ผมถอนหายใจและขับรถออกไปจากไนต์คลับ มาหยุดรถที่ริมน้ำยามค่ำคืน ลดกระจกลงเพื่อสูบบุหรี่ อย่างน้อยก็รอให้เธอตื่นขึ้นเอง ผมจะไม่มีวันพายัยเด็กคนนี้ไปที่ห้องเด็ดขาด แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาเกือบตีสี่ ผมก็อัดบุหรี่และนั่งอยู่กับเธอจนตอนนี้เกือบจะรุ่งเช้า คนข้างกายก็ค่อยๆ ขยับตัวไปมา สองมือยกขึ้นกอบกุมศีรษะพร้อมดวงตาที่ค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า
“อื้อ... ปวดหัวอ่า” ยามที่ร่างเล็กบิดตัวไปมา กระโปรงสั้นมันก็ถลกขึ้นจนผมต้องเบือนหน้าหนี บอกแล้วใช่ไหม ผมคือผู้ชายเจ้าชู้ ฟันผู้หญิงมานับไม่ถ้วน และผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะมาทนกับอะไรแบบนี้ได้นานๆ หรอกนะ
เธอคือใคร? น้องสาวของทิศเหนือเพื่อนของผม ‘ของต้องห้าม’ ที่ห้ามแม้แต่จะคิดอะไรเกินเลยด้วยซ้ำ
“เอ๊ะ?” พอได้ยินเสียงร้องตกใจ ผมจึงหันกลับไปมอง ใบหน้าสวยเบิกตากว้างเมื่อสบตากับผม “พะ พี่สงคราม ทำไม... ก็เมื่อคืนม่าน”
“เธอมานอนที่รถของฉัน”
“แต่...”
“เมาด้วย ดีที่มานอนที่รถฉัน ถ้าคนอื่นป่านนี้คง...” ไม่พูดเปล่า ใช้สายตามมองไปตามเรือนร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดหน้าขานวลๆ และเบือนหน้าหนี สูบบุหรี่เอาเข้าปอดเพื่อระงับใจร้อนๆ ในตอนนี้
แพ้คนแต่งตัวเซ็กซี่ ไอ้เวรเอ๋ย!
“บังเอิญจัง ม่านไม่รู้ว่ารถคันนี้เป็นของพี่สงคราม มันคล้ายรถเพื่อนม่าน”
“จะให้ไปส่งที่ไหน?”
“คือม่านยังกลับไม่ได้นะ”
“เมื่อคืนเธอละเมอว่าอยู่หอ บอกที่อยู่หอมา” รีบขัดคำพูดของเธอ ผมรู้เลยว่าม่านฟ้ากำลังจะคิดทำอะไร ถ้าไม่ใช่การไปที่ห้องของผม แค่หายใจก็รู้แล้วว่าคิดอะไร... ผมช่ำชองเรื่องพวกนี้มาก อาบน้ำร้อนมาก่อน มีเหรอจะไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร
“พี่สงคราม”
“บอกมา” หันไปมองเพื่อคาดคั้น ม่านฟ้าทำหน้าบูดกอดอกและเบือนหน้าหนีโดยไม่พูดอะไรเลย “ม่านฟ้า”
“ม่านอยากอาบน้ำ”
“ก็ไปที่หอเธอสิ บอกมาตรงไหน?”
“ม่านหิวด้วย” ยัยเด็กคนนี้ยังไงกันวะ! “ม่านอยากอยู่กับพี่สงคราม”
“...”
“นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน ม่านคิดถึงพี่สงคราม” บอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หากแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิดกับการบอกคิดถึง ใครจะไปคิดถึงเธอกันวะยัยเด็กแก่แดด!
“แต่ฉันไม่ได้คิดถึงเธอสักนิด”
“ใจร้ายที่สุด” หันมามองผมด้วยสีหน้าโกรธเคือง “อย่าคิดว่าม่านจะหยุดแค่นี้ ระวังตัวไว้เหอะ”
“ขอบใจที่เตือน แต่เธอต่างหากที่ต้องเตือนตัวเอง ไม่ใช่ฉัน”
ม่านฟ้ากัดริมฝีปากตัวเองก่อนจะยอมบอกทางกลับไปหอของเธอ ผมจึงขับรถไปส่งเธอโดยที่ภายในรถก็เงียบสงบราวกับไม่มีใครนั่งอยู่ด้วย “กระเป๋าม่านหาย”
“ฉันไม่รู้ เห็นเธอมาแต่ตัว”
“งั้นคงอยู่ที่เพื่อนแน่เลย” พูดเสร็จก็ยกมือกุมขมับตัวเอง ผมถอนหายใจจึงจอดรถ “พี่สงครามจอดทำไมคะ?”
ไม่พูดอะไร แต่ลงจากรถและตรงเข้าไปในร้านสะดวกซื้อหยิบผ้าเย็นและน้ำดื่มมาจ่ายเงิน ก่อนจะขึ้นรถส่งของทั้งหมดให้ม่านฟ้าที่รับไปอย่างมึนงง
“เช็ดหน้าเช็ดตา ดื่มน้ำเยอะๆ จะได้หายแฮงค์” ว่าโดยไม่มองเธอ จับจ้องไปยังด้านหน้าเพราะตอนนี้จราจรเริ่มแออัดแล้วช่วงนี้
“น่ารัก” ได้ยินเสียงเล็กบ่นขึ้น “คนบ้า ปล่อยไปก็โง่แล้ว”
“อะไรของเธอ”
“ไม่ต้องรู้หรอกค่ะ ม่านก็บ่นไปเรื่อย” ส่ายหน้าไปมาก่อนจะยกมือปิดปากตัวเองเนื่องจากอาการง่วงนอนเริ่มเล่นงานผมบ้างแล้ว หักหัวรถเลี้ยวเข้ามาจอดตามที่ม่านฟ้าบอก แต่ทว่าที่นี่มันไม่ใช่หอนี่นา... แต่มันเป็นคอนโด
“ที่นี่เหรอ? ไหนบอกว่าหอ”
“ก็ม่านเรียกหอนี่คะ เรียกให้ติดปากเวลาพ่อถามไปไหนก็บอกมาค้างที่หอ” ผมเบ้ปากก่อนจะกดปลดล็อกรถให้เธอได้ลงไป หยิบแก้วกาแฟที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อขึ้นจิบ “แต่ม่านอยู่ที่นี่กับเพื่อนผู้หญิงนะคะ”
“บอกทำไม ไม่ได้อยากรู้”
“แต่ม่านอยากบอก พี่สงครามจะได้ไม่เข้าใจผิดคิดว่าม่านอยู่กับคนอื่นที่เป็นผู้ชาย” ม่านฟ้ายิ้มกว้างก่อนจะปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก “ขอบคุณนะคะที่อยู่กับม่านจนถึงเช้า โดยที่พี่สงครามไม่ได้หลับเลย”
“...”
จุ๊บ
“มะ ม่านฟ้า!”
“แล้วเจอกันค่ะ” ผมตกใจสุดขีดที่เธอโน้มใบหน้ามาจูบแก้มผมจนหน้าสั่น ใช่ หน้าสั่นเลยคือมันเป็นการจูบแก้มที่รุนแรงและรวดเร็วไง ม่านฟ้าลงจากรถไปพลางโบกมือให้กับผมอย่างยิ้มแย้มและพอได้เห็นเธอเต็มตัวแบบนี้
“ชุดบ้าอะไร สั้นฉิบหาย!”
แต่งตัวแบบนี้ไปเที่ยวในที่แบบนั้น... เป็นน้องเป็นนุ่ง จับตีให้ตูดลาย
:: SONG-KRAAM TALK END ::