Episode 10 ไม่เหมือนเดิม

1629 Words
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ไซมอนพูดมาเราก็นั่งกินข้าวที่ไซมอนเอามาให้เงียบ ๆ ไม่พูดอะไร จนสุดท้ายก็หมดโดยตลอดที่การกินของเราไซมอนก็นั่งทำอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ไม่หยุดอยู่ข้าง ๆ เรา         “ไซมอนทำอะไรเหรอ?” เราถามอย่างสงสัยเพราะเมื่อมองเข้าไปในจอแล้วมันงง ๆ ยังไงไม่รู้อะ?         “เล่นเกม” เขาตอบโดยไม่เงยหน้ามองเรา         “เล่นเกม?”         “ฉันเล่นด้วยได้ไหมอะ?” เราถามเขาดูเมื่อฟังดูแล้วมันน่าจะสนุกอยู่เหมือนกัน         “ขี้เกียจสอน” อีกแล้วเขาพูดโดยไม่มองหน้าเราเลยด้วยซ้ำมันน่าสนใจกว่าเราตรงไหน?!         “ชิ! งั้นก็ไม่ต้องสอน นายใหญ่~สอนฉันเล่นเกมมั้งสิ” ในเมื่อไซมอนไม่ยอมสอนเราก็เลยหันไปหาใหญ่แทนเพราะเขาเองก็กำลังเล่นเหมือนกัน ส่วนเป้หลับไปแล้วแถมยังน้ำลายไหลด้วย -_-         “มาดิ”         “ได้เลย^0^” นายใหญ่ใจดีจังแบบนี้สิเขาถึงจะเรียกว่าชายชาตรี!         หมับ!!         “อ๊ะ! ไซมอนปล่อยฉันนะ!” เราพยายามแกะมือของไซมอนที่คว้าเราไม่ให้ลุกไปหาใหญ่         “นั่ง!” เขาดุเสียงดัง         “ก็มึงไม่สอนกูจะสอนให้นี่ไงแล้วมึงจะโวยวายเพื่อ?” ใหญ่ถามไซมอนเราเองก็พยักหน้าตามน้ำใหญ่ไปเหมือนกัน         “นิ่ง ๆ โยเกิร์ต!” เพราะเราพยายามดิ้นเลยโดนดุอีกครั้ง มันจะเกินไปแล้วนะ!         “ก็นายไม่ยอมสอนฉันก็จะให้คนอื่นสอน! แล้วนะนายจะมาดุทำไม?! ฮึก!” ไม่รู้ทำไมแต่เรารู้สึกเสียใจมากที่โดนไซมอนตะคอกแบบนั้นเราไม่เคยโดนใครว่าแบบนี้มาก่อนเลยนะ ไซมอนจะใจร้ายเกินไปแล้ว         “ไอ้มอนมึงเงยดิน่ะ” ใหญ่บอกเขาเพราะเขาดุเสร็จก็เอาแต่ก้มหน้าเล่นเกมในมือ         “เป็นอะไรอีก..!!” เขาทำหน้าตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเราเริ่มร้องไห้แล้ว...         “ฮึก! ไม่สอนก็ไม่ต้องสอนเลย!! ไม่เล่นก็ได้!!” พรึ่บ! เราพูดกับไซมอนทั้งน้ำตาก่อนจะลุกออกมาจากห้องนั้น         “โยเกิร์ต!!” เราไม่สนใจเสียงเรียกของเขาเลยด้วยซ้ำ ฮึก! แค่สอนมันยากนักหรือไงก็เห็นว่าเล่นเลยอยากเล่นมั้งอะ!!         ปึก!         “ใจร้าย! เราไปหาวิธีเล่นเองก็ได้!” เมื่อเราเดินมาที่รถแล้วก็นั่งบ่นคนเดียวสักพักก่อนจะขับรถกลับบ้าน... บ้านโยเกิร์ต         เมื่อเราขับรถมาถึงบ้านก็ปรากฏว่ามีรถขับแปลกตาจอดอยู่ก่อนแล้วสองสามคัน ใครมากันนะ เราเดินเข้าบ้านก่อนจะได้ยินเสียงคนคุยกันดังขึ้นเรื่อย ๆ เราเดินไปตามเสียงก่อนจะถึงห้องรับแขกก็พบผู้ใหญ่ชายหญิงและ...ออกัสนั่งอยู่นั่นหมายความว่าทั้งสองคนนั้นเป็นพ่อแม่ของเขา         “เอ่อ สวัสดีจะเจ้าค่ะ อ๊ะ! สวัสดีค่ะ” เราเผลอพูดแบบเก่าออกไปก่อนจะรีบแก้ไข         “มาแล้วเหรอจ้ะนั่งก่อนสิ” แม่ของออกัสพูดแต่ที่นั่งมันเหลือแค่ข้างออกัสเท่านั้นเราเลยไม่มีทางเลือกต้องนั่งข้างเขา         “ที่พวกเรามาเพราะอยากจะถามน่ะครับ...” พ่อของออกัสพูดขึ้น         “เรื่องอะไรเหรอครับผมเราน่าจะพูดกันจบแล้ว” พ่อของเราพูดบ้างและเหมือนว่าอารมณ์ของคุณพ่อจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่         “จบอะไรกันละคะเด็ก ๆ ก็แค่งอนกันนิดหน่อยไม่น่าถึงขนาดถอนหมั้นกัน” อ่อ มาเรื่องนั้นเองสินะ         “แต่ถึงจะถอนหมั้นกันก็ไม่จำเป็นต้องยกเลิกเป็นคู่ค้ากันเลยนิครับ” พอจะคิดอะไรออกแล้ว สาเหตุที่มาวันนี้ไม่ได้มาเพราะว่าไม่อยากให้ถอนหมั้นแต่มาเพราะไม่อยากให้คุณพ่อเลิกทำการค้าด้วยนั่นเอง คุณพ่อแม้ว่าจะไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกันแต่การที่ลูกสาวต้องเจ็บตัวและเสียใจคงทำให้คุณพ่อเศร้าใจไม่น้อยและการยกเลิกการค้าคงเป็นวิธีที่จะทำให้ฝั่งนั้นเจ็บใจมากที่สุดแล้ว         “นั่นสิครับคุณลุงยังไงเราก็ทำงานร่วมกันมานานไม่น่าจะเลิกเพราะเหตุเท่านี้ได้” ออกัสเสนอขึ้นมา         “ที่ลุงยกเลิกยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากที่โยเกิร์ตเลิกกับเราออกัส แต่ส่วนหนึ่งเพราะทางบริษัทของเราไม่สามารถสั่งของได้ตามสัญญาและมันทำให้ทางบริษัทของลุงเสียหาย” คุณพ่ออธิบายถึงเหตุผล อ่า ช่วงนี้ก็คงถึงช่วงที่บริษัทของออกัสมีปัญหาและพยายามขอให้โยเกิร์ตช่วยถ้าเป็นเมื่อก่อน โยเกิร์ตคนนั้นคงขอร้องให้คุณพ่อช่วยทั้งที่บริษัทตัวเองก็จะลำบากไปด้วย...         แต่เราไม่ใช่... การช่วยครอบครัวของออกัสมากเกินไปมันทำให้ทางบ้านเราลำบากและคนพวกนั้นก็ไม่ได้รับรู้เลย         “เรื่องนั้นทางเราจะปรับปรุงโดยเร็ว” เขาชอบพูดแบบนี้เสมอเมื่อต้องการความช่วยเหลือจากทางบ้านของเราแต่ก็ไม่เคยจะแก้ไขมันจริง ๆ สักทีและเมื่อมีปัญหาที่บริษัทพ่อของเราก็ต้องจัดการแก้ไขเองเสมอ... เพราะงั้นเราคงปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว         “โยเกิร์ตลูก...ยังไงหนูก็รักออกัสนี่ช่วยเราหน่อยเถอะนะยังไงก็จะดองกันอยู่แล้วหนูคงจะแค่งอนออกัสแต่อย่าเอาเรื่องแบบนั้นมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ..” แม่ของออกัสพูดกับเรา         “รัก?...หนูไม่ได้รักหรือชอบอะไรลูกชายของคุณป้าแล้วค่ะและการถอนหมั้นนั้น...มันไม่ใช่แค่งอนแต่เป็นการเลิกจริง ๆ ค่ะ” เราพูดออกไปอย่างไม่ละสายตาจากคนครอบครัวนั้นเพื่อให้พวกเขาได้รู้ว่าเราพูดจริง...         “แหมหนูโยเกิร์ต...”         “ทั้งนอกใจทั้งทำร้ายร่างกายทั้งทำร้ายจิตใจ พูดจาแย่ ๆ และไม่สนใจความรู้สึกของหนูแล้วทำไมตอนนี้หนูต้องมาสนใจเรื่องของพวกคุณด้วยละคะ? ที่ผ่านมาเราคิดว่าเราช่วยมามากพอแล้ว...”         “...!!”         “ต้องขอโทษด้วยนะคะแต่ครั้งนี้ทางเราไม่สามารถช่วยอะไรได้จริง ๆ” ช่วยแก้ปัญหาด้วยตัวเองบ้างเถอะ         “โยเกิร์ต!! การที่เราเลิกกันมันไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างระหว่างเราจะต้องยกเลิกนิ..”         “ไม่...ทุกอย่างไม่ว่าอะไรที่มันต้องเกี่ยวข้องกันฉันจะไม่เอามันไว้ตัดต้องตัดให้ขาดไม่เคยได้ยินเหรอ?”         “แต่แบบนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอ?!” พ่อของออกัสขึ้นเสียงใส่         “มากไป?” เราพูดทวนในสิ่งในที่ได้ยิน         “ใช่!”         “พวกคุณควรจะถามกลับไปที่ตัวเองมากกว่า...ว่าที่ผ่านมาไม่พึ่งพาพวกเรามากเกินไปเหรอ?”         “โยเกิร์ต!! ไม่คิดว่าสิ่งที่พูดออกมามันไม่เกินไปเหรอทั้งที่พวกเราอุตส่าห์เอ็นดูและยอมให้ลูกชายหมั้นด้วยแท้ ๆ ” แม่ของออกัสพูดขึ้นบ้าง         “ตอนนี้ก็ถอนหมั้นแล้วนิค่ะ..พวกคุณอยากจะทำอะไรก็เชิญเลย ฉันเองในฐานะที่เป็นแม่รู้สึกผิดอย่างมากค่ะที่ตอนนั้นยอมให้ลูกสาวหมั้นกับลูกชายของคุณ!”         “คุณหญิงมณี!!” แม่ของออกัสไม่พอใจมากจนคะตอกคุณแม่ของเราเสียงดัง         “อย่าให้หางโพล่งไปมากกว่านี้เลยค่ะ...และมันคงไม่ดีนักถ้าเราจบกันไม่สวยเท่าไหร่” เราพูดอย่างไม่พอใจเมื่อเธอกล้าขึ้นเสียงใส่คุณแม่ของเรา         “หางนี่เธอว่าพวกเราเป็น...!!”         “คุณอานพ คุณแพร ผมคงต้องขอเชิญพวกคุณออกจากบ้านวันนี้เราไม่ชวนทานอาหารนะครับ...และก็หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก” คุณพ่อพูด         “เหอะ! คิดว่าพวกเราอยากจะมาที่นี่นักหรือไง?!”         “กลับออกัสลูก..”         “แต่..” ไม่รู้ทำไมแต่สายตาของเขามองมาที่เราอย่างอาลัยอาวรณ์เขาไม่ควรรู้สึกอย่างนั้นนะ...         “กลับยังไงเราไม่มีทางจนตอกแน่!!” และครอบครัวของออกัสก็เดินออกไป         “คุณพ่อแน่ใจแล้วหรือคะเรื่องนั้น?” เราถามความจริงเราไม่อยากมีปัญหาด้วยแหละเพราะการตัดขาดกันคราวนี้ต้องมีเรื่องไม่ดีเข้ามาแน่ ๆ เลย         “พ่อคิดมาสักพักแล้วแต่เห็นแก่ลูกที่รักลูกชายของเขาแต่ในเมื่อเราไม่มีพันธะใดใดแล้วลูกสาวพ่อไม่ได้รักเขา เพราะงั้นพ่อก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป...”         “คุณพ่อจะไม่เดือดร้อนหรือเจ้าคะ?”         “หึ ให้มันรู้ไปสิว่าใครมีอำนาจกว่ากัน!! ก็แค่พวกกินบุญเก่าบรรพบุรุษ!” เพราะว่าพวกเขาไม่คิดว่าพัฒนาอะไรนอกจากใช้สิ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้อะไร ๆ ที่มันเคยดีเลยค่อย ๆ ถดถอยลงและรอความช่วยเหลือจากบ้านของเราอย่างเดียว         “ใจเย็นเถอะพ่อลูกคู่นี้หวังว่าพวกเขาจะไม่มายุ่งกับพวกเราอีกก็พอ”         “คุณหญิงก็ดูสิทั้งที่บ้านเราช่วยเหลือไว้ตั้งเยอะแต่พูดเหมือนเราติดบุญคุณ เหอะ!”         “ไป ๆ ค่ะไปหาของหวานกินกันลูกด้วยนะโยเกิร์ต...”         “ค่ะ เดี๋ยวลูกตามไป..” และเมื่อคุณพ่อคุณแม่เดินออกไปเราก็ถอนหายใจทิ้งทันทีเพราะเมื่อนั้นอึดอัดเป็นบ้า...         “เฮ้ออออออออ~”         “ทำยังไงดีนะ...เนื้อเรื่องมันไม่เหมือนเดิมซะแล้วสิ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD