อุ่นใจรัก 3

922 Words
อุ่นใจรัก 3 “ถึงคอนโดพี่แล้ว ขึ้นไปพักกันก่อนเถอะ” พี่คิวเอ่ยบอกกับฉันเมื่อรถหยุดจอดที่คอนโดแห่งหนึ่ง โดยมีพี่ที่สวมหมวกกันน็อกเดินเข้ามาใกล้ช่วยเปิดประตูและถือของให้เล็กน้อย ฉันส่งเอกสารต่าง ๆ ที่ได้รับจากพี่สกายให้พี่เขาช่วยถือ ส่วนตัวเองเลือกที่จะอุ้มหลานชายด้วยตัวเอง ฉันอยากโอบอุ้มต้นไม้ด้วยมือของฉันเอง เพราะเรามีกันอยู่แค่นี้แล้ว “เป็นยังไงบ้างคิว” “รอน้องเล่า เราเองก็ไม่รู้เรื่อง” เสียงพี่คิวคุยกับใครสักคน เงยหน้าขึ้นดูก็พบว่าพี่เป็นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง “เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนไหม?” พี่ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถามฉันพร้อมกับมองอย่างเป็นห่วง “อื้อ ฝากเตรียมชุดให้น้องหน่อยนะ บลูเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถอะเสร็จแล้วค่อยออกมาคุยกัน พวกพี่จะอยู่ข้างนอก” พี่คิวบอก ฉันไม่ได้เอ่ยตอบอะไรพี่เขากลับไป ทำเพียงแค่พยักหน้าและเดินตามพี่ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปภายในห้องนอน พี่สาวคนนั้นเตรียมชุดเสื้อผ้าให้ฉันก่อนจะเดินออกไปรอนอกห้องนอน ฉันค่อย ๆ วางต้นไม้ลงบนพื้นก่อนจะอุ้มหลานเข้าไปภายในห้องน้ำด้วยกัน ฉันเช็ดตัวให้หลานชายเป็นสิ่งแรก เมื่ออุ้มหลานออกจากห้องน้ำก็เห็นพี่ผู้หญิงอยู่ในห้องนอน “พี่ลืม เดี๋ยวพี่ดูเด็กให้เราจะได้อาบน้ำ” พี่ผู้หญิงคนนั้นบอกกับฉันอย่างใจดี ฉันมองหน้าหลานแวบหนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองพี่เขาอีกครั้ง “หนูจะรีบอาบน้ำนะคะ” เอ่ยบอกพี่สาวคนนั้นแล้วรีบเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำหลังจากที่วางหลานลงบนโซฟามุมห้อง ฉันอาบน้ำเปลี่ยนชุดด้วยความเร่งรีบ แต่งตัวเสร็จก็รีบออกจากห้องน้ำ จังหวะที่เปิดประตูออกมาก็พบว่าพี่สาวคนนั้นกำลังอุ้มปลอบต้นไม้ที่ร้องไห้โยเย โดยที่รอบ ๆ มีพี่คิวและเพื่อนพี่คิวอีกสองคนยืนมองอยู่ด้วยท่าทางเงอะงะ ฉันรีบเดินเข้าใกล้พี่สาวคนนั้นแล้วรับหลานชายมาอุ้มด้วยตัวเอง “ชู่ ต้นไม้อาอยู่นี่ ใจเย็น ๆ ไม่มีอะไรแล้ว” “...” “ใจเย็น ๆ นะต้นไม้ หลับต่อนะลูก” เอ่ยปลอบหลานชายเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเงียบไปแล้วถึงได้เบาใจเงยหน้ามองบุคคลที่ยังยืนอยู่ภายในห้องนอนแห่งนี้ “ไปคุยกันข้างนอกดีไหม?” พี่คิวเป็นคนแรกที่เอ่ยชวนฉัน “ค่ะ” ฉันอุ้มต้นไม้ที่หลับอยู่ในวงแขนออกไปนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่น พี่คิวและเพื่อน ๆ ของพี่เขาก็นั่งอยู่ที่โซฟาว่างฝั่งตรงข้าม ไม่มีใครเอ่ยอะไรกดดันฉันเลยสักคนคล้ายกับรอเวลาให้ฉันพร้อมที่จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง เพียงแต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเล่าต้องแต่ตอนไหน “เล่าให้พี่ฟังได้ไหมบลูว่ามันเกิดอะไรขึ้น” นานหลายนาทีพี่คิวจึงเอ่ยถามฉัน “หนูกลับบ้านหลังจากสอบเสร็จ แต่ยังไม่ถึงบ้าน” “...” “ก็เห็นพี่กายอุ้มต้นไม้มาตามถนน” “...” “บอกให้หนีไป ห้ามไปที่บ้าน บอกจะล่อมันไปทางอื่น ฮึก หนูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” แววตาและน้ำเสียงของพี่สกายฉันยังจดจำได้อย่างดี แม้กระทั่งภาพที่พี่สกายล้มลงไปกับพื้นหลังจากมีเสียงดังเกิดขึ้นได้ไม่กี่วินาที “...” “พี่สกายวิ่งออกห่างไปอีกทาง มี ฮึกมีคนวิ่งตามมีเสียงดังเกิดขึ้นก่อนที่พี่จะกายจะล้มลงไปกับพื้น พวก...” “...” “พวกมัน ฮึก พวกมันวิ่งมาทางรถ หนูเลยขับหนีพวกมันจนกระทั่งพี่โทรมา” “...” “พี่คิว บอกหนูทีว่าพี่กาย พ่อกับแม่ยังอยู่กับหนู ฮึก บอกหนูทีว่าพวกเขายังอยู่” “...” “หนูโทรหาแม่มันรับสาย มันบอกจะตามฆ่าหนู หนูต้องหนีพวกมัน” ยิ่งได้ยินเสียงที่มันพูดมาตามสายฉันยิ่งหวาดกลัว มันจะตามฆ่าฉันและหลาน “หนูไม่รู้ว่ามันทำแบบนี้ทำไม แต่นั่นครอบครัวหนู ฮื่อ!” ยามนึกถึงภาพนั้นฉันยิ่งร้องไห้โฮไม่คิดอายเพื่อนพี่คิวที่ยังนั่งอยู่เลยสักนิด “ใจเย็น ๆ ก่อนนะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว พวกพี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเราได้” พี่คิวเอ่ยปลอบพร้อมกับขยับมานั่งข้าง ๆ ฉัน ยามฝ่ามืออุ่นแตะลงบนไหล่ยิ่งกระตุ้นให้หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มยิ่งขึ้น อีกด้านมีพี่ผู้หญิงนั่งลูบไหล่ฉันอยู่เช่นเดียวกัน “ข่าวออกแล้วด้วย...” กระทั่งพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา ฉันเงยหน้ามองพี่เขาอย่างเจ็บปวด ยิ่งได้ยินสิ่งที่พี่เขาเล่าต่อฉันยิ่งร้องไห้สะอื้น ความรู้สึกที่โลกถล่มลงต่อหน้ามันเป็นแบบนี้นี่เอง “คุณพัฒเทพและคุณมุนินเสียชีวิตแล้ว สกาย...” “...” “...” “พี่กายยังอยู่ใช่ไหมคะ พี่กายปลอดภัยใช่ไหม ฮึก บอกหนูสิว่าพี่กายปลอดภัย” “เสียใจด้วยนะบลู สกายเองก็ไม่รอด...” ===== เรื่องนี้ฟีลกู้ดนะทุกคน เชื่อเราสิ ??
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD