1

1531 Words
ซีรีส์ ลุงเสือ เล่ม 1 ลุงเสือ นรินดาลอบมองลุงเสือหรือพยัคฆ์ คุณลุงข้างบ้านที่เก็บตัวเงียบขรึมอยู่ในบ้าน และทำงานของตัวเองแบบไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร “นั่นใครน่ะ!” เสียงดุเข้มที่เอ่ยถามขึ้นมาทำให้คนแอบมองสะดุ้งสุดตัว พยัคฆ์หันมามองอย่างไม่ชอบใจ เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย “หนูดาเองค่ะ” นรินดาออกมาจากที่ซ่อนตัว ในมือถือต้มกะทิสายบัวเดินมาตรงหน้าเจ้าของบ้าน “มีอะไร” แม้น้ำเสียงจะไม่ได้ดุเข้มเหมือนคราแรก แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนตามนิสัย เธอรู้จักกับพยัคฆ์มานานหลายปี ตั้งแต่บิดามารดาของเธอยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งพวกท่านจากไปแล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนที่เธอสำเร็จการศึกษาพอดิบพอดี พยัคฆ์ในความรู้สึกของเธอคือผู้ชายพูดน้อยต่อยหนัก พูดคำไหนคำนั้น และไม่ค่อยสนใจใคร เขาไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบให้มายุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัวเช่นกัน “หนูดาทำต้มกะทิสายบัวมาฝากค่ะ” “ขอบใจนะ ความจริงไม่ต้องลำบากก็ได้” เขาตอบเธอก็จริง แต่มือกำลังง่วงอยู่กับการใช้กบไสไม้จัดการกับโต๊ะตรงหน้าอยู่ พยัคฆ์ชอบทำงานไม้ เขาทำโต๊ะ ตู้ เตียง เก้าอี้และเฟอร์นิเจอร์เกี่ยวกับไม้ขาย ลวยลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญก็คือเขาทำงานแต่ละชิ้นละเอียดประณีต มีเศรษฐีมีเงินหลายรายมาจ้างเขาทำงานไม้พวกนี้ ซึ่งงานแต่ละชิ้นเขาจะทำอย่างดี ถ้าไม่เสร็จก็จะไม่รับงานอื่น เรียกว่าทำออกมาได้ดีทุกงานจนลูกค้าไว้วางใจและพึงพอใจเป็นอันมาก “ลุงเสือขยันจัง” นรินดาชวนคุย จริงๆ เธอแอบชอบเขามานานแล้ว พยัคฆ์มาซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ กับเธอในหมู่บ้านแห่งนี้ซึ่งอยู่นอกเมืองค่อนไปทางชนบทเพราะอากาศดี เขาเป็นคนพูดน้อยคำมาก เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ หน้าคมสันหล่อเหลาแต่ไม่ชอบยิ้มเอาเสียเลย คนหน้าเข้มแบบเขาเป็นคนจิตใจดี ช่วยเหลือคนอื่นและเอ็นดูสัตว์ เขาทำทุกอย่างด้วยใจไม่พูดพร่ำเหมือนคนบางคนที่ทำอะไรเอาหน้า “มีอะไรหรือเปล่า” เขาเอ่ยถาม ไม่ได้ยินดียินร้ายเมื่อมีใครมาชื่นชมหรือด่าว่า เขาเป็นคนไม่ค่อยแคร์ใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “เปล่าค่ะ” นรินดาทำเนียนไปนั่งบนเก้าอี้ไม่ไกลจากที่เขาทำงานไม้อยู่นัก เธอปักหลักอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน พยัคฆ์เข้าใจว่าเด็กสาวชอบมาชวนคุย เขาไม่เคยไล่แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเธอมาก “ลุงเสือหุงข้าวหรือยังคะ” คนอยากคุยเอ่ยถาม เขาไม่ชอบคุยกับใคร เป็นคนค่อนข้างเงียบและเคร่งขรึมจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่เธอก็ตื้อ เขาไม่คุยเธอก็ชวนคุยอยู่นั่นแหละ พอเขารำคาญก็เลยต้องตอบ “ยัง” คำตอบสั้นๆ ได้ใจความพร้อมกับมือที่ง่วนอยู่กับงานอยู่ตรงหน้า “บ้านของหนูข้าวสารหมดน่ะค่ะ ขอมาฝากท้องบ้านลุงเสือนะคะ” พยัคฆ์หันขวับไปมองก็เห็นหลังของเด็กสาวไหวๆ เธอกำลังเดินเข้าไปในครัว เขาทำหน้ายุ่งวางงานในมือและเดินตามเธอไป เห็นเธอกำลังหุงข้าว และนำต้มกะทิสายบัวใส่ชาม ก่อนจะไปรื้อของในตู้เย็นออกมาทำอาหารอีกหลายอย่าง “ลุงเสือตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวหนูเตรียมอาหารเย็นให้” นรินดาไม่ได้สนใจสีหน้าเข้มดุของอีกฝ่าย เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หุงข้าวทำกับข้าวเพิ่มอย่างคล่องแคล่ว พยัคฆ์คร้านจะทะเลาะกับเด็ก เขาเลยเดินไปเก็บอุปกรณ์ไสไม้และเครื่องมืออื่นๆ ก่อนจะเดินไปอาบน้ำ บ้านปูนชั้นเดียวมีห้องน้ำอยู่นอกห้องนอน เขาถอดเสื้อและนุ่งผ้าขาวม้าเดินไปอาบน้ำ นรินดาชะโงกหน้าออกมาดู ก็เจอเข้ากับช่วงบนเปลือยเปล่าของเขา กล้ามเป็นมัดๆ และหยดเหงื่อที่ยังเกาะพราวไปทั่วทำให้เธอต้องหดหน้ากลบ หน้าแดงน้อยๆ ด้วยความขัดเขิน นรินดาเร่งมือทำกับข้าว เธอทำยำปลากระป๋องเพิ่ม เจียวไข่และน้ำพริกผักลวก ก่อนจะรีบตั้งโต๊ะ พยัคฆ์ที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วด้วยเสือยืดและกางเกงเลย์เดินออกมาที่โต๊ะอาหาร เขายอมรับว่าหิว และรู้ด้วยว่านรินดาทำกับข้าวอร่อยมาก แม้จะเป็นกับข้าวง่ายๆ แต่เธอทำได้อร่อยไม่แพ้ใคร “ลุงเสือมาพอดีเลย หนูทำกับข้าวเสร็จแล้วค่ะ มากินพร้อมกันสิคะ” เธอรีบตักข้าวใส่จานให้เขา เสือเป็นชายหนุ่มวัยสี่สิบสองที่คมเข้มหล่อเหลา เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่โคตรแมน ไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่นที่เคยเจอ อยู่ใกล้เขาแล้วเธอหัวใจเต้นแรงตื่นเต้น หลายครั้งที่เธอไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองยามได้ใกล้ชิดคนตรงหน้า ผู้ชายที่ดูมีอำนาจมีบารมีดูน่าเกรงขามอยู่ในที แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความมั่นคงปลอดภัยยามเมื่อได้อยู่ใกล้กัน รู้ได้ถึงความอบอุ่นแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายคนไหนมาก่อน การได้อยู่ใกล้ชิดเขาทำให้เธอรู้สึกดีอย่างที่สุด เธออายุยี่สิบสาม พอเรียนจบบิดามารดาเสียชีวิตกะทันหัน ในขณะที่เธอกำลังคว้าง วันหนึ่งจู่ๆ เสือก็บอกว่าร้านค้าทางเข้าหมู่บ้านรับสมัครพนักงานบัญชี ซึ่งเป็นสาขาที่เธอเรียนจบมาพอดิบพอดี เงินเดือนแค่หมื่นกว่าบาทแต่เธอมีบ้านเป็นของตัวเองและขับรถแค่สิบห้านาทีก็ถึงที่ทำงาน เธอเลยมีความสุขมากที่ได้ทำงานที่นี่ เพราะถ้าต้องไปทำงานไกลเธอก็ต้องทิ้งบ้านช่องไป เงินเดือนอาจจะเยอะ แต่มีค่าใช้จ่ายส่วนอื่น พวกค่าเช่าบ้าน ค่าอาหารการกินซึ่งค่อนข้างสูงในแต่ละเดือน ในขณะที่เธอทำงานใกล้บ้าน ก็ไม่ต้องเช่าบ้านและประหยัดค่ากับข้าวไปได้เยอะ รอบบ้านมีที่ดินก็ปลูกพืชผักสวนครัวกินได้ ที่สำคัญลุงเสือของเธอชอบปลูกผักไว้กินเอง เวลาเธอขาดเหลืออะไรก็มาขอเขาได้เลย เขาไม่ขี้เหนียวไม่หยุมหยิมหรือจุกจิก ไม่คิดเล็กคิดน้อย เธอจะเก็บผักหมดสวนเขาก็ไม่ว่า เห็นหน้าโหดๆ แบบนี้เขาค่อนข้างใจบุญ ลูกค้ามาที่บ้านเห็นผักงามก็ขอซื้อ เขาก็บอกให้เก็บเอาไปได้เลย ไม่เคยคิดเงิน “ทำงานเป็นยังไงบ้าง” คนพูดน้อยและไม่ค่อยพูด พอเอ่ยถามก็ทำเอาเธอยิ้มกว้างกระตือรือร้นที่จะตอบ “ดีมากค่ะ เถ้าแก่ใจดี งานก็ไม่ยาก ใกล้บ้านด้วยค่ะ ขอบคุณลุงเสือมากนะคะ” “เรื่องอะไร” เขาเอ่ยถาม “ที่ช่วยหางานให้หนู” “ขับรถผ่านแล้วเห็นก็เลยบอก” เธอรู้ว่าเขาช่วยหางานให้เธอนั่นแหละ เถ้าแก่เป็นคนบอกเองว่าเขาไปรับรองเธอเอาไว้ด้วย แต่เขาไม่เคยมาพูดอวดอ้างเอาความดีให้เธอฟัง นรินดาซาบซึ้งในน้ำใจของเขาเธอเลยตั้งใจทำงานให้ดีไม่ให้เขาต้องเสียหน้า “แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ” เธอตักกับข้าวให้เขาอย่างเอาใจ “ตั้งใจทำงานให้ดีเถอะ ไม่สำคัญว่าใครจะแนะนำให้ แต่สำคัญว่าเราทำมันดีแล้วหรือยัง” “ค่ะ” เธอรับคำ ยิ้มหวานให้เขา แต่คนหน้าเคร่งไม่ยิ้มตอบ รับประทานอาหารเงียบๆ ตามประสาคนไม่พูดมาก หลังจากนั้นเธอก็พูดอยู่ฝ่ายเดียว เขาก็อือออบ้างเป็นบางครั้ง นรินดารีบเก็บจานชามไปล้างแล้วเธอก็ยังเตร็ดเตร่อยู่ในบ้านของเขาไม่ยอมไปไหน “มืดแล้ว” เขาพูดตรงๆ แต่เป็นการไล่ นรินดาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะเดินมาทรุดนั่งลงหน้าทีวี แล้วเปิดดูอย่างเนียนๆ ไม่เร่งรีบกลับบ้าน “ลุงจะปิดบ้านแล้ว” “เอ่อ... เดี๋ยวหนูดางับประตูปิดให้นะคะ ขอดูทีวีต่ออีกนิด” เขาไล่เธอรู้ แต่เธอยังไม่อยากกลับบ้าน กลับไปก็เหงาเพราะต้องอยู่คนเดียว บ้านของเขากับบ้านของเธอห่างจากบ้านของคนอื่นหลายหลัง มีบ้านของพยัคฆ์นี่แหละที่อยู่ติดกับเธอ ความเหงาทำให้เธออยากหาเพื่อนคุย แต่จะให้เธอหนีไปเที่ยวกลางค่ำกลางคืนแบบคนอื่นเขาเธอก็ไม่เอาเพราะรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยและเธอก็เป็นคนมีเพื่อนน้อยมากเลยไม่รู้จะไปเที่ยวอะไรกับใคร “ที่บ้านไม่มีทีวีดูเหรอ” เขากอดอกเอ่ยถามเหมือนผู้ใหญ่ที่สุดแสนจะเข้มงวด “ทีวีเสียค่ะ” ดูเหมือนพยัคฆ์จะหมดคำที่จะพูดอีก เขาเลยเดินหนีเข้าห้องนอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD