อุ่นใจรัก 4
ฉันเอาแต่นั่งเหม่อรอฟังข่าวพี่คิวและเพื่อน ๆ ของพี่คิว เพราะยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ พี่ ๆ เลยเป็นคนอาสาจัดการงานศพให้ทุกอย่าง รวมถึงเรื่องคดีเพิ่งรู้ว่าพี่ ๆ มีเส้นสายมากขนาดนี้แม้จะอายุเท่ากับพี่สกาย ในแต่ละวันฉันทำได้แค่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างคอนโดและเลี้ยงดูต้นไม้ ซองเอกสารที่พี่สกายโยนเข้ามาในรถพร้อมกับต้นไม้คือเอกสารการถือครองที่ดินและใบมอบอำนาจกิจการทั้งหมดที่พอเปิดดูแล้วเป็นชื่อของพี่สกาย แต่มีใบมอบอำนาจให้ฉันจัดการ แต่จะไปทำอะไรได้เพราะตอนนี้ฉันเองก็ขยับตัวไม่ได้
ได้แต่แอบหลบซ่อนใต้ปีกพี่คิมและเพื่อน ๆ
“บลู...”
“ค่ะพี่น้ำ” ขานรับเสียงเรียกจากแฟนของพี่คิวที่เอ่ยเรียกในช่วงกลางดึก
“กินข้าวหน่อยไหม ยังไม่กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าแล้วนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่น้ำ แต่หนูยังไม่หิว...”
“พี่เข้าใจ แต่หากเราไม่สบายไปอีกคนต้นไม้จะอยู่ยังไงกันล่ะจริงไหม?” พี่น้ำไม่ได้ดุแต่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ฉันหันไปมองเด็กน้อยที่หลับอยู่บนเตียงตั้งแต่กินนมเสร็จ ตอนนี้ห้องนอนของพี่น้ำเรียกได้ว่าเป็นห้องเด็กอ้อนก็ไม่แปลก เพราะข้าวของมีแต่ของใช้เด็ก ฉันพยายามใช้เพียงมุมด้านหนึ่งเท่านั้นไม่กล้าที่จะทำห้องพี่น้ำและพี่คิว รกหรือสกปรก
“ต้นไม้ไม่ยอมให้ใครใกล้เลยนะนอกจากบลูน่ะ”
“...” นั่นสินะ ต้นไม้ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เลย มีเพียงฉันที่เข้าใกล้หลานชายได้ ทั้งในตอนที่หิวและในตอนที่ไม่หิว
“กินอะไรสักหน่อยดีไหม โจ๊กง่าย ๆ ก็ได้”
“ค่ะพี่น้ำ ขอโทษที่รบกวนพวกพี่นะคะ”
“ไม่รบกวนเลย สกายก็เพื่อนพี่เหมือนกันอย่าคิดอะไรแบบนั้นเลยนะ เราต้องช่วยกันอยู่แล้ว”
“ถ้าเรื่องเงียบ หนูอยากไปอยู่กับหลาน” ฉันมองพี่น้ำอย่างขอความคิดเห็น
“อืม แบบนี้ดีไหม ตอนนี้ยังไม่ปลอดภัยเลยที่จะให้เราออกไปอยู่กับหลานสองคน เราไม่รู้ว่าคนร้ายมันจะตามหาเจอตอนไหน ตอนนี้ผู้ใหญ่เองก็กำลังช่วย”
“...”
“แต่ถ้าไม่สบายใจเดี๋ยวถามเพื่อน ๆ คิวให้นะว่ามีใครมีห้องว่างบ้าง อย่างน้อยก็เพื่อความเป็นส่วนตัวเนอะ” พี่น้ำบอกฉันอย่างเข้าอกเข้าใจ ฉันพยักหน้าส่งให้พี่น้ำก่อนจะขยับเข้าไปดูหลานที่ยังหลับอยู่ เด็กน้อยของฉันจะต้องเติบโตอย่างดีแม้จะไม่มีทั้งพ่อและปู่ย่าอยู่ดูแล แต่อาอย่างนั้นคนนี้จะดูแลต้นไม้เอง จะทำให้เต็มที่ ทุกคนไม่ต้องห่วงนะคะ
“คิว...”
“หือ?”
“มีห้องว่างที่ปลอดภัยให้น้องอยู่หน่อยไหม” ระหว่างที่ฉันนั่งกินโจ๊กพี่น้ำก็เอ่ยถามพี่คิวให้ฉัน
“อา ห้องเราเพิ่งปล่อยให้น้องเช่าต่อน่ะสิ พวกมึงมีไหม?”
“กูมีห้องเดียว” พี่คนหนึ่งเอ่ยตอบ
“มีห้องกู ช่วงนี้กูกลับไปอยู่บ้านน้องกูมีปัญหานิดหน่อย” พี่คนที่ซื้อนมมาให้เอ่ยบอกพี่คิว กระทั่งตอนนี้ฉันยังไม่รู้จักชื่อของพี่เขาเลยหรือพี่เขาจะแนะนำตัวแล้วแต่ฉันจำไม่ได้กันนะ ช่วงนี้ฉันเองก็หลง ๆ ลืมไปอยู่เสียด้วย
“งั้น บลูไปอยู่ที่ห้องเพื่อนพี่ก่อนดีไหม ที่นั่นปลอดภัยไม่ต้องกลัว”
“ค่ะพี่คิว เดี๋ยวหนูจ่ายค่าเช่า...”
“ไม่ต้องจ่าย ถือเสียว่าไปอยู่แล้วดูห้องให้พี่ด้วย”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวย้ายของไปพรุ่งนี้นะ ส่วนบลูกับหลานไปตอนดึก ๆ แล้วกันเดี๋ยวมีคนเห็น”
“ขอบคุณนะคะพี่คิว พี่ ๆ ด้วย ขอบคุณที่ช่วยหนูกับหลาน”
“เราก็เหมือนน้องพี่บลู มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ต่อไปพี่จะเป็นพี่ชายให้เราเองนะ” พี่คิวยังคงเป็นพี่ชายที่ใจของฉันอยู่เสมอ แม้ตอนนี้พี่สกายจะไม่อยู่แล้วก็ตาม
แต่ใครจะรู้ว่าฉันนั้นคิดถึงพี่ชายตัวเองมากแค่ไหน แม้กระทั่งงานศพของพ่อแม่ และพี่สกายฉันยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย
“ส่วนเรื่องคดีตอนนี้พ่อพี่กำลังช่วยตามเรื่องให้”
“ขอบคุณนะคะพี่คิว”
“พี่ยินดี ช่วงนี้อาจจะเบื่อหน่อยนะเพราะต้องหลบพวกมัน ถ้าเจอแล้วพี่ไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่” พี่คิวเอ่ยบอกกับฉันอย่างหมายมั่น น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นนั่นฉันเข้าใจจริง ๆ ว่าแค่ความโกรธมันยังน้อยไป เพราะถ้าเจอคนเหล่านั้นฉันเองก็อยากจะรู้ว่าพวกเขาทำไปทำไม ครอบครัวฉันไปทำอะไรให้เขากันแน่
“อ้อ พี่ลืมบอกไปอีกเรื่อง เจ้าหน้าที่บอกว่ามีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง คล้ายกับขัดผลประโยชน์ของใครสักคน ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตามตัว”
“ค่ะ...” เกี่ยวกับเอกสารที่อยู่กับฉันหรือเปล่านะ
กลางดึกของวันถัดมาฉันก็มายืนงง ๆ อยู่ภายในห้องพักสุดหรูของพี่คนหนึ่งที่ฉันเริ่มที่จะจำชื่อได้แล้วว่าพี่เขาคนนั้นชื่อพี่อุ่นใจ เป็นพี่ที่ขับรถมอเตอร์ไซค์มาถึงจุดที่ฉันอยู่เป็นคนแรกพร้อมกับนมกล่องของต้นไม้ และห้องนี้ก็เป็นห้องของพี่เขา ที่ทั้งกว้างขวางและสะอาดสะอ้าน รวมถึงระบบความปลอดภัยนั้นดีมากเพราะหากจะขึ้นมาบนห้องต้องคีย์การ์ดเปิดปิดประตูทั้งประตูเข้าออกคอนโดและประตูลิฟต์
“เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนนะ รออาหารมาส่งค่อยออกมากินข้าวด้วยกัน” พี่อุ่นใจเอ่ยบอกกับฉัน ฉันที่ยังมึน ๆ งง ๆ อยู่ได้แต่ขอบคุณเขาแล้วอุ้มหลานเดินเข้าห้อง เมื่อเข้ามาถึงห้องนอนก็หยิบเบาะนอนนุ่ม ๆ ของต้นไม้ไปวางไว้ที่พื้นใกล้โซฟา จัดการเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หลาน เมื่อหลานชายยังหลับอยู่ฉันจึงรีบเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองที่พี่น้ำใจดีจัดให้ฉันนำติดตัวมา เพื่อที่จะได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดบ้าง ส่วนเสื้อผ้าที่อยู่ท้ายรถของฉันนั้นพี่คิวบอกว่าว่าง ๆ จะเอาของที่รถมาให้เพราะระหว่างนี้ไม่อยากให้เอารถฉันออกมาใช้กลัวจะตกเป็นตัวล่อคนร้ายให้ตามมาทำร้ายฉันได้
ใช้เวลาเพียงไม่นานฉันก็ออกจากห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ เมื่อเปิดประตูเดินออกมาก็เจอกับพี่อุ่นใจที่หยิบขวดนมป้อนต้นไม้อยู่
“พี่ได้ยินเสียงร้องไห้เลยเข้ามาดูน่ะ เอานมให้กินก็หยุดร้องเลย” พี่อุ่นใจรีบบอกฉันเมื่อเห็นว่าฉันมีท่าทีตกใจมากกับการเจอเขาอยู่ในห้องนอนแบบนี้ ถึงแม้จะที่นี่จะเป็นห้องเขาก็ตามที
“หลานหลับต่อแล้ว ออกไปกินข้าวกันเถอะ”
“เอ่อ คือ...”
“ยังกลัวพี่อยู่เหรอ?” พี่อุ่นใจทวนถามอย่างไม่สบายใจ ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันทีเพราะฉันนั้นไม่ได้รู้สึกกลัวเขา เพียงแค่ฉันเกรงใจที่มารบกวนอีกฝ่ายมากขนาดนี้
“ถ้าไม่กลัวก็ออกไปกินข้าวด้วยกันได้แล้ว พี่หิวแล้วล่ะ อีกหน่อยพี่ต้องออกไปทำงานแล้วด้วย”
“ค่ะ”
ท้ายที่สุดก็ต้องออกมานั่งกินข้าวกับเจ้าของห้องด้วยอาการมึนงง กระทั่งเขาเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วบอกว่าไปทำงานแล้วนะ ฉันก็ยังงง ๆ อยู่ตกลงเขาให้ฉันเข้ามาอยู่ได้เลยหรือเขายังอยู่ด้วยก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
กลางดึกฉันนั่งมองต้นไม้ท่ามกลางแสงสลัว พร้อมกับความรู้สึกโดดเดี่ยวที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ แต่เมื่อทนความอ่อนเพลียไม่ไหวถึงได้ล้มตัวนอนบนพื้นข้าง ๆ เบาะนอนที่หลานหลับอยู่
ต้นไม้ อาเหนื่อยจังเลย...
===
อา เริ่มสงสัยแล้วเหมือนกันค่ะ มันฟิลกู้ดใช่ไหม