SHUT DOWN :: INTRO [30%]

1681 Words
SHUT DOWN ปิดฉากรัก INTRO เธอคือ ‘คนต้องห้าม’ ที่ผมไม่ควรรู้สึกหรือสัมผัส เหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งพยายามเข้าใกล้ผมมากขึ้น... ถ้าขืนเข้ามามากกว่านี้ คนที่จะเสียใจคือเธอ ไม่ใช่ผม :: SONG-KRAAM TALK :: “ผมขออยู่ที่นี่ก่อนแล้วกันครับ เพิ่งเรียนจบด้วย ผมขอใช้ชีวิตเสเพลสักพักได้ไหม?” (“แล้วตอนไปจากที่นี่ ไม่ได้ใช้ชีวิตเสเพลหรือไงสงคราม”) ถอนหายใจพลางหยิบบุหรี่เข้าปากก่อนจะสูบเอานิโคตินเข้าปอดให้มากที่สุดและพ่นควันออกมาเป็นรูปวงกลม ยามสอดสายตาไปยังวิวตรงหน้าซึ่งแดดจากบนท้องฟ้ามันแรงจนต้องยกมือปิดบังใบหน้าตัวเอง เพราะแสงสะท้อนจากตึกอื่นมันกระทบดวงตา ขนาดอยู่ชั้นที่คิดว่าสูงที่สุดแล้ว ทำไมหลบไม่พ้นนะ (“ฟังอยู่หรือเปล่าสงคราม”) “ครับ” ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ริมระเบียง (“ก็ได้ จะปล่อยให้ใช้ชีวิตตามที่ต้องการสักพักแล้วกัน”) “ขอบคุณครับ” (“แต่ถ้าถึงเวลาที่ป๊าเรียกตัวกลับลอนดอน ต้องกลับ ห้ามต่อรองแบบนี้อีก”) ทำได้เพียงตอบตกลงกับป๊าไป ไม่ช้าก็วางสายลงด้วยความหงุดหงิด หลังจากเรียนจบได้เพียงแค่ยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ ผมก็ได้รับสายจากผู้เป็นพ่อที่โทรตามให้กลับไปอยู่ที่ลอนดอนซึ่งเป็นเปรียบเสมือนบ้านเกิดอีกหลัง เพราะว่าพ่อแต่งงานใหม่กับเมียที่เป็นฝรั่ง และผมไปอยู่นั้นตอนอายุเพียงแค่สิบขวบ แต่ก็อยู่ไม่ได้ด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่ผมไม่สามารถปรับเปลี่ยนไปได้ ผมได้รับมรดกจากแม่ที่เสียชีวิตไปเพราะโรคภูมิแพ้ตัวเองตอนผมอายุได้เพียงหกขวบ สี่ปีหลังจากนั้นป๊าก็แต่งงานกับโรซานี แม่เลี้ยงที่นิสัยดี ต้นตระกูลดี รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อซึ่งเจอกันตอนพ่อไปเป็นผู้จัดการห้างดังที่อังกฤษ จนตอนนี้ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บริหารเต็มตัว แต่ผมอยู่ได้แค่ไม่ถึงปีก็กลับจากที่นั้นและป๊าก็ให้ผมดูแลตัวเองแต่ก็ฝากฝังผมไว้กับป้าที่ผมรักท่านมาก หลังจากโตจนขึ้นม.ต้น ผมก็เริ่มออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เพราะป้าสอนให้ผมหัดอยู่ตัวคนเดียว เพราะป้ารู้ดี ผมกับป๊าเราค่อนข้างที่จะไม่ลงรอยกันสักเท่าไหร่ ทรัพย์สินของแม่ที่ป้าได้รับหน้าที่ดูแลจึงถูกโอนมาในชื่อของผมด้วยวัยเพียงสิบแปดปี จึงเอาเงินมาซื้อคอนโดอยู่และใช้จ่ายด้วยตัวเอง มรดกที่แม่ทิ้งไว้ ใช้กี่ชาติก็ไม่มีวันหมด ผมถึงไม่เดือดร้อนถ้าหากจะต้องอยู่ที่นี่โดยไม่กลับไปที่นั้น “เออ กินเหล้ากัน” หลังจากวางสายจากป๊าผมก็โทรนัดพวกกลุ่มเพื่อนที่เรียนคณะวิศวฯ ด้วยกัน ผมมีเพื่อนสนิทแค่สองคนคือไอ้เดย์และไอ้ปาล์ม เมื่อโทรนัดเพื่อนจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัว แต่ก่อนจะไปผับผมคงต้องแวะที่ที่หนึ่งก่อน ทว่าสายตาทอดมองไปยังโคมไฟเมื่อผมถอดแหวนประดับนิ้วออกก่อนจะอาบน้ำ สร้อยแหวนสองวงที่ยังคงอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน... ป่านนี้เธอคงจะสบายดีใช่ไหมดีเทลกับทิศเหนือ คนที่เธอเลือก คนที่เธอรัก รอยยิ้มผุดขึ้น ระหว่างนึกถึงเรื่องของดีเทล เธอคือแฟนเก่าของผมที่เคยทำเรื่องระยำไว้กับเธอ แต่ ณ ตอนนี้เธอกลับมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นหลังจากได้คบหากับทิศเหนือ ผู้ชายคนนั้นที่น่าอิจฉาที่สุด หมอนั่นได้ความรักจากดีเทลที่เคยมีให้ผม ผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว... เพราะระหว่างผมและเธอกับทิศเหนือ เราคือมิตรภาพที่ดีต่อกัน เราคือเพื่อนกัน สิ่งดีๆ นับตั้งแต่วันที่ผมได้ปล่อยมือดีเทล ให้เธอได้เจอกับความรักที่แท้จริง ซึ่งผมอยากทำอะไรเพื่อเธอบ้างก็เท่านั้น รู้สึกดี ใช่ เธอทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น แต่ไม่เคยเสียใจเลยที่ต้องปล่อยเธอไปแบบนั้น... ดีซะอีก เพราะการปล่อยวาง มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองได้ปลดปล่อยสิ่งที่เคยกระทำไว้กับเธอเมื่อหลายปีก่อน ต่อจากนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว สงครามคนที่ผูกมัดกับใคร หรือต้องการใครเพียงเพราะสิ่งที่เรียกว่า ‘เซ็กส์’ จะไม่ยอมผูกมัดกับใคร ให้เขาต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว รถสปอร์ตปอร์เช่สองประตูสีดำสนิทของผมเลี้ยวเข้ามาที่บ้านหลังหนึ่ง ไม่ถึงเรียกว่าคฤหาสน์ แต่เป็นเพียงแค่บ้านหลังหนึ่งที่ใหญ่โตพอจะสมกับฐานะของคุณหญิงเจนจิรา ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นป้าของผม “สวัสดีครับพี่แจม” ยกมือไหว้พี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผม พี่แจมเป็นลูกสาวคนโตของป้าเจน อายุก็ปาเข้าไปสามสิบสองแล้ว และตอนนี้... ก็กำลังตั้งท้องราวๆ หกเดือนแล้ว “ไงครับเจ้าตัวน้อยของพี่” “หายหน้าหายตาไปเลยนะคราม พี่คิดว่าเราคงจะลืมที่นี่แล้วซะอีก” “ผมเพิ่งเรียนจบน่ะครับ แล้วก็เที่ยวบ่อยด้วย ขืนมาที่นี่มีหวังโดนป้าเจนบ่นอีก” ยักไหล่หลังจากลูบไปยังหน้าท้องนูนใหญ่ตามอายุครรภ์ “แล้วพี่ไทยังไม่กลับเหรอครับ?” “ยังหรอกจ๊ะ แต่คงอีกสักพัก จะรอเจอพี่เขาไหมล่ะ พี่จะได้ฝากงาน...” “โนครับ ผมยังไม่พร้อมจะทำงาน” รีบยกมือห้ามพี่แจมที่ยิ้มอ่อนพลางส่ายหน้าไปมา “ก็เป็นซะแบบนี้ล่ะ” พี่ไทคือสามีของพี่แจมที่ทำงานเป็นวิศวกรดูแลงานสร้างและผมจบมาด้านนี้ พี่แจมเลยรีบที่จะให้พี่ไทฝากงานให้ผม “ขอตัวไปหาป้าเจนก่อนนะครับ” ยิ้มกว้างและเดินสวนร่างอวบไปทางห้องรับแขก เมื่อโผล่หน้าไปก็เห็นป้าเจนกำลังนั่งหันหลังอยู่ หมับ “ว้าย!” “สวัสดีครับป้าเจน” “ตาคราม... ป้าตกใจหมดเลยลูก” กอดรัดร่างอวบอ้วนก่อนจะกดริมฝีปากไปยังแก้มของท่าน “หายหน้าหายตาไปเลยนะ คิดว่าจะลืมคนแก่คนนี้ซะแล้ว” “นัดกันกับพี่แจมหรือเปล่าครับเนี่ย บ่นผมเหมือนกันเลย” ว่าเสร็จก็เดินไปนั่งลงบนพื้นเอนศีรษะซบตักของป้าเจนที่วางมือลงบนบ่า “พ่อเขาโทรมาหาป้า” “รู้แล้วล่ะครับ เมื่อช่วงสายป๊าก็โทรหาผม อยากให้กลับไปอยู่ที่ลอนดอน” เงยหน้าสบตากับดวงตาของป้าเจนซึ่งใบหน้าสวยก็เหี่ยวย่นไปตามวัยที่ชรามากขึ้น “ผมปฏิเสธไป หรือต่อให้ป๊าโทรมาให้กลับ ผมก็ไม่ไป” “คราม” “ผมตัดสินใจแล้ว... บ้านเกิดของผมอยู่ที่นี่ แม่ของผมท่านอยู่ที่นี่นะครับ” แม้ว่าทางด้านญาติของแม่จะไม่ชอบใจป๊าที่แต่งงานใหม่และพาลเกลียดผมไปด้วย ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยสนิทกับญาติของแม่เท่ากับญาติของพ่อ มันมีหลายปัจจัย แต่ผมเข้าใจป๊าดี ไม่เคยโกรธด้วยที่ท่านแต่งงานใหม่เพราะแม่ก็ตายไปหลายปี ป๊าถึงตัดสินใจแต่งงาน แต่สำหรับผมกับท่านมันเหมือนมีเส้นขนานขวางกั้นเราสองคนอยู่ ไม่เคยที่จะคุยด้วยกันดี ในขณะที่ป๊าบังคับ แต่ผมชอบขัดคำสั่ง... จนสุดท้ายก็กลายเป็นทะเลาะกันมากกว่าคุยกันดีๆ “เอาล่ะป้าไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เพราะสงครามโตพอที่จะตัดสินใจอะไรๆ ด้วยตัวเอง ป้าไม่วุ่นวาย” “ขอบคุณครับ” “มาแบบนี้งั้นอยู่ทานข้าวกับป้านะ” รีบส่ายหน้าไปมาพลางยกนาฬิกาข้อมือดู “ขอโทษนะครับ เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน ผมมีนัดกินเหล้ากับเพื่อน” พอพูดแบบนี้สีหน้าป้าเจนก็มุ่ยทันที ตีไหล่ผมเบาๆ แต่ผมกลับโอเวอร์ไปอีกด้วยการทำหน้าบูดใส่ท่าน “กินแต่เหล้า สูบแต่บุหรี่ แล้วก็...” “ควงผู้หญิงไม่ซ้ำ โธ่ป้าเจนครับ ผมโสดนะ ชายโสดก็ต้องเสเพลเป็นธรรมดา” “งั้นก็หาแฟนสิ นอกจากป้าจะรออุ้มลูกจากยัยแจมแล้ว ป้าก็หวังจะอุ้มลูกของครามเหมือนกัน” ผมยิ้มและโน้มไปกอดท่าน “พี่แจมคลอดลูก ป้าเจนเป็นยายแล้วนะ ถ้ารออุ้มลูกผม... ป้าเจนก็จะเป็นทวด แก่เลยทีนี้” “สงคราม!” “ไปดีกว่า ไว้ผมจะมาหาอีกนะครับ” ไม่ว่าเปล่าจูบแก้มท่านและวิ่งออกไปทันทีอย่างเร่งรีบ เนื่องจากโดนบ่นไล่หลัง ผมรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ผมได้เป็นตัวเองมากกว่าที่จะต้องไปอยู่ที่นั้น อยู่ในกรอบที่พ่อสร้างขึ้นให้ผม... แบบนั้นผมไม่เอาหรอก ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันกลับไป ไนต์คลับ XXX ผมมาถึงที่นัดหมายในเวลาต่อมา ผมเป็นนักท่องราตรี กินเหล้าเคล้านารีนี่คือสิ่งที่ผมทำเป็นประจำราวกับมันคือส่วนหนึ่งในชีวิต หลังจากเรียนจบแม้เพื่อนบางคนจะมีงานทำหรือไม่มีก็มักจะนัดกันมาสังสรรค์กันอยู่เสมอ “เอ๊า! ชนครับ แดกให้ตับพังกันไปข้าง” ไอ้เดย์พูดขึ้นพลางทำหน้ากวนตีน ส่วนไอ้ปาล์มก็เอาแต่ซุกไซ้ผู้หญิงที่พามาด้วยจนผมกรอกเหล้าผ่านลำคอจนหมดแก้ว “ไอ้ปาล์ม ห้องมีนะ กูเปิดให้เอาไหม?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD