เชมมารับคะน้าในตอนเย็นอีกตามเคย วันนี้เด็กหนุ่มเงียบผิดปกติ เหมือนมีอะไรในใจ และก่อนกลับ ก็ยังเป็นฝ่ายโผเข้ากอดเชมก่อนอีกด้วย
“คุณเชมครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ” คะน้าบอกเป็นนัยเหมือนเป็นการกล่าวลา
ที่บ้านไม้หลังขนาดไม่ใหญ่ คะน้ามาปรึกษากับพ่อเรื่องที่จะไปแสวงโชคยังที่แห่งใหม่
“จะไปอยู่กรุงเทพคนเดียวนี่นะ”พ่อถามคะน้าซ้ำ
“ครับ” คะน้าตอบพร้อมกับเก็บของใช้จำเป็นเข้ากระเป๋า
“พ่อขอเหตุผล”
คะน้านิ่งเงียบเพราะกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบพ่อยังไงดี
“เพราะคุณเชมอีกแล้วใช่ไหม” พ่อว่าเดา และเริ่มประติดปะต่อเรื่องราว คะน้ามีท่าทีแปลกๆ ตั้งแต่ตอนไปทำงานกับคุณเชมแล้ว ทั้งคนทั้งสองก็ดูสนิทกันมากกว่าแค่หัวหน้ากับลูกน้องอีกด้วย
“คะน้าบอกพ่อมาตามตรงได้ไหม เรื่องระหว่างหนูกับคุณเชม”
คะน้าตกใจมองพ่อตาโต เขากลัว กลัวพ่อเสียใจ กลัวคุณเชมเดือดร้อน
“คุณเชมไม่ผิดนะครับ น้ารักคุณเชม” เด็กหนุ่มรีบแก้ตัวแทน
พ่อถอนใจแล้วเดินมานั่งที่เตียงด้วยท่าทีสงบ
“เล่ามาสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
คะน้าก้มหน้า เดินคอตกมานั่งข้างพ่อ ก่อนจะยอมเล่าความจริงแต่ทั้งหมด ซึ่งไม่มีคำพูดไหนเลยที่ทำให้คุณเชมดูไม่ดี
พ่อได้ฟังก็นิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะบอกว่าดีแล้วที่คะน้าตัดสินใจแบบนั้น
“เดี๋ยวพ่อจะไปช่วยเลือกหอ”
“ครับ”
“แต่ถ้าคุณเชมชอบลูก เขาจะปล่อยไปหรือ พ่อหมายถึง เขาคงหาลูกเจอได้ไม่อยาก”
“น้าทราบครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็ไปเจอกันยาก และเดี๋ยวเขาก็เบื่อจะไปหาเอง” คะน้าว่า
“อือ งั้นตอนเช้าค่อยเดินทาง รีบเข้านอนเถอะ” พ่อบอกก่อนจะออกจากห้องไป
ทางด้าน เชม เมื่อกลับมาที่บ้านที่ไม่ค่อยได้อยู่ เขาก็เข้าไปยังห้องนอนใหญ่ที่ถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนา ห้องของเขาและดนัย
ชายหนุ่มไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยนัก เพราะตั้งแต่ดนัยเสียไป เขาก็ทนเห็นความสุขที่เคยมีระหว่างกันไม่ได้เลย มันคิดถึง โหยหา ราวกับจะตาย แต่ก็ไม่ตายจริงๆ เสียที
ทุกอย่างในห้องดูเหมือนเมื่อกว่า20ปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน รอยยับบนปลอกหมอน หรือแม้แต่กลิ่นหอมจางๆ ของดนัย
“นัย” เชมเรียกชื่อคนรักด้วยหวังว่าเขาจะได้ยิน ร่างสูงเดินไปนอนหนุนหมอนใบใหญ่ที่ดนัยใช่หนุนนอนประจำ ต่างว่าเป็นตักของอีกคน
“เร็วๆ นี้ พี่เจอคนที่เหมือนกับนัยล่ะ”เชมเริ่มเล่ากับหมอน
“พี่คิดว่าพี่อยากใช้ชีวิตอยู่กับเขา เขาทำให้พี่รู้สึกเหมือนตอนที่รู้สึกกับนัย”
“แต่ไม่ใช่ว่าพี่จะลืมนัยนะ นัยยังอยู่ที่เดิมเสมอ นัยรู้ใช่ไหม”
“แต่พี่ไม่รู้ว่าพี่จะรักษาสัญญาที่ให้กับนัยได้หรือเปล่า” เชมหมายถึงนวล
“นัยก็รู้ว่าพี่ดูแลนวลได้เพียงร่างกาย พี่ไม่อาจเป็นความสุขของเธอได้ เธอจมปลักมานานเกินไปแล้ว พี่จะหย่ากับเธอ” เชมบอกกับดนัยในความทรงจำ
ในตอนเช้า
คะน้าออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่ไปกับพ่อ เพราะคะน้าอยู่แค่ปริมณฑล ใช้เวลาเดินทางไม่นาน ฝ่าการจราจรมาร่วมเที่ยงก็มาถึงที่หมาย
“แถวๆ นี้ล่ะครับพ่อ ใกล้มหาลัยด้วย น้าว่าจะอยู่นี่เลยจนเรียนจบ” คะน้าบอกกับพ่อ ตาก็มองจอมือถือสลับกับมองทางไปพลาง
“ดูมัน ทึบๆ มีแต่ตึกสูง”พ่อมองไม่ค่อยชอบ
“ในเมืองก็อย่างนี้แหละครับ”
เมื่อคืนคะน้าเสิร์จหาห้องเช่าทั้งคืน เพราะมันฉุกละหุก มาถึงจะได้ไม่ต้องขับรถวนหา
“ไม่แคบไปหน่อยหรือ”พ่อยังบ่นเมื่อเห็นห้องเช่า
“ย่านนี้มันแพงครับพ่อ ห้องเท่านี้ก็ตั้ง3000แล้ว อีกอย่าง น้าอยู่คนเดียว นี่ถือว่ากว้างมาก”
“เอาก็เอา” พ่อยอมเพราะเห็นว่าตัวอาคารค่อนข้างดูปลอดภัย มีคนดูแลหอ มีกล้องวงจรปิด และต้องใช้คีย์การ์ดในการเข้าออกตึก
พอพ่อกลับไป เด็กหนุ่มที่เพิ่งเคยออกมาใช้ชีวิตเองคนเดียวก็รู้สึกโหวงเหวงชอบกล
คะน้าชาร์จโทรศัพท์ จัดของเข้าตู้เข้าชั้นเสร็จ เด็กหนุ่มก็เข้าไปอาบน้ำ
ระหว่างนั้นก็คิดคำนวณไปพลางว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อดี
เรื่องคุณเชมผมคงได้แต่เก็บเขาไว้ในความทรงจำ จะเจอจะคบหาในฐานะอื่นก็คงจะไม่ได้แล้ว
ผมเข้าใจคุณนวลนะ เป็นผม ผมก็รู้สึก วัวเคยค้าม้าเคยขี่ จะบอกว่าบริสุทธิ์เป็นเพื่อนใครเขาจะเชื่อ อีกอย่าง ทั้งผมและคุณเชมก็ใช่ว่าจะบริสุทธิ์ใจเป็นอื่น ต่างคนก็ต่างยังอาวรณ์กันอยู่
คะน้ารีบปรับความคิดให้อยู่ที่ปัจจุบันและเริ่มมองหาอนาคต
ตอนนี้เราพอจะมีเงินเก็บก้อนหนึ่งที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนแพทย์1-2ปี และระหว่างที่ใช้เงินก้อนนี้พ่อยังหาได้อีกเรื่อยๆ
แต่เพราะก่อนหน้า เคยเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับพ่อ ตอนนั้นชีวิตพังมาก หันไปทางไหนก็ไม่มีใคร ความจนนี่มันน่ากลัวจริงๆ
ถ้าไม่ได้คุณเชมนะ…เฮ้ย บ้าจริง เผลอทีไรคิดถึงเขาตลอดเลย
คะน้ารีบไล่ความคิดคำนึงออกจากหัว หยิบถ้าขนหนูออกมาพันรอบเลวเล็กเพื่อจะรีบไปเดินหางานที่พอจะทำได้ในย่านนี้ดู
“อาบนานจัง” เสียงทุ้มถามมาจากร่างสูงที่นอนรออยู่บนเตียง
“คุณเชม!!!!!”