้ทำให้ร่างใหญ่ด้านหลังสั่นสะเทือนไปมากกว่าการปวดแก้วหู
เมื่อเขาบังคับลากร่างงามครูดไปตามถนนดินขรุขระอย่างไม่ปราณีปราศัย ก่อนจะผลักร่างที่ดิ้นรนเอาตัวรอดล้มลงบนผืนหญ้าหนานุ่ม ส่วนตัวชายหนุ่มเองก็ถาโถมตามร่างบอบบางลงไปติดๆเช่นเดียวกัน
ตอนนี้ปวีณแทบจะไม่หลงเหลือสติส่วนดีอีกแล้ว เมื่ออารมณ์ทั้งโกรธทั้งโมโหประดังประเดเข้าโถมใส่เขาอย่างจัง มือใหญ่จึงเอื้อมไปกระชากชิ้นส่วนเสื้อผ้าของตัวต้นเหตุออกจนเกิดรอยแดงขึ้นเป็นจ้ำตามร่างกาย แรงกระชากทำให้นาทยสุรีหลุดเสียงร้องครวญครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่...
“โอ้ย!!!อย่านะ แกจะทำอะไร?...ปล่อย...ปล่อยสิ...”
คนถูกผลักให้ล้มลงกับพื้นหญ้าอย่างไร้ความปราณีร้องโอดโอยด้วยความเจ็บจุก ถึงแม้แรงที่เหลือจะน้อยนิด ทว่าหญิงสาวกลับไม่อนาทรแต่อย่างใด สองมือสองขายังคงเตะป่ายไปตามเนื้อตัวของชายหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ก็จะอึบเธอมันตรงนี้ไง ลองเปลี่ยนรสชาติดูบ้างสักหน่อยจะเป็นไร เผื่อเธอจะติดใจรสชาติเซ็กส์ของฉัน แล้วจะได้เลิกคิดหนีไงล่ะแม่เมียร่านสวาท...”
น้ำเสียงกรรโชกแดกดันกระแทกตอบพร้อมกับการดึงรั้งสายเสื้อในตัวจิ๋วให้หลุดออกตามแรงอารมณ์เป็นชิ้นสุดท้าย สองเต้าทรวงอวบกระเด็งตัวออกมาอวดโชว์ความขาวเนียนให้ปวีณน้ำลายสอ พอเลื่อนสายตาลงไปเห็นกลีบผกาหอมยวนใจทั้งอวบทั้งอิ่มก็ยิ่งทำให้ความต้องการตีรวนขึ้นมาจนไม่อาจยับยั่งชั่งใจได้ต่อไปอีกแล้วในตอนนี้ ปลายนิ้วเรียวยาวจึงกรีดกรายชำแรกลงตรงกลางสองผกาเพื่อเร่งผลิตน้ำหล่อลื่นออกมาให้ทันใจคนหน้ามืด...
“ซีดส์...” ร่างงามสะดุ้งเฮือกปล่อยเสียงครางอันหน้าอับอายออกมาตามความกระสันของร่างกาย เมื่อหญิงสาวถูกปลายนิ้วยาวลุกล้ำเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว ปวีณชักนิ้วเข้าออกอย่างใจเย็นอยู่พักใหญ่ เพื่อนำพาเอาธารน้ำขาวขุ่นให้ปริ่มออกมาจากถ้ำผกามาศ ดวงตามืดมนจับจ้องใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยวเมื่อเขากระทุ้งเข้าหาผนังถ้ำรุนแรงยิ่งขึ้น นาทยสุรีต้องฝืนใจกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้ เธอจะไม่ขอยอมพ่ายแพ้ให้กับอารมณ์หวาบหวามแสนชิงชังนี้อีกต่อไปแล้ว
แต่เธอก็ทนฝืนต่อไปได้อีกแค่แป๊บเดียว เมื่อคนเจ้าเล่ห์เปลี่ยนวิธีการทรมานเธอด้วยการใช้นิ้วหัวแม่โป้งกดบี้กับปุ้มจงอยที่ไวต่อความรู้สึก ร่างงามจึงดิ้นส่ายเปลี่ยนสายตารังเกียจเป็นอ้อนวอนร้องขอให้เขาช่วยปลดปล่อยเธอให้หายจากความเสียวซ่านทรมานนี้ที และดูเหมือนคนใจดำจะรู้ทัน ชายหนุ่มจึงยิ้มใส่ดวงตาโตหยาดเยิ้มก่อนจะชักนิ้วร้ายออกมาอย่างไม่แยแส สะโพกมนถึงกับกระเด้งตามติดนิ้วอย่างร้องขอ แต่คนใจดำกับส่งสายตาดูถูกมาให้ นาทยสุรีอยากจะกลั้นใจตายไปให้พ้นๆกับความทรมานตรงนี้เหลือเกิน ยิ่งมาได้เห็นสายตาดูแคลนของไอ้ผู้ชายเลวทราม หญิงสาวจึงได้แต่มองสบตาตอบโต้อย่างอาฆาตแค้นส่งไปให้อย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน...
“ดูสิ...เธอนี่มันร่านจุดติดง่ายทันใจของฉันดีซะเหลือเกินนะแม่สาวชาวกรุง ทั้งแฉะฉ่ำเยิ้มเสียขนาดนี้ ยังจะมาปากดีปฏิเสธฉันอยู่ได้อีก...ทำไม หรือจะแสร้งทำให้ตัวเองดูดีมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น โดนฉันกระแทกซะรู้พลุนขนาดนี้มันคงจะยังเหลือหรอกนะ ไอ้สิ่งที่เธออยากได้นักนะ...”
“คนชั่ว!” เมื่อปรับอารมณ์ดำกฤษของตัวเองให้เป็นปกติ นาทยสุรีจึงกัดฟันด่าทอชายหนุ่มออกไปเพื่อระบายความเครียดแค้นภายในใจ สายตาวาวโรจน์ของคนทั้งคู่จ้องประสานกันอย่างกลับจะกินเลือดกินเนื้อโดยไม่มีใครคิดยอมใคร
“ แต่ไอ้ชั่วคนนี้มันก็ทำให้เธอเสียวและมีความสุขทุกครั้งไม่ใช่หรือไง และฉันก็รู้ดีว่าตอนนี้เธอต้องการอะไร?จนตัวสั่น...” คนโดนด่าไม่ได้สะเทือนไปกับคำด่าทอเหล่านั้น ยังคงยิ้มเหยียดส่งไปให้อย่างคนที่อยู่เหนือกว่า
“ฉันไม่เคยต้องการอะไรจากผู้ชายอย่างแก อย่าหลงตัวเองไปให้มากนักเลย หัดก้มมองสารรูปของตัวเองเสียบ้างสิ แกมีอะไรตรงไหนที่ทำให้ฉันต้องการอยากได้บ้างล่ะ ไอ้คนสารเลวไม่เจียมกระลาหัว...”
“แต่ฉันว่าเธอกำลังต้องการ และต้องการมากด้วย...”
“เอ๊ะ!ไอ้บ้านี่ ก็ฉันบอกไม่ต้องการก็คือไม่ต้องการ ฉันไม่เคยต้องการอะไรจากแก หรือแกฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงกันห๊ะ!...” ยิ่งพูดหญิงสาวก็ยิ่งเกิดอารมณ์พลุกพล่าน เมื่อคำกล่าวอ้างของไอ้คนเลวมันดันเป็นสิ่งที่นาทยสุรีกำลังต่อต้านระงับไม่ให้มันผลุดขึ้นมาประจานตัวเธอต่อหน้าไอ้คนสารเลว
“แต่เธอกำลังอยากให้ฉันเข้าไป แล้วกระแทกเธอแรงๆใช่ไหมล่ะแม่เมียร่านสวาทของฉัน...” ปวีณยกนิ้วมือซึ่งมีคราบน้ำขาวขุ่นติดนิ้วออกมาแหย่เข้าริมฝีปากอวบอิ่มเมื่อเขาเห็นหญิงสาวกำลังจะเผยอปากด่าทอเขา นาทยสุรีหลับตาปี๋ รู้สึกขยะแขยงกับสิ่งที่เขาทำใส่เธอเหลือเกิน
“น้ำร่านของเธอ อร่อยใช่ไหมล่ะ...หึ..หึ” ปวีณพูดจาถากถางเมื่อเขาดึงนิ้วออกจากริมฝีปากอิ่ม และทันได้เห็นแววตาตื่นตะหนกของแม่น้องน้อย
“ต่ำ สุถล ไอ้ชั่ว คอยดูนะถ้าหากฉันหนีไปได้อีกเมื่อไหร่ ฉันจะสั่งให้คนของพ่อมาจัดการแกให้ตายเหมือนหมาข้างถนนเลยคอยดู...” นาทยสุรีใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธกรุ่น ถึงจะตื่นตกใจมิใช่น้อยกับความดิบเถื่อนที่เธอต้องเจอในครั้งนี้ โดยมีไอ้ผู้ชายชั่วช้าสามานย์ ซึ่งไม่รู้ว่ามันหลุดออกมาจากขุมนรกขุมไหนกันแน่ ถึงได้มีนิสัยต่ำช้ารังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิงไร้ซึ่งหนทางสู้
“หึๆ...แต่ก่อนจะทำอย่างปากเสียๆของเธอพร่ำเพ้อ ฉันว่าวันนี้เธอมาลองสมสู่กับหมามันข้างถนนก่อนจะเป็นไร นาทยสุรี! ฉันเองก็อยากจะฟังเสียงครางอิ๋งๆของเธอแทบใจจะขาดแล้วเหมือนกัน ดูสิเสียงร้องของเธอมันจะเรียกให้หมาอีกสักกี่ตัวมาดูเวลาฉันกระแทกเข้าใส่ในร่างเธอ”
“อย่า!...” เสียงเล็กร้องห้าม ร่างน้อยเริ่มขยับต่อต้าน แต่ก็ไปไหนไม่รอด เมื่อร่างน้อยติดร่างใหญ่ยักษ์ทาบทับเธอเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
“โธ่...โธ่... อยากให้ผัวเอาเหมือนหมาก็ไม่บอกกันแต่แรก จะได้ช่วยสงเคราะห์ให้ตั้งนานแล้ว ไม่ต้องมาวิ่งไล่ตามกันให้เหนื่อยอย่างนี้ไง...”
“ไม่...อย่าทำอะไรฉันเลย...” ดวงตากลมโตคล้ายลูกกวางน้อยเบิกโพลงขยายกว้างขึ้น พอหันไปมองรอบๆตัว หญิงสาวก็ได้แต่ส่ายหัวจนผมนุ่มกระจายเต็มพื้นหญ้าสีเขียวขจี ยิ่งเมื่อผิวขาวราวหยวกกล้วยทาบทับบนผืนหญ้าหนานุ่ม ความสวยงามจับตาเลยเป็นตัวเร่งเร้าให้อสูรกายในคราบของชายหนุ่มรูปงาม ผลุดขึ้นมาสัมแดงแผลงฤทธิ์เดชโดยการตะโบมลูบไล้ไปยังสัดส่วนงามจับจิตจับใจอย่างที่เรียกได้ว่า...ตะกละตะกลามเลยทีเดียว
ร่างขาวนวลพยายามดิ้นหนีฝ่ามือหยาบอย่างเอาเป็นเอาตาย ปากก็พร่ำขอร้องให้เขาอย่าได้ทำอะไรเธอตรงนี้เลย แต่เขาก็หารับฟังเธอไม่ ฝ่ามือหยาบโลนยังคงบีบเคล้นละเลงลงไปยังสัดส่วนอ่อนนุ่มละมุนละไม จนร่างกายสาวบอบช้ำขึ้นเป็นริ้วรอยสีแดงเจือจาง...
“ฉันขอโทษ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันจะไม่หนีนายไปไหนอีกแล้ว ฉันสัญญา...แล้วอีกอย่างฉันก็จะไม่บอกใครเรื่องของนายด้วย ขอแค่นายอย่าทำอะไรฉันตรงนี้เลย ฉันขอร้องล่ะ...” สองมือน้อยพนมขึ้นยกมือไหว้ขอร้องเขาปลกๆ หญิงสาวกลัวเหลือเกิน หากว่าเขาทำมิดีมิร้ายกับเธอตรงนี้ แล้วบังเอิญมีคนผ่านมาเห็นเข้า เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หากเป็นเช่นนั้นจริง สู้ฆ่ากันให้ตายเสียยังจะดีกว่าให้ใครหน้าไหนมาเห็นความน่าอัปยศอดสู่ระหว่างเธอกับไอ้ผู้ชายใจทรามคนนี้เข้า...
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไปทุกอย่าง เมื่อปวีณจัดการลอกคราบร่างละออจนเปลือยเปล่าหมดจด ชายหนุ่มจึงหันไปจัดการรูดซิบกางเกงยีนลง ปลดปล่อยให้ความอลังการออกมาสูดอากาศภายนอก เมื่อเขารู้สึกอึดอัดมานานหลายนาที กว่าจะปราบแม่หนูน้อยแสนพยศได้สงบ...
“ฉันจะเอาเธอ แล้วก็ไม่ต้องมาทำเป็นตอแหล แกล้งแสดงร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญให้เสียเวลาไปหน่อยนักเลย ทำไมฮะ...เมื่อกี้นี้ฉันยังเห็นเธอทำปากเก่งกับฉันอยู่เลยไม่ใช่หรือไง...หึ!”
“กรี๊ด!!! ไม่ๆ ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว...”
หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องเพื่อเป็นการต่อต้าน ชายหนุ่มก้มใบหน้าทมิฬลงมองคนร้องขอให้ปล่อยด้วยความรู้สึกมืดสนิท ริมฝีปากยกยิ้มเยาะหยันเมื่อมองความขาวนวลนิลตัดกับสีเขียวของผืนหญ้า นัยต์ตามืดบอดถึงกับพร่ามัว ฝ่ามือใหญ่ลดลงรูดลำอวบของตัวเองเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ส่วนมืออีกข้างก็จัดการคลึงเคล้นเต้าอวบบีบขยำจนเนื้อนวลขึ้นเป็นรอยแดงจ้ำอีกหลายรอย
ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวไปตามแรงบีบเคล้นสลับกับนวดเบาๆ ก่อนร่างบางจะสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อคนร่างยักษ์โน้มใบหน้าเข้าหา ประกบริมฝีปากหยักกับริมฝีปากหวานเข้าด้วยกันอย่างคนเรียกร้องเอาแต่ใจ เขาจูบเธออย่างเอาเป็นเอาตายไม่สนว่าเธอใกล้จะหมดอากาศหายใจลงไปทุกที...
“อืม! หวาน...หวานเหลือเกินเมียจ๋า” เมื่อชายหนุ่มตกเข้าสู่ห้วงความปรารถนาจนเกินยับยั่ง คำพูดแสนร้ายกาจก่อนหน้าจึงแปรเปลี่ยนเป็นหวานหยด ชวนให้คนใต้ร่างเกิดอาการเคลิ้มฝันไปตามคำอ่อนหวานได้ไม่ยากนัก แต่เมื่อริมฝีปากหยักได้รูปงามลากไล้ควานหาความหอมหวานลงมาเรื่อยๆ ความหวานล้ำที่หญิงสาวได้รับจึงกลับกลายเป็นความเสียวซ่านเข้ามาแทนที่
มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วทั้งร่างหอม เมื่อผิวกายของหญิงสาวช่างนวลเนียนลื่นมือ ไม่ว่าจะสัมผัสผ่านตรงไหน ก็มักจะเรียกเสียงครางอย่างพึงพอใจให้ปวีณได้ทุกจุด...
“ฮือๆๆๆ โอ้ย!ฉันเจ็บอย่าบีบแรงนักสิ ตรงนั้นไม่ได้นะคนบ้า...”
นาทยสุรีหลุดเสียงร้องประท้วงขึ้น เมื่อริมฝีปากร้อนแรงของชายหนุ่มลากไล้ชอนไชไปทั่วลำคอละหงของเธอ แม้บางช่วงเขาขบเม้มเนื้อนิ่มๆจนหญิงสาวอดสะดุ้งไปทั้งร่างไม่ได้ ส่วนลำอวบใหญ่ของเขาก็ถูไถอยู่ภายนอกกลีบผกา เรียกเสียงครางของคนทั้งคู่ให้ส่งเสียงซีดส์ซ้าดจนไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใครกันแน่...
“อืม!เสียว...นิ่มเสียว...อย่าดูดตรงนั้นแรงนักสิ...โอ้ย...ซีดส์” เสียงคร่ำครวญยังคงร้องประท้วงขึ้นเป็นบางช่วง ยิ่งตอนจมูกโด่งเป็นสันคมฝากฝั่งลงตรงกลางของกลีบผกามาศและใช้ปลายจมูกโด่งถูไถไปมาบนเกสรสีชมพูสด เพื่อต้องการทั้งสูดดมกลิ่นหอมอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงสาว อีกทั้งปวีณยังต้องการเร่งการผลิตน้ำผึ้งหอมหวานถูกลิ้นเขาให้ไหลออกมาเยอะๆอยู่นั้น นาทยสุรีก็แทบจะสิ้นลมหายใจด้วยความซ่านเสียวจรดปลายเท้าไปเสียเดียวนั้นก็ว่าได้...
เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ นั่นก็คือน้ำหวานจากรวงผึ้งงาม ริมฝีปากหยักจึงไม่รีรออีกต่อไป ชายหนุ่มผู้มีความกระหายอยากเป็นทุนเดิมต้องห่อริมฝีปากของตัวเองเข้าหากัน แล้วทำการดูดดื่มชิมน้ำผึ้งเดือนห้าที่ทั้งหอมทั้งหวานแถมรสชาติยังอร่อยลิ้น ไม่ว่าอาหารจากภัตตาคารชื่อเสียงโด่งดังมาวางตรงหน้าเขาตอนนี้ มันยังไม่อาจนำมาเทียบเคียงกันได้เลยสักนิดเดียว...
“อร่อย...น้ำร่านของเมียจ๋าช่างหอมหวานแล้วก็อร่อยถูกลิ้นพี่เหลือเกินจ๊ะ” คำชื่นชมเยินยอของชายหนุ่มยิ่งกระตุ้นให้หญิงสาวหลั่งน้ำหวานออกมาให้เขาได้ดื่มกินอีกเรื่อยๆ
“อูย...นาย...ช่วยฉันด้วย...ฉันจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ...” หญิงสาวพูดพร้อมกับส่ายสะโพกเข้าหาริมฝีปากแสนร้าย เธออยากให้เขาทำมากกว่านี้ ทำอะไรก็ได้เพื่อให้เธอได้หลุดพ้นออกจากความรู้สึกเจียนบ้านี้ไปพ้นๆเสียเหลือเกิน
คนถูกขอให้ช่วยระบายยิ้มอย่างพอใจ...
“นิ่มจะให้พี่ช่วยอะไรเหรอจ๊ะ หึ...ไหนลองขอมาก่อนสิ หากพี่ช่วยได้พี่ก็จะช่วยอย่างไม่รั้งรอเลยล่ะจ๊ะคนดีของพี่...” ถ้อยน้ำคำแสนหวานทำให้คนทรมานบังเกิดความอุ่นวาบขึ้นภายในจิตใจ จึงทำการร้องขอออกไปอย่างใจปรารถนา
“ช่วยเข้ามาในร่างของนิ่มที ได้โปรด...” ไม่ใช่เพียงแค่น้ำเสียงแม้แต่แววตาของนาทยสุรีก็ทอประกายเจิดจร้า เธอต้องการเขาอย่างแท้จริง ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ด้วย...
“ได้สิจ๊ะ...ที่รัก พี่จะจัดให้อย่างยิ่งใหญ่เชียวล่ะ...” พอสิ้นคำเท่านั้น ร่างใหญ่ก็โผกายกำยำขึ้น ปวีณใช้เข่าดันเรียวขาเสลาให้แยกออกกว้าง ก่อนจะกดความอลังการตอกย้ำทีเดียวจนมิดลำโคนอวบ
“ซูดส์...” ปวีณต้องซูดปากร้องขึ้นซี้ดซ้าดด้วยความทรมานไม่ต่างจากเขาได้เคี้ยวของเผ็ดร้อนเข้าไป เมื่อกว่าเขาจะพาเอาตัวตนผ่านเข้าไปจนสุดปลายทางได้อย่างใจหมาย ก็เล่นเอาเขาแทบคลั่งตายได้เหมือนกัน
อาจเป็นเพราะความแตกต่างทางด้านสรีระ เมื่อร่างกายของเขานั้นช่างใหญ่โตมโหฬาร จะผิดกับหญิงสาวตรงร่างน้อยของนาทยสุรีนั้นช่างบอบบางน่าทะนุถนอม ซึ่งดูยังไงก็ไม่ต่างจากแก้วบางใสก็ไม่ปาน...
ร่างน้อยแทบขาดใจกับบทรักอันร้อนแรง หญิงสาวเกร็งกระตุกรับความสุขทุกครั้งยามเขากระแทกกระทั้นเข้าหา เขายังคงสอดประสานห่มสะโพกเร่าร้อนหนักหน่วงในทุกๆครั้งยามเมื่อได้ยินเสียงครางของคนใต้ร่าง
“แรงๆอีกนิดค่ะ นิ่มอยากได้แรงๆกว่านี้...”
ปวีณได้แต่ยกยิ้มด้วยความสุขใจ ชายหนุ่มไม่อาจละสายตาหม่นมัวของตัวเองออกห่างจากใบหน้างดงามไปไหนได้เลย เมื่อความงดงามตามธรรมชาติไร้การปรุงแต่งใดๆของหญิงสาวตรงหน้า นั้นช่างงดงามและหาดูได้ยากยิ่ง ไม่ว่าจากผู้หญิงคนไหนก็ไม่อาจจะงดงามได้เท่าครึ่งของนาทยสุรีเมียตัวน้อยของเขาได้เลยสักคนเดียว...
บทเพลงรักอันเร่าร้อนดำเนินไปจนสุดทาง ก่อนร่างหนาจะเพิ่มแรงห่มของสะโพกอัดตอกเข้าใส่ความคับแน่นติดๆกันอย่างไม่ออมแรง เมื่อเขาเห็นร่างแน่งน้อยเกร็งกระตุกเงยใบหน้าขึ้นส่งเสียงกรีดร้อง เขาจึงรีบส่งแรงกระแทกเพื่อจะได้ตามหญิงสาวไปติดๆกับความสุขล้นทะลักในหนนี้...
“อ้าย!!!” เสียงคำรามลั่นไม่ต่างจากสัตว์ใหญ่ได้รับบาดเจ็บร้องขึ้น ก่อนร่างหนาจะทาบทับลงบนลำกายอรชรอ้อนแอ้น ปล่อยให้โพรงแคบทำหน้าที่รีดพิษของเขาออกจนหมดทุกหยาดหยด สองร่างเปลือยเปล่ายังคงนอนหายใจรวยริน ดวงตาทั้งสองข้างหลับพริ้มเพื่อใช้ดื่มดำความสุขจนล้นปรี่ เมื่อทุกอย่างดูจะสงบลง ปวีณจึงรีบขยับกายสวมใส่เสื้อผ้าทั้งของตัวเองกับของหญิงสาว ก่อนจะช้อนร่างอันไร้เรี่ยวแรงขึ้นสู่อ้อมแขน พาเดินกลับไปยังบ้านพักของตนเอง นาทยสุรีอ่อนเพลียจนเกินกว่าจะต่อต้านชายหนุ่มได้อีก เธอจึงได้แต่ใช้ลำแขนโอบไปรอบลำคอแกร่งซุกซบใบหน้าเข้าหาความอบอุ่นก่อนจะหลับอยู่ภายในอ้อมแขนในที่สุด...
“สรุปว่าเจ้านายของพี่ขมิ้นชื่อว่า...เสือหรือคะ” เมื่อได้ยินชื่อนี้หลุดออกจากปากของแม่บ้านสาว หญิงสาวที่เธอพึ่งเคยพบหน้ากันเมื่อตอนเช้านี้เอง หลังจากถูกไอ้ผู้ชายใจร้ายลากเธอติดมือเข้ามาในห้องครัว และจับเธอโยนมาให้ผู้คุมคนใหม่
“ค่ะ...เจ้านายของพี่ชื่อ...เสือ...”
“พี่เสือ!หรือคะ”
หัวใจซีกซ้ายชักเริ่มรู้สึกมีอาการกระตุกชาลง อดคิดไม่ได้จะหวนไปนึกถึงผู้ชายอีกคนที่ชื่อเดียวกันนี้ แต่จะเป็นเขาไปได้เช่นไร ในเมื่อตอนนี้พี่เสือของเธอยังใช้ชีวิตอยู่ยังต่างประเทศอยู่เลยนี่นา และดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าเขาอยากจะกลับมาหาคนที่เฝ้ารอคอยการกลับมาของเขาอยู่ทุกลมหายใจที่เมืองไทยนี้เลยด้วยซ้ำ คิดแล้วก็ยิ่งทำให้เศร้าใจ ใบหน้าหวานงดงามจึงเศร้าสลดลง ถึงพี่ของเสือเธอจะกลับมาตอนนี้ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วไม่ใช่หรือไง ในเมื่อตอนนี้เธอไม่เหมือนนาทยสุรีคนเดิม คนที่รักษาความบริสุทธิ์เอาไว้เพื่อชายที่ตัวเองเฝ้ารักเฝ้ารอ แต่ตอนนี้ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยความสกปรกโสมมจากไอ้ผู้ชายสารคนนั้น คนที่มันจับตัวเธอมาจะด้วยสาเหตุอะไรเธอเองก็จนปัญญาจะคาดเดาได้...
“นี่คุณนิ่มยังไม่ทราบชื่อกันอีกหรือคะ...” ขมิ้นขมวดคิ้วมุ่น เงยใบหน้าในวัยสามสิบปลายๆขึ้นมองคนนั่งฝั่งตรงข้ามกับตัวเองอย่างนึกแปลกใจ
นาทยสุรีส่ายหน้าตอบง่อยๆ ขมิ้นเห็นแล้วก็อดนึกสงสารไม่ได้จนต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ คุณเสือนะคุณเสือเล่นอะไรก็ไม่รู้...
“เขาจับตัวนิ่มมา...” เสียงหวานเริ่มสั่นเครือ ขมิ้นได้แต่นั่งมองด้วยความเห็นใจอยู่เงียบๆ ไม่กล้าจะเอ่ยปากเล่าบอกความจริงออกไป
“นิ่มก็ไม่รู้หรอกนะ เขาจะจับตัวนิ่มมาเพื่อจุดประสงค์อะไร ในเมื่อนิ่มเสนอเงินให้เขาแล้วแต่เขาก็ไม่เอา...” ขมิ้นก็คันปากอยากจะเปิดโปงเจ้านายตัวร้ายให้คนน่าสงสารตรงหน้าฟังอยู่หรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าโดนสั่งห้ามขั้นเด็ดขาด เลยได้แต่นั่งนิ่งๆคอยรับฟังสิ่งที่หญิงสาวระบายให้ฟังต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ขัดอะไร
“นิ่มอยากกลับบ้าน...” ท้ายประโยคหญิงสาวเงยใบหน้าขึ้นมองสบตากับแม่บ้านสาว เกร็ดน้ำตายังคงขังคออยู่ตรงหน่วยตา สื่อความหมายขอความช่วยเหลือออกไป ขมิ้นรับรู้ได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องส่ายหน้าปฏิเสธการขอนั้นโดยไม่ต้องหยุดคิดให้เปลืองเวลา ในเมื่อคำสั่งก็คือคำสั่ง ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของคุณเสือเลยสักคนเดียวและนั่นก็รวมถึงตัวเธอเองด้วยเช่นกัน...
“พี่ไม่กล้าหรอกค่ะคุณนิ่ม อย่ามองพี่ด้วยสายตาแบบนี้เลย พี่ไม่กล้าจริงๆค่ะ...” นาทยสุรีพยักหน้าคล้ายเข้าใจ ใบหน้าหวานจึงสลดลงอีกครั้ง
“ค่ะ...นิ่มเข้าใจ แต่นิ่มแค่อยากรู้ เขาจับตัวนิ่มมาด้วยเรื่องอะไร นิ่มจะได้แก้ไขสิ่งนั้นได้ถูกทาง ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่างแบบนี้ แล้วก็ถูกเขาทรมานให้เจ็บปวดไปวันๆ...” ฝ่ามือหยาบของขมิ้นเอื้อมมากระชับฝ่ามือเล็กด้วยความเห็นใจ
“รอคุณเสือเธอพูดให้ฟังเถอะนะคะ พี่เชื่อว่าอีกไม่นานคุณนิ่มก็จะรู้สาเหตุที่โดนจับตัวมาครั้งนี้เอง เจ้านายพี่ไม่ใช่ผู้ชายเลวร้ายอะไรมากมายหรอกนะ ถ้าหากคุณนิ่มอดทนอีกสักนิด พี่รับรองว่าคุณนิ่มจะต้องเป็นผู้หญิงที่ใครหลายๆคนนึกอิจฉาเชียวล่ะ...” แต่ถ้ารู้แล้วจะยอมให้อภัยกันง่ายๆหรือเปล่า อันนั้นก็แล้วแต่บุญวาสนาของทั้งคู่ก็แล้วกัน ขมิ้นคิดพร้อมกับส่งรอยยิ้มปลอบใจไปยังเจ้านายสาวคนใหม่
นาทยสุรีเกือบจะส่งค้อนให้ผู้คุมคนใหม่ เธอเนี่ยนะจะเป็นผู้หญิงที่ใครหลายๆคนนึกอิจฉา ชาติหน้าตอนบ่ายๆนู่นล่ะมั้ง ก็ไอ้เสือโรคจิตนั่นมันทั้งเถื่อนทั้งถ่อยออกจะตายไป ถ้ามีแต่คนนึกเวทนาสงสารเธอแทนก็ว่าไปอย่างหนึ่ง...